แจกแพลนเที่ยวเกียวโตแบบไม่แมส พาไปรู้จักเกียวโตที่แท้จริงใน 5 วัน !!!
เกียวโตไม่ได้มีแค่วัด แท้จริงแล้วเมืองเก่าแห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และวิวทิวทัศน์สวยงาม ทั้งทะเล ป่า ชา ไผ่ และอีกมากมาย แต่น้อยคนนักที่ได้เดินทางมาสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายของเกียวโต วันนี้เราขอจัดแพลนพาเที่ยวเกียวโตรอบนอก ให้ได้สัมผัสทั้งทะเล ป่า ไผ่ และชาเขียว แล้วทุกคนจะหลงรักเกียวโตมากขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 1 มุ่งหน้าสู่อิเนะ หมู่บ้านชาวประมง
จากตัวเมืองเกียวโต นั่งรถบัสหรือรถไฟที่สถานี Kyoto มายังสถานี Amanohashidate ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถ Tankai Bus แล้วลงป้าย Ine ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก็จะมาถึงยังหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิมที่มีบรรยากาศแสนเงียบสงบ จนเหมือนกับว่าเวลาเดินช้าลงและตัวเราเองก็เคลื่อนไหวช้าลง เมืองอิเนะตั้งอยู่เกือบบนสุดของเกียวโตและอยู่ติดทะเล บ้านชาวประมงที่มีชื่อเรียกว่าฟุนายะ (Funaya) นั้นตั้งเรียงรายเป็นแนวโค้งรอบอ่าว ภาพของบ้านสุดคลาสสิกสะท้อนบนผิวน้ำ โดยมีภูเขาสีเขียวเป็นฉากหลัง เป็นทิวทัศน์สวยงามที่ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
ใครอยากทำกิจกรรม มีจักรยานให้เช่าปั่น และยังสามารถล่องเรือชมอ่าวอิเนะ พร้อมให้อาหารเหยี่ยว หรือดูโลมาได้ด้วย เรื่องการกินไม่ต้องห่วง ร้านอาหารที่นี่เสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ แบบจัดเต็ม ลองสัมผัสชีวิตสโลว์ไลฟ์ซึมซับบรรยากาศแบบช้าๆ และนอนพักแรมที่นี่สักคืน บ้านชาวประมงหลายหลังรีโนเวตชั้น 2 ให้กลายเป็นห้องพักต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น
วันที่ 2 เที่ยวสะพานสู่สรวงสวรรค์ “อามาโนะฮาชิดาเตะ”
นั่งรถบัส Tankai Bus มาลงป้าย Amanohashidate Cable-shita แล้วนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปที่สวนคะซะมัตสึ (Kasamatsu Park) ที่นี่เป็นจุดชมวิวริมผาที่มองลงมาเห็นสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ เป็นสันทรายที่ทอดยาวพาดผ่านทะเล คนจึงเรียกกันว่า “สะพานสู่สรวงสวรรค์” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีวิวสวยที่สุด สามารถเดินเล่นบนหาดทราย ขี่จักรยาน นั่งเรือชมวิว หรือเล่นน้ำทะเล
จากสวนคะซะมัตสึยังสามารถนั่งรถบัสเพียง 10 นาทีไปเที่ยววัดนาริอาอิจิ (Nariaiji Temple) เป็นวัดบนเขา ทำให้มองลงมาเห็นวิวอามาโนะฮาชิดาเตะได้สวยงามมากเช่นกัน คนมาวัดนาริอาอิจิเพื่อมาสักการะเจ้าแม่กวนอิม ที่นี่มีจุดเด่นคือระฆังไม้และเจดีย์ 5 ชั้น เหมาะมาชมวิวทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้สีแดงส้มในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อนั่งเคเบิลคาร์กลับลงมา สามารถข้ามไปอีกฟากของสันทรายโดยนั่งเรือจากท่า Ichinomiya ไปยังท่า Amanohashidate ซึ่งมีจุดชมวิวอีกแห่งคือ Amanohashidate View Land
ขึ้นรถไฟที่สถานี Amanohashidate เดินทางไปพักเรียวกังแช่ออนเซ็นกันที่ยูโนะฮานะ ออนเซ็น โดยนั่งรถไฟมาลงสถานี Kameoka ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง แล้วต่อ Shuttle Bus 15 นาที ยูโนะฮานะ ออนเซ็น เป็นแหล่งน้ำพุร้อนตามธรรมชาติตั้งอยู่กลางภูเขา ให้ผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ และยังมีมื้ออาหารสไตล์เกียวโตดั้งเดิมเสิร์ฟอีกด้วย
วันที่ 3 หมู่บ้านโบราณ มิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ
ออกเดินทางจาก ยูโนะฮานะ ออนเซ็น นั่ง Shuttle Bus กลับมายังสถานี Kameoka แวะเที่ยวชมซากปราสาททัมบะคาเมยามะ (Tamba Kameyama Castle) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1578 แม้ว่าตัวปราสาทจะพังทลายจนแทบไม่หลงเหลืออะไร แต่บรรยากาศรอบๆ ซากปราสาทมีความสวยงามจนกลายเป็นจุดท่องเที่ยว เดินไม่ไกลจากสถานี Kameoka ยังสามารถชมความงามของแม่น้ำโฮซุกาวะ ที่ไหลผ่านหุบเขา กิจกรรมสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวต่างไม่อยากพลาด คือการล่องเรือในแม่น้ำโฮซุกาวะ ที่พาล่องไปยังอาราชิยาม่า
จากสถานี JR Kameoka นั่งรถไฟไปสถานี Hiyoshi ใช้เวลา 30 นาที และต่อรถบัสอีกราว 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังหมู่บ้านโบราณ มิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ ซึ่งมีบ้านหลังคามุงจากตั้งเรียงรายอยู่กลางหุบเขา ทั้งนาข้าว แม่น้ำ และภูเขาที่โอบล้อม ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้อยู่กลางธรรมชาติอันเงียบสงบอย่างแท้จริง หมู่บ้านมิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตไปทางเหนือ 56 กม. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติของป่าอันอุดมสมบูรณ์
สามารถเดินชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ชมพิพิธภัณฑ์ Miyama Folk Museum ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้โบราณ และแวะทานโซบะสูตรดั้งเดิมของมิยามะ ที่นี่เที่ยวได้ทุกฤดู สีสันต้นไม้รอบๆ ภูเขาให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป
จากหมู่บ้านมิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ สามารถเดินทางกลับตัวเมืองเกียวโต โดยนั่งรถบัสกลับมาที่สถานี Hiyoshi แล้วนั่งรถไฟไปยังสถานี Kyoto ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง
วันที่ 4 เที่ยวมุโค เมืองแห่งไผ่
เมืองมุโคอยู่ใกล้ตัวเมืองเกียวโต นั่งรถไฟจากสถานี Kyoto มายังเมืองมุโค ใช้เวลาเพียง 7 นาที ลงที่สถานี JR Mukomachi เดินออกมาประมาณ 10 นาที ก็จะเจอย่านร้านอาหาร ร้านค้า และร้านขนม ที่อยู่รอบสถานี Higashimuko แวะกินอาหารและซื้อของฝาก ของขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดคืออาหารและขนมญี่ปุ่นที่ใช้หน่อไม้เป็นวัตถุดิบ เพราะเมืองมุโคเป็นแหล่งหน่อไม้ที่ขึ้นชื่อ
จากสถานี JR Mukomachi หรือสถานี Higashimuko ของรถไฟสาย Hankyu นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Higashiyama แล้วเดินต่อ 10 นาที เข้าไปยังป่าไผ่ลับแห่งเมืองมุโค ซึ่งมีชื่อว่า ทาเคะ โนะ มิจิ (Take no Michi) เป็นป่าไผ่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2000 เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติ ต้นไผ่สีเขียวสูงชะลูดเรียงรายตลอดสองข้างทางเป็นระยะทางยาวถึง 1.8 กิโลเมตร รับรองได้รูปมุมสวยๆ คูลๆ เพียบ บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมกระทบไผ่ ระหว่างเดินไปตามทาง วิวของต้นไผ่ในแต่ละช่วงจะเปลี่ยนไปตามชนิดของไผ่อีกด้วย
จากป้ายรถบัส Higashiyama ขึ้นรถบัสมาลงที่ป้าย Muko Shiyakushomae แล้วเดินต่อ 10 นาที มาศาลเจ้ามุโค (Muko Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในยุคนาระ เมื่อปี ค.ศ. 718 แสดงให้เห็นศิลปะของสถาปัตยกรรมศาลเจ้าแบบดั้งเดิม ที่กลายเป็นต้นแบบในการสร้างศาลเจ้าเมจิที่อยู่ในโตเกียวอีกด้วย เมื่อเดินผ่านเสาโทริอิ สองข้างทางมีต้นซากุระเรียงราย เหมาะมาชมความงามในฤดูใบไม้ผลิ หรือจะมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีสวยงามเช่นกัน
ช่วงบ่ายแวะไปเที่ยวต่อที่อาราชิยาม่า จากศาลเจ้ามุโค เดิน 10 นาที เพื่อมาขึ้นรถไฟที่สถานี Nishi-Muko แล้วนั่งไปลงสถานี Arashiyama ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ใกล้สถานีสะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) สะพานแห่งนี้มีอีกชื่อเรียกว่า Moon Crossing Bridge เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของอาราชิยาม่า ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำและภูเขาที่โอบล้อม ยิ่งมาช่วงฤดูใบไม้ร่วง วิวของภูเขาสีส้มนั้นสวยงามเหมือนภาพวาดเลยล่ะ
ข้ามสะพานแล้วเดินต่ออีกราว 10 นาที จะมาถึงป่าไผ่อาราชิยาม่า ป่าไผ่อันโด่งดังที่นักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ขาดสาย ใกล้กับสะพานโทเง็ตสึเคียว ยังมีอีกสถานที่น่าไป จากสะพานเดินเลียบริมแม่น้ำเพียง 5 นาที จะมาถึงวัดโฮกงอิน (Hogon-in Temple) เป็นวัดเล็กๆ ที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนสวยมาก ช่วงค่ำแวะถ่ายรูปที่ Kimono Forest หรือเสาลายผ้ากิโมโน ที่ตั้งเรียงรายสองข้างทางกว่า 600 ต้น เป็นศิลปะร่วมสมัยที่สร้างสีสันสวยงามให้เมืองอันเก่าแก่ และกลายเป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป โดยเฉพาะตอนค่ำที่มีการเปิดไฟ ทำให้ผ้ากิโมโนหลากสีส่องแสงสวยงาม Kimono Forest ตั้งอยู่ในสถานีรถราง Arashiyama เดินจากสะพานโทเง็ตสึเคียว มาเพียง 3 นาที ขากลับสามารถเดิน 8 นาที ไปขึ้นรถไฟ JR Saga-Arashiyama เพื่อนั่งกลับ Kyoto
วันที่ 5 ดื่มด่ำชาเขียว ณ เมืองอุจิ
©Byodoin,All Rights Reserved.
ใครที่หลงใหลชาเขียวญี่ปุ่นจะรู้ดีว่าหนึ่งในชาเขียวขึ้นชื่อที่สุด คือ ชาเขียวอุจิ ซึ่งเมืองอุจิ หรือเมืองแห่งชา อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเกียวโตนัก จากสถานี Kyoto นั่งรถไฟมาสถานี Uji ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากสถานี Uji เดิน 10 นาที มายังวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) หนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่น และเป็นวัดที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น อาคารหลักที่อยู่บนเหรียญมีชื่อเรียกว่า หอฟีนิกซ์ ซึ่งถูกออกแบบให้ล้อมด้วยสระน้ำ ทำให้เงาของอาคารสะท้อนกับผิวน้ำ มองเห็นเหมือนมีอาคารสองหลังลอยกลางท้องฟ้ากว้างสวยงามตระการตา กลายเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่ และหอฟีนิกซ์ยังเป็นหนึ่งในอาคารไม้เพียงไม่กี่แห่ง ที่หลงเหลืออยู่จากยุคเฮอัน
หลังจากชมความงามภายในวัดเบียวโดอิน เดินออกมาข้างๆ วัด ติดแม่น้ำอุจิ มีถนนช้อปปิ้งโอโมะเตะซันโด เต็มไปด้วยร้านขนมและร้านชามากมายที่ชาเขียวเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด สุดถนนโอโมะเตะซันโด จะพบกับสะพานอุจิ สะพานที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สะพานทอดตัวข้ามแม่น้ำอุจิ ให้เราเดินรับลมชมวิวแม่น้ำได้อย่างเพลิดเพลิน กลางแม่น้ำอุจิติดกับถนนโอโมะเตะซันโด ยังมีจุดไฮไลท์อยู่ด้วย คือสวนสาธารณะที่เป็นเกาะกลางแม่น้ำ บนเกาะกลางแม่น้ำมีเจดีย์หินความสูง 13 ชั้นตั้งอยู่เป็นจุดเด่น อีกฝั่งของเกาะกลางแม่น้ำคือสะพานสีแดงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปชมวิวแม่น้ำอุจิ
เดินลงทางสะพานสีแดง จะเจอกับโรงงานชาอุจิ Fukujuen Uji เป็นโรงงานของยี่ห้อชาเขียวที่ขึ้นชื่อและมีมายาวนาน ที่นี่ให้นักท่องเที่ยวได้ลองผลิตชาเขียวด้วยตัวเอง ตั้งแต่คั่วชา โม่ชา ไปจนถึงพิธีชงชา หรือใครจะไปนั่งจิบชาชิลๆ ก็ได้ ใกล้ๆ กันยังมีศาลเจ้าอุจิกามิ (Ujigami Shrine) อีกหนึ่งมรดกโลกในญี่ปุ่น โดยเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1060 ซึ่งภายในจะมี 3 ศาลเจ้าเรียงต่อกัน โดยเชื่อมด้วยหลังคาเดียว คนนิยมมาขอพรเรื่องการเรียน และเราจะพบเห็นเครื่องรางรูปกระต่าย รูปปั้นกระต่ายมากมายภายในศาลเจ้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพที่เกี่ยวข้องกับเมืองอุจิแห่งนี้
ข้างศาลเจ้าอุจิกามิ มีภูเขาไดคิชิ (Daikichiyama) สามารถขึ้นไปชมวิว มองลงมาเห็นเมืองอุจิทั้งหมด ทั้งแม่น้ำอุจิ และวัดเบียวโดอิน ทางเดินขึ้นเขาใช้เวลาราว 20 นาที ตลอดทางมีต้นซากุระและต้นเมเปิ้ลสีสันสวยงามต่างกันในแต่ละฤดู เดินเล่น ถ่ายรูป และหาซื้อชาเขียวติดไม้ติดมือเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถไฟกลับสถานี Kyoto มาช้อปปิ้งในตัวเมืองก่อนกลับ
สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนสวยๆ ในเกียวโตมีอยู่มากมาย เดินทางไม่ไกลจากตัวเมือง แต่ก็สามารถสัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และบรรยากาศแสนสงบ วิวทิวทัศน์สวยงามที่โอบล้อมช่วยให้เราได้พักกายพักใจจนอยากหยุดเวลาไว้ ไปเกียวโตรอบหน้า ไปสัมผัสความอันซีนของเกียวโตรอบนอกกันเถอะ
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยือนหมู่บ้านสุขสงบ หิมะ แสงไฟ และเรื่องเซอร์ไพรส์!?
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ดื่มด่ำความเข้มข้นของเมืองแห่งชาเขียว!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ท่องป่าไผ่ลับรสชาติเผ็ดร้อน!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยี่ยมเมืองแห่งการประมง ที่ทั้งอิ่มใจและอิ่มท้อง!
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 1
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 2
#แจกแพลนเที่ยวเกียวโตแบบไม่แมส พาไปรู้จักเกียวโตที่แท้จริงใน 5 วัน !!!