ถ้าพูดถึงฤดูใบไม้ผลิ ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความโดดเด่นอยู่มาก และในภูมิภาคโทโฮขุ (Tohoku) ซึ่งอยู่ทางตอนบนของเกาะฮอนชู ก็มีจุดชมใบไม้ผลิงามๆ อยู่หลายแห่งเลยทีเดียว
ถ้าพูดถึงฤดูใบไม้ผลิ ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความโดดเด่นอยู่มาก และในภูมิภาคโทโฮขุ (Tohoku) ซึ่งอยู่ทางตอนบนของเกาะฮอนชู ก็มีจุดชมใบไม้ผลิงามๆ อยู่หลายแห่งเลยทีเดียว
เรามาเริ่มต้นเส้นทางการเดินทางกันเลยดีกว่า มาดูกันว่าทั้ง 6 จังหวัดของภูมิภาคโทโฮขุที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยมนี้ หากล่องลงใต้จาก Aomori ลงมาถึง Fukushima ไปชมใบไม้ผลิบานจุดเจ๋งๆ จะไปที่ไหนได้บ้าง
หากมาจากกรุงโตเกียวสู่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ที่อยู่ทางตอนบนของภูมิภาคโทโฮขุ จะนั่งเครื่องมา (ประมาณ 1.20 ชม.) หรือนั่งรถไฟชิงกันเซนมาก็ได้ (ประมาณ 3 ชม.)
Hirosaki Castle
Credit Photo: ©Hirosaki city/©JNTO
Aomori มีแหล่งชมซากุระใหญ่โต เรียกว่าพอแตกกิ่งเบ่งบาน ก็มีให้ชมกันแบบพรึบพั่บเลยทีเดียว และสถานที่ชมซากุระที่แรกในจังหวัด Aomori ที่ไม่ควรพลาดเลย คือที่ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) แล้วก็เชื่อว่าใครที่ชื่นชอบญี่ปุ่นคงรู้ดีว่าทำไมต้องไปชมที่ปราสาท! นั่นก็เพราะว่ารอบๆ ปราสาทของญี่ปุ่น มักจะมีการปลูกไม้ดอกสวยพวกนี้เอาไว้แทบทั้งสิ้น หรือไม่ก็มีสวนซากุระหรือสวนบ๊วย เอาไว้ให้ท่านเจ้าของปราสาทหรือแขกมาชื่นชมโดยเฉพาะกันไปเลย
ปราสาทฮิโรซากิ เดิมเป็นปราสาทสูง 5 ชั้น แต่ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นปราสาท 3 ชั้น มีขนาดเล็กกระทัดรัดเล็กลงมา ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวน ที่ให้บรรยากาศสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล เรียกว่ามาฤดูไหนก็งาม
และสำหรับฤดูใบไม้ผลิ (Hisoraki Cherry Blossom) ในส่วนของ Hirosaki Park นั้น ได้รับความนิยมเป็นที่สุด เพราะถูกจัดเป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีต้นซากุระอยู่ราวๆ 2,600 ต้น และมีมากถึงกว่า 50 สายพันธุ์ อาทิ Somei Yoshino, Shidarezukura, และ Yaezakura เป็นต้น
นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่นชมอุโมงค์ซากุระ ล่องเรือชมดอกไม้กันก็ยังได้ มีร้านค้าแผงลอยสไตล์งานเทศกาลญี่ปุ่นด้วยนะ และขอแนะนำให้มาในช่วงหัวค่ำกันอีกครั้ง เพราะที่นี่มีการประดับประดาไฟเป็น Illumination ด้วย เวลาประมาณ 18.30 – 22.00 น. ในช่วงประมาณ 23 เม.ย. – 5 พ.ค. ของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1 Shimoshirogane-cho, Hirosaki-shi, Aomori 036-8356
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ตัวปราสาทปิดบริการช่วงฤดูหนาว ราว 24 พ.ย. – 31 มี.ค.)
ค่าเข้าชม : บัตรรวม (เข้าชมได้ทุกส่วน) ผู้ใหญ่ 520 เยน เด็ก 160 เยน
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ Konan-Bus Dote-machi Loop (100 เยน) จากสถานี JR Hirosaki Station ประมาณ 15 นาที ไปลงที่ป้าย Shiyakusho Mae (City Hall) แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ :
https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1229.html
https://www.hirosakipark.jp/en/
Ashino Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1002513.html
จากตัวเมือง Aomori เรายังสามารถเดินทางออกไปชมซากุระที่นอกเมืองกันได้ด้วย และสถานที่ที่แนะนำในครั้งนี้ก็คือ Ashino Park ซึ่งก็เป็น 1 ใน Top 100 Cherry Blossom Spots ของญี่ปุ่นด้วย
จุดนี้เป็นสวนกว้างครอบคลุมพื้นที่ราวๆ 80 เฮกเตอร์ (800,000 ตร.ม.) ล้อมรอบทะเลสาบอาชิโนะ (Lake Ashino) มีซากุระราว 2,200 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ Somei Yoshino และ Satozakura
ไฮไลท์ของการชมซากุระที่สวนแห่งนี้ ก็คือมีรางของรถไฟสาย Tsugaru Railway ผ่านสวน เวลารถไฟวิ่งลอดอุโมงค์ต้นซากุระที่เรียงรายเลียบสองข้างทางรถไฟ เป็นอารมณ์การชมซากุระที่เท่สุดๆ ไปเลย ทั้งคนที่อยู่บนรถไฟและคนที่ชมดอกไม้อยู่ในสวน ยิ่งถ้ารถไฟที่วิ่งผ่าน เป็น Hashire Merosu (Run! Melos) รถไฟที่สุดคลาสสิกที่ถูกกล่าวถึงโดยนักเขียนดัง Osamu Dazai จะยิ่งเท่!
สำหรับเทศกาลชมซากุระของสวนสาธารณะแห่งนี้จะอยู่ในช่วงวันหยุด Golden Week (ปลายเม.ย. – ต้นพ.ค.) ของทุกปี สามารถไปชมกันได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 84-170 Ashino, Kanagi Town, Goshogawara, Aomori
เปิดบริการ : ทุกวัน / เทศกาลชมซากุระ (ปลายเม.ย. – ต้นพ.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tsugaru Railway มาลงที่สถานี Ashino-koen ได้เลย
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1139.html
Kakunodate Samurai Residence
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1008483.html
เมื่อเดินทางถัดลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด Aomori ก็คือจังหวัดอาคิตะ (Akita) ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 2.30 ชม. ชมวิวป่าเขาชิลๆ ไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันได้งีบ ก็ถึงแล้ว 😉
มาถึง Akita แล้ว ก็ต้องขอบอกเลยว่าคิวเราแน่นมาก.. เพราะที่จังหวัดนี้ มีจุดชมซากุระที่ขอแนะนำเลยว่าควรค่ากับการใช้เวลาอยู่ชมนานๆ ไปเลย! มาเริ่มกันที่… Kakunodate Samurai Residence (Bukeyashiki)
ย่านคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) เป็นย่านที่พักอาศัยของเหล่าซามูไรบริเวณ Castle Town (Jokamachi) ที่เฟื่องฟูมากในสมัยเอโดะ จนได้ฉายาว่า “Little Kyoto” แห่งภูมิภาคโทโฮขุ และสุนทรียภาพอย่างหนึ่งของผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ในยุคนั้นก็คือฤดูกาลชมซากุระผลิบาน ที่นี่มีต้นซากุระพันธุ์ห้อยระย้า (Shidare Zakura) สวยงามที่เรียงรายสองข้างถนนกว่า 400 ต้น บางต้นเก่าแก่ราว 200 ปี เลยทีเดียว
บริเวณนี้เราสามารถหาเช่าชุดกิโมโนมาเดินเล่นชมซากุระให้เข้ากับบรรยากาศได้ จะเข้าเยี่ยมชมภายในบ้านซามูไรบางตระกูลที่เปิดให้เข้าชม แบบมีค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ หรือจะนั่งรถลาก (Jinrikisha) ก็เก๋สุดๆ ไปเลยล่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Higashi-Katsurakucho / Omotemachi Kakunodate Town, Senboku, Akita
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ต้นพ.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี (หากไม่ได้เข้าชมภายในบ้านซามูไร)
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kakunodate (15-20 นาที)
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1203.html
Hinokinaigawa-Tsutsumi Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1007537.html
เราไปเที่ยวอีกหนึ่งจุดชมซากุระยอดนิยมของจังหวัด Akita ที่อยู่ไม่ไกลจาก Kakunodate Samurai Residence เท่าไรนัก สามารถเดินไปได้เลย นั่นคือ.. Hinokinaigawa-Tsutsumi Park ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ Hinokinai
จุดนี้ก็เป็น 1 ใน 100 Best Spots for Cherry Blossom หรือจุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งที่นี่เราจะได้เห็นภาพกว้างๆ ของซากุระหลายร้อยต้นที่เรียงรายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เป็นระยะทางราวๆ 2 กิโลเมตร (ประมาณ 400 ต้น) ดังนั้นหากมาถึง ย่าน Kakunodate ในฤดูใบไม้ผลิ แล้วไม่มาให้ถึง Hinokinaigawa-Tsutsumi Park ก็นับว่าพลาดอยู่นะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Nakakawara, Ogata / Kitano, Kakunodate, Akita
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ต้นพ.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kakunodate (15-20 นาที) หรือเดินต่อจากย่าน Kakunodate Samurai Residence มาประมาณ 300 เมตร
เว็บไซต์ : https://www.city.semboku.akita.jp/en/sightseeing/spot/07_someiyoshino.html
Senshu Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1007479.html
อีกหนึ่งจุดชมซากุระของจังหวัด Akita ที่เดินทางสะดวกมากๆ เพราะอยู่ที่ตัวเมือง Akita จึงแนะนำว่าไม่ควรพลาด จุดนี้ก็คือ Senshu Park เป็นสวนใกล้ปราสาทคุโบตะ (Kubota Castle) ซึ่งมีซากุระอายุประมาณ 120 ปี อยู่ราวๆ 730 ต้น และถูกจัดอยู่ใน 1 ของ 100 Best Spots for Cherry Blossom เช่นเดียวกัน
ในฤดูซากุระ ก็จะออกร้านแผงลอย และการแสดงต่างๆ ควบคู่ไปกับการได้มาเดินชมซากุระในสวนแห่งนี้ และในช่วงกลางคืนก็มีการประดับไฟ สร้างบรรยากาศการชมดอกไม้ยามค่ำคืนให้มีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วยนะ
ซากุระในสวนแห่งนี้ปกติจะบานเต็มที่ให้ชมกันตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. ถึงสิ้นเดือนเม.ย.
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Akita City Senshu park
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ปลายเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Akita ประมาณ 7-10 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1495.html
Takamatsu Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1003796.html
มาต่อกันที่จังหวัดทางชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคกันบ้าง… จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัด Akita สามารถนั่งรถไฟมาถึงได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. เท่านั้น
เริ่มเที่ยวกันเลยที่เมือง Morioka ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระมากๆ เลยล่ะ ดังนั้น ไม่ควรพลาดนะจ๊า 😉
มาอีกแล้วจ้า 1 ใน 100 Best Spots for Cherry Blossom ที่นี่คือสวนสาธารณะทาคามัตสึ (Takamatsu Park) ทั้งสวนมีซากุระราว 1,260 ต้น ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ Somei Yoshino, Yaezakura, และ Shidarezakura ซึ่งจุดนี้มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก คนญี่ปุ่นจึงนิยมมาดูนกกัน แต่ถ้าใครชอบออกกำลังเขาก็จะเช่าเรือพายเล่น แถมวันไหนถ้าฟ้าเปิดก็จะได้วิวภูเขาอิวาเตะที่รูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิจากกลางสระน้ำเลย วิวดีมากๆ ขอบอก!
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1-26-1 Takamatsu, Morioka-shi, Iwate
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ปลายเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถเมล์จากสถานี Morioka (สาย 307) มาลงที่ป้าย Takamatsu-no-ike-guchi (ประมาณ 15 นาที) สวนอยู่ด้านหน้าป้ายรถเมล์เลย
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1304.html
Kitakami Tenshochi Park
Credit Photo: ©Iwate Prefecture/©JNTO
อิ่มเอมไปกับวิวสวยๆ ของสวนสาธารณะทาคามัตสึแล้ว ก็มากันต่อที่เมือง Kitakami (นั่งรถไฟมาจาก Morioka ได้ไม่เกิน 1 ชม. แต่ถ้านั่งชิงกันเซนมา ก็ไม่เกิน 20 นาที) และแน่นอนว่าสวนคิตะคามิเท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park) ที่แนะนำนี้ ก็ติดหนึ่งใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Kitakami มีต้นซากุระเรียงรายอยู่เป็นหมื่นต้น (มากกว่า 150 สายพันธุ์) สามารถเดินชมกันได้ตลอดความยาวราว 2 กิโลเมตร
ไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวที่มาในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ ก็คือการมานั่งรถม้าลอดอุโมงค์ซากุระ ล่องเรือชมซากุระ และชมไฟ (Light-up) ยามค่ำคืนกลางดงดอกซากุระจ้าาาาา
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Tachibana, Kitakami, Iwate
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ ต้นเม.ย. – ต้นพ.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินประมาณ 20 นาทีจากสถานี JR Kitakami / Taxi ประมาณ 10 นาที / นั่งรถเมล์จากสถานี JR Kitakami มาลงที่ป้าย Tenshochi เดินต่อประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1724.html
Kajo Park
Credit Photo: https://yamagatakanko.com/photos/detail_1552.html
ล่องใต้ลงมาที่จังหวัด Yamagata กันต่อเลย นั่งรถไฟจาก Morioka มาประมาณ 1.30 ชม.
ที่นี่มีสวนสาธารณะคาโจ (Kajo Park) ซึ่งอยู่บริเวณซากปราสาทยามากาตะ (Yamagata Castle) ที่อยากจะแนะนำว่าไม่ควรพลาด
ปราสาทยามากาตะ นั้นเป็น 1 ใน 100 ปราสาทสำคัญของญี่ปุ่น แม้ว่าจะถูกทำลายจนเหลือแต่รากฐาน บริเวณโดยรอบก็ยังสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ การเดินทางมาก็สะดวกเพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟยามากาตะเลย
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวนิยมมาปิกนิคกันเพื่อชมความงามของดอกซากุระราว 1,500 ต้นที่กำลังเบ่งบาน รวมถึงมาเดินเล่นช้อปปิ้งและหาของอร่อยๆ กินกันตามร้านรวงในบริเวณนี้ ซึ่งในตอนกลางคืนที่ Kajo Park ก็มีประดับไฟเป็น Illumination ด้วย เป็นสวนที่มีมุมสวยๆ หลายมุมเลยนะ ต้องลองเดินเล่นให้ทั่วๆ ล่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1-1-7 Kajo-machi, Yamagata-shi, Yamagata
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ปลายเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Yamagata ฝั่งทางออก East Exit มาที่ประตูสวนฝั่ง East ใช้เวลาประมาณ10 นาที หรือเดินจากสถานี Yamagata ฝั่งทางออก West Exit มาที่ประตูสวนฝั่ง South ประมาณ 10 นาทีก็จะถึงสวน
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1336.html
Eboshiyama Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1003845.html
จากตัวเมือง Yamagata เราล่องใต้ลงมาที่เมือง Nanyo ซึ่งสามารถนั่งรถไฟมาถึงได้เพียง 25-30 นาทีเท่านั้น ที่นี่มีสวนสาธารณะที่ติด 1 ใน Top 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเช่นกัน นั่นก็คือ Eboshiyama Park
Eboshiyama Park มีซากุระอยู่ราว 1,000 ต้น ประมาณ 25 สายพันธุ์ (ไฮไลท์ของที่นี่คือพันธุ์ Edohigan ที่หาชมได้ยาก และยังมีซากุระพันธุ์โยชิโนะที่มีอายุมากกว่า 120 ปีอีกด้วย)
สวนแห่งนี้อยู่ติดกับ Akayu Onsen ดังนั้นใครที่ชอบแนวนี้ หลังจากฟินไปกับการชมซากุระในสวนแล้ว ยังสามารถไปหาที่แช่น้ำแร่ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางได้นะ ในตอนกลางคืนก็ยังกลับไปเดินดูดอกซากุระได้ เพราะมี Light-up ถึงราวๆ สี่ทุ่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1415 Akayu, Nanyo-shi, Yamagata
เปิดบริการ : ตลอดปี (ฤดูซากุระบานคือ กลางเม.ย. – ปลายเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่ง Taxi จากสถานี Akayu ประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohoku-sakuradaido.jp/en/sakuratourism/view/36
Shiogama Shrine & Shiwahiko Shrine
Credit Photo: ©Miyagi Prefecture/©JNTO
จังหวัดต่อไปในภูมิภาคโทโฮขุ ที่เราจะไปชมซากุระกันก็คือ จังหวัดที่คุ้นเคยกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว มิยางิ (Miyagi) ซึ่งมี เซนได (Sendai) เป็นเมืองหลัก และที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเซนได คือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อ่าว Matsushima ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สถานที่ชมวิวทางทะเลที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
โดยศาลเจ้าชิโอกามะ (Shiogama Jinja) และศาลเจ้าชิวะฮิโกะ (Shiwahiko Jinja) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขา จึงสามารถชมความงามของดอกซากุระไปพร้อมๆ กับการชมวิวอ่าว Matsushima แบบกว้างๆ ได้เลย
เดิมทีบริเวณนี้ มีศาลเจ้าหลักคือศาลเจ้า Shiogama เท่านั้น แต่ภายหลัง (สมัยเมจิ) ได้มีการย้ายศาลเจ้า Shiwahiko มาไว้ด้วยกัน สถานที่แห่งนี้จึงเรียกว่า “ศาลเจ้า Shiogama และศาลเจ้า Shiwahiko” ถือเป็นที่เดียวกันนั่นเอง
ความโดดเด่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของที่นี่ ก็คือซากุระกว่า 300 ต้น ประมาณ 35 สายพันธุ์ ที่บานไม่พร้อมกัน จึงทำให้เราสามารถไปชมซากุระที่บานต่อเนื่องกันได้ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. จนถึงราวๆ ต้นเดือนพ.ค. ซึ่งต้น “Shiogama-zakura” ของศาลเจ้าแห่งนี้ เป็น Natural Monument แห่งญี่ปุ่นเลยนะ ควรค่ากับการไปเที่ยวชมจ้า
นอกจากนี้ ที่นี่ยังโดดเด่นเรื่องบันไดหิน 202 ขั้น และประตูใหญ่ของศาลเจ้าแบบสองชั้น ที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมในฤดูใบไม้ผลิ เพราะจะมีซากุระงามๆ บานสะพรั่งเป็นฉากสวยๆ อยู่คู่กันนั่นเอง และเนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากๆ ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม งานศิลปะ ฯลฯ จึงมีคุณค่ามากกกกก แนะนำให้แวะเข้าไปชมในส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์กันด้วยนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1-1 Ichimoriyama, Shiogama, Miyagi 985-8510
เปิดบริการ : ตลอดปี ในเวลา 05.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี Hon-Shiogama ใช้เวลา 15 นาที จะถึงโทริอิทางเข้าพื้นที่ของศาลเจ้า (ใช้เวลาเดินถึงตัวศาลเจ้า ผ่านโทริอิ ผ่านบันไดหิน ฯลฯ รวมแล้วประมาณ 45 นาที)
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1173.html
Hitome Senbonzakura
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1005516.html
จากเมือง Shiogama เราสามารถนั่งรถไฟจากสถานี Hon-Shiogama ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Sendai เพื่อล่องลงมาทางใต้ ไปยังเมือง Ogawara (สถานี Ogawara) ที่ตั้งของฮิโตเมะเซนบงซากุระ (Hitome Senbonzakura) กันได้เลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เราก็จะได้เห็นซากุระสวยๆ ที่อีกจุดหนึ่งกันแล้ว (^^)
จากสถานี Ogawara เดินประมาณ 3 นาที เราก็จะเห็นบริเวณที่เรียกว่า Hitome Senbonzakura จุดชมซากุระนอกเมืองของจังหวัด Miyagi ซึ่งจุดนี้มีซากุระเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำชิโรอิชิ (Shiroishi) นับพันต้น (ราวๆ 1,200 ต้น) เป็นระยะทางยาวถึง 8 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ที่นี่ เราจะได้เห็นวิวทิวต้นซากุระสะท้อนกับแม่น้ำ Shiroishi โดยมีภูเขาซาโอะ (Mt. Zao) ที่ถูกหิมะปกคลุมเป็นฉากหลัง มีเสน่ห์มากๆ
ในช่วงเทศกาลชมซากุระที่ Hitome Senbonzakura จะมีการออกร้านเอาใจนักท่องเที่ยว ส่วนตอนกลางคืนก็มี Light-up ด้วยนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Ogawara, Shibata-gun, Miyagi
เปิดบริการ : ตลอดปี (ฤดูซากุระบานคือ ต้นเม.ย. – กลางเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี Ogawara หรือสถานี Funaoka
เว็บไซต์ : http://www.hitome-senbonzakura.com/
Funaoka Joshi Park
Credit Photo: ©Miyagi Prefecture/©JNTO
ไม่ไกลจาก Hitome Senbonzakura ยังมีสวนของปราสาทฟุนาโอกะ (Funaoka Joshi Park หรือ Funaoka Castle Ruin Park) ให้เราได้ไปฟินกันต่อกับซากุระอีกว่า 1,300 ต้น ที่นี่เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็น Mt. Zao เป็นฉากหลังของหมู่มวลซากุระได้
ที่นี่มีไฮไลท์เป็นอุโมงค์ซากุระที่โอบล้อม Monorail Slope Car ความยาวประมาณ 305 เมตร ที่ใช้นั่งเพื่อขึ้นไปยังยอดเขา (มีค่าบริการ ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน) ซึ่งด้านบนภูเขายังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Funaoka Heiwa Kannon) สีขาวโดดเด่นประดิษฐานอยู่ด้วยนะ
จุดนี้ก็มีเทศกาลซากุระเป็นของตัวเอง ชื่อว่า “Shibata Cherry Blossom Festival) จัดกันตั้งแต่ราวต้นเม.ย. ถึงปลายเม.ย. เลยทีเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Funaoka, Shibata, Miyagi
เปิดบริการ : ตลอดปี (ฤดูซากุระบานคือ ต้นเม.ย. – กลางเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี Funaoka ประมาณ 17 นาที
เว็บไซต์ : https://www.skbk.or.jp/en/sights/funaokajoshi-koen.html
Kaiseizan Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1005427.html
มากันที่จังหวัดด้านล่างสุดของภูมิภาคโทโฮขุ จังหวัดฟุคุชิม่า (Fukushima) นั่นเอง ที่จังหวัดนี้ก็มีจุดชมซากุระสวยๆ หลายแห่งเหมือนกันนะ งั้นเรามาเริ่มที่สวนไคเซอิซัง (Kaiseizan Park) กันก่อนเลย
จากจังหวัดมิยางิ เมือง Shibata สามารถนั่งรถไฟมายังเมือง Koriyama ได้ โดยใช้เวลาเพียง 1 – 1.30 ชม. แล้วนั่งรถเมล์ต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็ถึงสวนสาธารณะแห่งนี้แล้ว
ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ราว 1,300 ต้น มีม้านั่งให้ผู้ที่มาเยือนได้พักผ่อนชมดอกไม้อยู่เป็นระยะๆ มีสนามกว้างและพื้นที่ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น ถือว่าเป็นสวนสาธารณะที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นในท้องถิ่นจึงนิยมมาใช้เวลาว่างพักผ่อนกันที่นี่ และช่วงซากุระจุดนี้ก็เป็นเหมือนของดีประจำถิ่นเชียวล่ะ (ฤดูกาลอื่นๆ ก็สวย มีความ peaceful สุดๆ จ้า)
ส่วนไฮไลท์ในช่วงซากุระของที่นี่ก็คืออุโมงค์ซากุระ และร้านค้าที่มาออกร้านขายอาหารกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1-5 Kaisei, Koriyama, Fukushima 963-8851
เปิดบริการ : ตลอดปี (ฤดูซากุระบานคือ ต้นเม.ย. – กลางเม.ย.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถเมล์จากสถานี Koriyama มาประมาณ 10 นาที ก็ถึงหน้าสวนเลย
เว็บไซต์ : https://fukushima.travel/destination/kaiseizan-parks-cherry-blossoms/156
Tsuruga Castle Park
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1008561.html
มาถึงจุดหมายในการชมดอกไม้สวยๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่โทโฮขุกันแล้ว นั่งรถไฟจาก Koriyama มุ่งหน้าสู่เมือง Aizu-Wakamatsu เพื่อไปยังปราสาททสึรุงะ (Tsuruga Castle) หรือ Aizuwakamatsu Castle กันเล้ยยยย
หลังจากนั่งรถไฟกันมาประมาณชั่วโมงนิดๆ ต่อรถเมล์กันนิดหน่อย เราก็มาถึงหน้าปราสาท Aizuwakamatsu เราจะมาชมซากุระกันที่สวนของปราสาท (Tsuruga Castle Park) นั่นเอง
ที่สวนแห่งนี้มีซากุระอยู่ราว 1,000 ต้น และในตอนกลางคืนก็มีประดับไฟเป็น Illumination ด้วยนะ (ฤดูใบไม้ร่วงก็ประดับไฟ ส่วนในฤดูหนาวที่นี่จะประดับเทียนแทนจ้า โรแมนติกสุดๆ ไปเลย) แถมยังได้ฉากหลังเป็นปราสาท Tsuruga ดีงามมาก ยิ่งถ้าขึ้นไปชมบนยอดปราสาทไม่ว่าจะเป็นวิวกลางวัน หรือวิวกลางคืน คือเหนือคำบรรยายเลยล่ะ
นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิค หรือไม่ก็เดินเล่นชมร้านรวงกันในช่วงเทศกาลชมซากุระ ซึ่งปกติแล้วจะมีจุดตั้งเต้นท์ค้างคืน ชมบรรยากาศการประดับไฟกันชิลๆ ไปเลยด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1-1 Outemachi, Aizu-Wakamatsu, Fukushima 965-0873
เปิดบริการ : ตลอดปี 08.30 – 17.00 น. (ฤดูซากุระบานคือ ต้นเม.ย. – ต้นพ.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี (ค่าเข้าชมปราสาท ผู้ใหญ่ 410 เยน เด็ก 150 เยน)
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ (Sightseeing loop bus) มาจากสถานี Aizu-Wakamatsu ลงที่ป้าย Haikara-san แล้วเดินต่อไปยังปราสาทอีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1588.html
Takada Park
Credit Photo: ©Niigata Professional Photographers Society/©JNTO
ขอแอบแถมสถานที่อีกหนึ่งแห่ง ที่อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันด้วย เพราะว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่น่าสนใจมากจริงๆ 😉
สวนทะคะดะ (Takada Park) อยู่ในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) สร้างขึ้นในบริเวณปราสาททะคะดะ (Takada Castle) ที่เฟื่องฟูในสมัยเอโดะ จากด้านบนปราสาทจะสามารถมองเห็นพรมดอกซากุระ และทัศนียภาพอันสวยงามโดยรอบปราสาทได้อย่างเต็มๆ ตา เพราะสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง (Joetsu City) และยังจัดว่าเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยด้วย
ที่นี่มีซากุระอยู่มากถึงราว 4,000 ต้น โดยฤดูซากุระของสวน Takada จะอยู่ในช่วง ต้นเม.ย. ถึงกลางเม.ย. และจะมีการจัดเป็นงานเทศกาล Takada Cherry Blossom Festival ขึ้น กลางวันที่ว่าสวยแล้ว กลางคืนก็ยังมีการประดับไฟอีก มีการประดับด้วยโคมไฟกระดาษกว่า 3,000 โคมด้วย เงาสะท้อนของต้นซากุระกับผิวน้ำ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ที่นี่เด่นมากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่งานเทศกาลนี้จะเป็นงานใหญ่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละมากกว่า 1 ล้านคน!!
นักท่องเที่ยวที่มาสวน Takada ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นิยมมาเดินเล่นชมดอกไม้ทั้งตอนกลางวัน.. และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน รวมถึงขึ้นไปชมวิวบนปราสาท และเช่าเรือพายชมซากุระในคูน้ำของปราสาทกันจ้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 44-1 Motoshiro-cho, Joetsu, Niigata
เปิดบริการ : ตลอดปี
ค่าเข้าชม : ฟรี (แต่มีค่าขึ้นปราสาท 300 เยน)
การเดินทาง : นั่งรถเมล์ (Kubiki Bus) จากสถานี Takada มาลงที่ป้าย Takada Koen Iriguchi ประมาณ 10 นาที ถ้าเดินก็ประมาณ 15 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1305.html
และก่อนที่จะเดินทางกลับถึงกรุงโตเกียว เราก็อยากจะบอกว่า… แม้เส้นทางการเดินทางในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้จะมีแต่ ซากุระ! ซากุระ! และซากุระ! อย่างไรก็ตาม โทโฮขุน่ะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยังมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมอีกเยอะเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นบ๊วย, Azalea, ทานตะวัน, กุหลาบ, และไฮเดรนเยีย เป็นต้นจ้าาาา
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ การขับรถท่องเที่ยวในภูมิภาคโทโฮขุด้วยตัวเอง ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงสถานที่ชมซากุระแต่ละจุดได้มากทีเดียว แนะนำให้ไปดูที่เว็บไซต์นี้เลยจ้า! >> ขับรถเที่ยวโทโฮขุ
สำหรับเส้นทางไปเที่ยวชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ภูมิภาคโทโฮขุครั้งนี้ หวังว่าจะมีจุดชมดอกไม้ที่เพื่อนๆ อยากตามไปชมกันบ้างนะ และเส้นทางการเดินทางของทริปนี้ ถ้ายาวไปก็ยังสามารถปรับได้ตามชอบด้วย ลองไปเที่ยวชมกันดูนะ
ส่วนคราวหน้า เราจะมาแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่ไหนกันต่อ… อย่าลืมติดตามกันน๊า (^o^)/
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน สัมผัสมนต์เสน่ห์ฤดูหนาว
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 3
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 2
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 1
ขอบคุณข้อมูล :
https://www.tohokukanko.jp/zh_th/index.html
https://tohoku-japan.jp/th/
https://www.jnto.or.th/attractions/highlight-of-japan-all-area/tohoku/
#เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ใบไม้ผลิทั้งที มีดีที่ไหนบ้าง #ใบไม้ผลิ