เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยือนหมู่บ้านสุขสงบ หิมะ แสงไฟ และเรื่องเซอร์ไพรส์!?
จุดหมายที่พวกเราจะพาทุกคนไปกันนั้น รับรองว่าไม่ซ้ำใคร เพราะขนาดพวกเราไปกันก็ยังไม่จ๊ะเอ๋กับคนไทยด้วยกันเลยสักคนเดียว สถานที่นี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชอบเที่ยวแบบธรรมชาติหรือสนใจในวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น แถมเดินทางด้วยการเช่ารถแล้วขับขึ้นไปทางเหนือห่างจากตัวเมืองเกียวโตเพียง 50 กิโลเมตร แล้วสถานที่นี้คือที่ไหนเล่า เมื่อไหร่จะบอก เอ้า! เฉลยก็ได้
จุดหมายที่เราจะพาทุกคนไปเปิดโลกใหม่ ณ เกียวโตนี้คือ หมู่บ้านโบราณคายาบูกิ โนะ ซาโตะ (Kayabuki no Sato) อยู่ในเมืองมิยามะ ขอเข้าเรื่องเลยนะ จุดเด่นของหมู่บ้านนี้ คือบ้านสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ 39 หลังที่ตัวหลังคามุงด้วยใบจาก การมุงหลังคาแบบนี้เป็นเทคนิคเฉพาะที่สืบสอดมาแต่โบราณด้วยชื่อเดียวกับหมู่บ้านว่า ‘คายาบูกิ’ บ้านบริเวณนี้ล้อมรอบไปด้วยนาข้าว ภูเขาและแม่น้ำซึ่งได้รับเลือกให้เป็นบริเวณอาคารเก่าแก่ควรคู่แก่การอนุรักษ์อีกด้วย
พอพวกเราขับรถถึงหมู่บ้าน ก็เจอป้ายหน้าหมู่บ้านที่คอยทักทายนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
แล้วพอจอดรถปุ๊บลงจากรถปั๊บ หนึ่งในพวกเราก็หันไปเห็นตู้ไปรษณีย์สีแดงแป๊ดตั้งเด่นอยู่…แล้วเจอแบบนี้ทำไงล่ะ หือ ก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้สิ!! พอถ่ายเสร็จก็ถึงได้รู้จากคนในหมู่บ้านว่านี่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ผู้มาเยือนหมู่บ้านต้องแวะถ่ายรูปเก็บความน่ารักกัน

เมื่อพูดคุยกับคนในหมู่บ้านต่อก็ได้รู้ข้อมูลว่าตัวบ้านญี่ปุ่นโบราณนั้นบางหลังก็มีคนอาศัยอยู่จริง บางหลังก็ปรับโฉมเปลี่ยนร่างเป็นโฮมสเตย์สำหรับค้างแรมแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ อย่างการค้างแรมแบบจ๊าบๆ ไม่ซ้ำใคร เรียกว่า มิกซ์ความเก่าแก่และเเมทซ์ความสบายได้อย่างลงตัว
อย่างที่บอกที่นี่ สำหรับใครที่สนใจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ก็ต้องเลิฟเเน่นอน เพราะมีพิพิธภัณฑ์ Kayabuki no Sato Folk Museum ที่พวกเรากำลังพาทุกคนไปชมพร้อมกันนี่แหละ

ภายในพิพิธภัณฑ์บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก มีของแปลกๆ ของหายากตั้งแสดงน่าสนใจมากมาย พวกเรานี่นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับอุปกรณ์การเกษตร เครื่องใช้เครื่องเรือนโบราณ มาที่นี่แล้วเหมือนได้สัมผัสมาดูว่าคนที่นี่มีวิถีชีวิตยังไง คนที่ชอบประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมน่าจะชอบ

หลังจากนั้น หนึ่งในพวกเราก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า ที่นี่มีศาลเจ้ามีวัดอะไรให้ขอพรบ้างไหม ปรากฏว่ามีเว้ยเฮ้ย คือเเบบสายมูมาก็ไม่ผิดหวัง เพราะตัวศาลเจ้านั้นเก่าแก่ ผู้คนในหมู่บ้านเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ พวกเราก็เลยได้ขอพรกัน และยังมีของแถมเป็นจุดไฮไลท์สำหรับชมทิวทัศน์มุมสูงของตัวหมู่บ้าน โหย ทั้งได้พร ทั้งมู และยังได้ชมวิวสวยๆ ก็ฟินกันไป
ทางเข้าศาลเจ้า

พอขอไปศาลเจ้าหนึ่ง ปรากฏว่านางสายมูบอกยังไม่พอ อยากขออีกที่ พอดีมีเวลาว่างก็เลย เออ ตามใจนางก็ได้ ก็เลยถือโอกาสเดินลัดเลาะท่ามกลางแมกไม้สีเขียว และอากาศนี่คือดีสุดๆ ประหนึ่งเอาถังออกซิเจนมาสูดอะไรอย่างนั้น


ศาลเจ้าอีกแห่งอยู่ไม่ห่างมากนัก มีไฮไลท์เป็นโคมไฟสีขาวที่มีตัวอักษรญี่ปุ่นวาดด้วยพู่กันเรียงราย สวย เด่น ขนาดนี้ก็จะพลาดได้ไง แชะสักภาพ (อีกแล้ว) เก็บไว้สิจ๊ะ พอเดินเข้าไปไม่ไกลมากก็จะพบจุดสักการะของศาลเจ้า นางสายมูก็ขอพรซะนาน เอาเถอะ ให้นางฟินของนางไป




และแล้วก็มีถึงเป้าหมายหลักของเราในการทางมาถึงหมู่บ้านโบราณ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ นั่นก็คือ แต่น แตน แต๊น งานเทศกาลยูกิโทโระ (Yuki Tourou) ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นเวลา8วัน เมื่องานช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง ตัวหมู่บ้านจะประดับตกแต่งไฟสวยงาม ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจะร่วมแรงร่วมใจ ประคับประคองมือ…เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้น ร่วมกันปั้นหิมะเป็นโคมไฟหรือโคมเล็กๆ เพื่อสุดท้ายแล้วจะได้วางเทียนไว้ภายในนั้น
แต่ดูเหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ สงสัยนางสายมูหนึ่งในทีมงานเราจะลืมขอพร!! เพราะไม่มีวี่แววของหิมะตกเลยน่ะสิ แต่เอาเถอะเราต้องมีความหวัง ระหว่างรอให้ช่วงกลางคืนมาถึง พวกเราก็เดินทอดน่องกันต่อก็เเชะเก็บภาพวิวของหมู่บ้าน ก็รู้สึกว่านอกจากสวยงามแล้ว พอพวกเราเปลี่ยนมุมมองการชม เเบบเดินไปทางนี้บ้าง เดินไปอีกทางบ้าง เเชะภาพจากอีกมุมบ้าง ก็พบว่าเออดู…มีเสน่ห์น่าค้นหาดีนะเจ้าหมู่บ้าน

ระหว่างเดินก็ไม่วายเจอจุดที่ชอบอีก มันคือธารน้ำใสที่ไหลตลอดเวลา พวกเราก็เลยหยุดพักเพื่อฟังเสียงน้ำไหลที่คล้ายเสียงขับกล่อมจากธรรมชาติ บอกเลยว่ารู้สึกผ่อนคลายสุดๆ

พอดวงอาทิตย์เริ่มจะบ๊ายบายขอบฟ้า พวกเราก็เตรียมตัวเข้างานเทศกาล ด้วยการขุนตัวเอง เฮ้ย ไม่ใช่ ด้วยการทานอาหารท้องถิ่น! หน้าตาก็ดี พอตักเข้าปากเท่านั้นล่ะ อร่อย อูมามิกว่าหน้าตาอีก

แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง งานเทศกาลเริ่มแล้ว พอเริ่มมืดแสงไฟประดับก็เริ่มส่องสว่าง
เดินชมไปสักพัก ในใจยังปลงเรื่องหิมะไม่ตก สักพัก เปาะแปะ อ้าวฝนตกแทนซะอย่างนั้น ตอนแรกพวกเราก็ไม่ได้อะไร เเต่พอหันไปหานางสายมูหนึ่งในทีมงานของเรา นางเงยหน้าขึ้นรับสายฝนโปรยปรายแถมหลับตาพริ้มเชียว พวกเราทุกคนก็เลยลองทำตามนางกัน ผลคือโหยสายฝนบางๆ ร่วมกับสายลมพัดโกรกเบาๆ นี่แบบสดชื่นสุดๆ แถมพอลืมตาเห็นแสงไฟที่ประดับประดาแล้วในใจก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลย



พวกเรายืนอยู่ตรงนั้นกันนานทีเดียว จนต้องกระตุกนางสายมูว่าไปได้แล้ว ก็เลยเดินต่อไปแชะรูปงานเทศกาลหมู่บ้านในหลายๆ มุม ก็เลยคุยกันว่าเออ
เเม้หิมะไม่ตกแบบที่หวัง แต่มันก็สวยในแบบของมันนะ ถือว่ามาเเล้วไม่เสียเที่ยว ไม่เสียใจเลยเเม้เเต่น้อย เพราะจากเหตุการณ์นี้ก็บอกอะไรกับเราบางอย่าง
การเดินทางท่องเที่ยวน่ะ ความสนุกนอกจากจะอยู่ที่เวลาเดินทางหาใช่จุดหมายตามที่หลายคนบอกแล้ว แต่ทริปนี้บอกพวกเราลึกซึ้งไปกว่านั้นว่า จุดหมายที่คอยเซอร์ไพรส์ คอยลุ้น และถึงแม้อาจไม่ได้เป็นตามใจหวังต่างหากเว้ย คือความสนุกสุดมันส์ที่แท้จริง หากมีโอกาสก็ลองมาเที่ยวเกียวโตรอบนอกกันนะ จะตามรอยพวกเราก็ได้นะเออ แล้วจะพบว่าการเที่ยวที่เน้นสถานที่สงบแต่กลับมอบความสดใสครื้นเครงนั้นมันก็มีอยู่!
ปล.สุดท้ายขอแนบรูปยามงานเทศกาลที่หมู่บ้านปกคลุมด้วยหิมะให้ทุกคนชมกันดู เห็นหรือเปล่า มันสวยกันคนละแบบจริงๆ นะเออ ขอบคุณรูปจากคุณ Pin Klinted ที่ไปเที่ยวเจอหิมะแล้วเก็บภาพมาฝากเรา
สุดท้ายจริงๆ สำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์พักที่หมู่บ้านโบราณ หลังคามุงจากคายาบูกิ โนะ ซาโตะนี้ เราขอแนะนำที่พักชื่อ Minshuku Matabe (かやぶきのお宿 またべ) มินชูคุเป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นคนที่ในท้องถิ่นดัดแปลงบ้านตัวเองมาให้เช่าพัก ที่พักแบบนี้ข้อดีคือมีความใกล้ชิดความเป็นท้องถิ่นมากๆ ใครสนใจสัมผัสประสบการณ์แบบเรียลเจแปนนิส ก็ลองดูข้อมูลที่นี่จ้า https://kyotomiyama.jp/en/stay/matabe

– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ดื่มด่ำความเข้มข้นของเมืองแห่งชาเขียว!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ท่องป่าไผ่ลับรสชาติเผ็ดร้อน!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยี่ยมเมืองแห่งการประมง ที่ทั้งอิ่มใจและอิ่มท้อง!
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 1
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 2
#เที่ยวเกียวโต