จังหวัดคุมาโมโต้ (Kumamoto Prefecture) มีปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่นี่ถูกสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1607 ใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 7 ปี ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชั้นบนสุดของปราสาทสวยที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นแห่งนี้ เพื่อชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิได้
คุมาโมโต้ (Kumamoto Prefecture) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันตกของภูมิภาคคิวชู
ทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกตลอดถึงทิศใต้ถูกล้อมรอบด้วยขุนเขา
ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือ มีภูเขาไฟอาโซะ (Mt. Aso) ที่มีปากปล่องใหญ่ที่สุดในโลก ถูกจัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ (Aso Kuju National Park) ติดต่อกับจังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) เหลือเพียง…
ทางทิศตะวันตก ที่ออกสู่ทะเลเป็นแนวยาว ชายฝั่งยังมีหมู่เกาะอามาคุสะที่ถูกจัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ (Unzen Amakusa Nationalal Park)
จากสภาพทางภูมิศาสตร์ของคุมาโมโต้ที่อุดมด้วยป่าไม้จากเหนือจดใต้ ทำให้เกิดเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำตก และแม่น้ำคิคุจิคะวะ ไหลจากบนภูเขาอาโซะไกรินซันลงสู่หุบเขาคิคุจิและเมืองคิคุจิ จึงได้ฉายาว่า ดินแดนแห่งป่าสวยน้ำใสบริสุทธิ์
แหล่งท่องเที่ยวเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติทางทะเล และ ภูเขาทั้งบ่อน้ำแร่ มีดังต่อไปนี้
เมืองคุมาโมโต้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีแม่น้ำชิราคาวะไหลผ่าน เคยเจริญรุ่งเรืองระหว่างศตวรรษที่ 17 – 19 ในฐานะเมืองแห่งปราสาท ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวทางตอนกลางของภูมิภาคคิวชู
ในเมืองมีปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle) ถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1607 โดยเจ้าเมืองชื่อ Kato Kiyomasa ใช้เวลาในการก่อสร้าง 7 ปี แต่ถูกเผาทำลายจากการสู้รบในปลายศตวรรษที่ 19 เหลือแต่ฐานหินกำแพงโดยรอบ และป้อมปืนยังคงสภาพเดิม ต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ และสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติ
ในปลายศตวรรษที่ 19 ถูกสร้างขึ้นใหม่มีหอคอยสูง 6 ชั้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชั้นบนสุดของปราสาทสวยที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น เพื่อชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิได้
การเดินทาง จากสถานี JR Kumamoto โดยสารรถรางในเมือง สาย Kumamoto Shiden ลงที่สถานี Kumamoto-Jo mae ใช้เวลา 15 นาที แล้วเดินต่อไปอีก 10 นาที
สวนญี่ปุ่นซุยเซนจิ (Suizenji Jojuen Garden) อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาท ถูกออกแบบสร้างเมื่อปี ค.ศ.1632 โดยคำสั่งของซามุไรแห่งตระกูล Hosokawa ถูกจัดแบบสวนโมโมยามะที่จำลองทิวทัศน์ธรรมชาติรอบทิศ ทำเป็นบ่อน้ำแร่ใสเลี้ยงปลาคาร์ฟ
ตรงใจกลางจำลองภูเขาไฟฟูจิด้วยเนินหญ้าสูง เปรียบภูมิทัศน์เสมือนเป็นเส้นทางเลียบชายผั่งทะเลตะวันออก (Tokaido) ที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงโตเกียวและเมืองหลวงเดิมเกียวโต
และยังมีเรือนน้ำชา (Tea House) ที่ย้ายมาจากสวนลือชื่อในราชสำนักเกียวโต (Katsura Rikyu) อดีตบ้านของซามูไรชั้นสูงตระกูลโฮโซคาวะ (Gyobutei) ปัจจุบันตั้งอยู่ทางเหนือของปราสาทคุมะโมโตะ
การเดินทาง จากสถานี JR Kami-Kumamoto โดยรถรางในเมือง สาย Kumamoto Shiden ลงที่สถานี Suizenji Jojuen ใช้เวลา 35 นาที แล้วเดินไปอีก 5 นาที
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งจังหวัดคุมาโมโต้ (Kumamoto Kenritsu Bujutsukan Art Museum) ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Ninomaru Koen ที่มีมาก่อนปราสาทคุมาโมโต้ ผลงานศิลปะที่น่าภาคภูมิใจที่ถูกจัดแสดงไว้ได้รับการสะสมมาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคร่วมสมัย
มีทั้งภาพพิมพ์ไม้ อุตสาหกรรมศิลปะ และภาพวาดอุคิโยเอะ (Ukiyoe) ของจิตรกรลือชื่อในยุคเอโดะ Katsushika Hokusai อีกทั้งผลงานศิลปะของศิลปินชาวต่างชาติ อาทิ Gauguin Pecasso Renoir Rembramdt ก็มีแสดงอยู่ด้วย
การเดินทาง จากสถานี JR Kumamoto โดยรถรางเอกชน สาย Kumamoto Shiden ลงที่สถานี Shiyakusho-mae ใช้เวลาเพียง 10 นาที
หมู่เกาะอามาคุสะ (Amakusa Islands) บนทะเลด้านตะวันตกเฉียงใต้ที่ถูกเชื่อมด้วย สะพาน 5 สาย สามารถชมวิวเกาะน้อยใหญ่ได้จากบนสะพาน รวมทั้งเห็นพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงามเป็น 1 ใน 100 ของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังมีฝูงปลาโลมากว่า 200 ตัว อาศัยอยู่ ในทะเลใกล้ เกาะ Tsushima นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือออกจากฝั่งไปชมได้ตลอดปี ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
ภูเขาไฟอาโซะ (Mt. Aso) หรืออาโซะซัง (Aso-san) เป็นภูเขาไฟที่ระอุอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ (Aso Kuju National Park) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนี้
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นแล้วเดินไปชมได้ถึงปากปล่องที่กว้างที่สุดในโลก บริเวณใกล้เคียงเป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติมากกว่า 100 บ่อ อยู่ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมีบ่อที่ใหญ่ที่สุดชื่อบ่อน้ำแร่ Uchinomaki Onsen สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟอะโซได้ และ ขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือชื่อบ่อน้ำแร่ Kurokawa Onsen ที่มีทั้งบ่อกลางแจ้งท่ามกลางขุนเขา และบ่อในถ้ำด้วย
การเดินทาง จากสถานี JR Kumamoto โดยรถไฟสาย JR Hohi ลงที่สถานี Aso
เมืองคิคุจิ (Kikuchi City) อยู่ทางเหนือของเมืองคุมาโมโต้ เคยได้รับการพัฒนาเป็นเมืองปราสาทที่รุ่งเรือง จากทำการเกษตร อุตสาหกรรม
ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 12 – 14 และมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เกิดเป็นน้ำตกหลายสาย เช่น Reimei no Taki Momijigase ไหลตกจากเขา (Mt. Asogairinzan) ลงสู่หุบเขา(Kikuchi Valley) บรรจบเป็นแม่น้ำคิคุจิกะวะ (Kikuchigawa) จัดเป็นน้ำที่มีคุณภาพดีติดอันดับ 1 ใน 100 ของญี่ปุ่น
อีกทั้งมีแหล่งน้ำแร่ Kikuchi Onsen ตามลุ่มแม่น้ำ เป็นแหล่งชมนก และธรรมชาติริมสายน้ำ ที่มีป่าเขียวขจีในฤดูร้อน ชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และชมใบไม้เหลืองแดงในฤดูใบไม้ร่วงด้วย
การเดินทาง จาก Kumamoto Kotsu Center โดยสาร Kumamoto Dentetsu Bus ลงที่ Kikuchi Valley ใช้เวลา 1.30 ช.ม
เมืองฮิโตโยชิ (Hitoyoshi City) เคยเป็นเมืองปราสาทที่อยู่ใกล้ลุ่มแม่น้ำคุมากาวะทางใต้สุดของจังหวัดนี้ มีปราสาทฮิโตโยชิ (Hitoyoshi Castle) ของเจ้าเมืองตระกูลซางาระ และ ศาลเจ้า (Aoi Aso Shrine)
ปัจจุบันเป็นเมืองแห่งน้ำแร่ธรรมชาติจากสถานีฮิโทโยชิ มี Hitoyoshi Onsen เรียงรายตามริมแม่น้ำคุมาคาวะ (Kumagawa River) อีกมากกว่า 50 แห่ง มีทั้งบ่อส่วนตัวและกลางแจ้ง สามารถมองเห็นเรือล่องในแม่น้ำ
เมืองนี้ได้ฉายาเป็น เมืองเกียวโตน้อยแห่งภูมิภาคคิวชู ที่มีผู้คนเป็นกันเองด้วย
การเดินทาง จากสถานี JR Kumamoto โดยสารรถไฟสาย Hisatsu ลงที่สถานี Hitoyoshi ใช้เวลา 1.30 ช.ม.
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– Nagasaki แดนแห่งทิวทัศน์งามทางใต้
– วันหยุดราชการญี่ปุ่น ประจำปี 2013
– 10 อันดับปราสาทที่คนญี่ปุ่นอยากไปมากที่สุด
– Ashitsubo Massage… Massage ชั้นยอดของคนญี่ปุ่น
– ซากะ (Saga) ดินแดนแห่งเครื่องปั้นดินเผา
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
www.japan-guide.com
http://www.japantravelinfo.com/heritage/gtc_kumamoto.php
http://www.visitkumamoto.com/
http://www.wa-pedia.com/japan-guide/kumamoto.shtml
http://www.wineandvinesearch.com/japan.php
http://alljapantours.com/go-city.php?dest=Kyushu&city=Tsushima
http://whotalking.com/flickr/%E7%90%83%E7%A3%A8%E5%B7%9D