“เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 3 …ตอนที่แล้ว เราได้นั่งรถไฟ Aso Boy! แล้วแวะไปเที่ยวกันในแถบเมืองอะโซะ ของจังหวัด Kumamoto ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม คราวนี้ก็ได้เวลาเข้าเมืองมาเที่ยวในตัวจังหวัด Kumamoto กันบ้างแล้วล่ะ
ในตอนที่แล้ว เราได้นั่งรถไฟ Aso Boy! แล้วแวะไปเที่ยวกันในแถบเมืองอะโซะ ของจังหวัด Kumamoto ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม คราวนี้ก็ได้เวลาเข้าเมืองมาเที่ยวในตัวจังหวัด Kumamoto กันบ้างแล้วล่ะ
เริ่มต้นกันเลยที่ KUMAMON SQUARE
เชื่อว่าเพื่อนๆ ต้องรู้จักกับมาสค็อตยอดฮิตของชาวญี่ปุ่นอย่าง ‘Kumamon’ กันพอสมควร และที่ Kumamon Square นี้เอง ที่เป็นออฟฟิศของ Kumamon
Kumamon เป็นมาสค็อตดังเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่น ผู้ดำรงตำแหน่ง sales manager ของจังหวัดคุมาโมโต้ หลายคนอาจจะคิดว่าเจอตัวได้ยาก เพราะความดังระดับซุปตาร์อย่างนี้ คงไม่มีโอกาสได้เจอกันแน่ๆ ต่อให้มาถึง Kumamoto ก็เหอะ … แต่ขอบอกเลยว่าคิดผิดนะจ๊ะ เพราะออฟฟิศของคุมะมง ที่เรียกว่า ‘KUMAMON Square’ นี้ เปิดต้อนรับทุกคนที่มาเยือนเสมอ
ภายในออฟฟิศ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ หลายส่วน ทั้งห้องทำงาน ห้องจัดงานอีเว้นท์ (จุดที่ Kumamon มักจะมาโชว์ตัว) แล้วก็มีร้านขายของฝากด้วย
เพื่อนๆ สามารถไปเยี่ยม Kumamon กันได้เลย (^^)/
KUMAMON Square ตั้งอยู่ที่ตึก Tetoria Kumamoto ติดกับห้าง Tsuruya ใกล้สถานี Suidocho (รถราง) เดินทางสะดวก และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 – 15.00 น.
KUMAMON SQUARE
ที่ตั้ง : 8-2 Tetoria Kumamoto Bldg. 1F, Tetorihoncho, Chuo-ku, Kumamoto city, Kumamoto, 860-0808
เปิดบริการ : 10.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : อยู่ติดกับสถานีรถราง (tram) สถานี Suidocho สามารถเดินไปได้สะดวก
เว็บไซต์ : https://www.kumamon-sq.jp/en/
แล้วมาต่อกันที่ไฮไลท์สำคัญของเมือง Kumamoto นั่นก็คือปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle) ที่นี่เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น แต่เนื่องจาก ได้รับความเสียหายอย่างมากจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตอนนี้จึงอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ระหว่างนี้เราก็ยังสามารถชมปราสาท Kumamoto จากบริเวณรอบๆ ได้ และยังจะได้เห็นความคืบหน้าของการซ่อมแซมด้วย
นอกจากนี้เรายังสามารถชมเรื่องราวเกี่ยวกับ Kumamoto และปราสาท Kumamoto ได้ที่พิพิธภัณฑ์ (The Wakuwakuza History and Cultural Experience) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขา ด้านล่างปราสาท (Sakuranobaba) และถูกสร้างเป็นย่านการค้าชื่อว่า Josaien โดยได้รับการตกแต่งแบบย้อนยุค (สมัยเอโดะ)
ณ จุดนี้ เราจะได้รับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ หาข้อมูลท่องเที่ยวที่ Tourist Information Center ซื้อของฝากของที่ระลึก และหาชิมของกินอร่อยๆ กันได้ด้วย
SAKURANOBABA JOSAIEN
ที่ตั้ง : 1-1-1 Ninomaru, Chuo-ku, Kumamoto city, Kumamoto, 860-0008
เปิดบริการ : ร้านค้าทั่วไปเปิดบริการ 09.00 – 19.00 น. / ร้านอาหารเปิด 11.00 – 19.00 น. / พิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเปิด 09.00 – 17.30 น. (ส่วนใหญ่ปิดให้บริการในวันที่ 30 – 31 ธันวาคม)
ค่าเข้าชม : ฟรี (พิพิธภัณฑ์มีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 100 เยน)
การเดินทาง : นั่งรถบัส ‘Shiromegurin’ Circle Bus มาได้จากสถานี Kumamoto ลงที่ป้าย Sakuranobaba Josaien หรือถ้ามาทางรถราง (Kumamoto City Tram) จากสถานี Kumamoto ลงที่ป้าย Kumamoto Castle/City Hall เดินประมาณ 7 นาที ก็ถึง
เว็บไซต์ : http://www.sakuranobaba-johsaien.jp/english/
เดินเล่นกันพอจุใจแล้ว เราข้ามจังหวัดไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันต่อที่ศาลเจ้า YUTOKU INARI SHRINE ศาลเจ้าดังประจำจังหวัด Saga
ศาลเจ้า Yutoku Inari Shrine เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1687 เพื่อเป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ผู้ประทานผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ คล้ายศาลเจ้า Fushimi Inari ในจังหวัด Kyoto ผู้คนมักไปสักการะขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ มีความสำเร็จในด้านธุรกิจการค้า และมีความปลอดภัยในอุบัติเหตุทั้งปวง
Yutoku Inari Shrine มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ ร่มรื่น และให้ความสงบมากๆ มีวิหารไม้ริมหน้าผาที่อลังการแบบสุดๆ แล้วที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครกลกิโมโนด้วยนะ
YUTOKU INARI SHRINE
ที่ตั้ง : Furueda, Kashima, Saga, 849-1321
เปิดบริการ : เปิดตลอด (มีเปิดไฟศาลเจ้าไว้ในตอนค่ำด้วย)
การเดินทาง : นั่งรถบัส Yutoku Bus จากป้าย Kashima Bus Center ไปลงที่ป้าย Yutoku-jinja-mae
เว็บไซต์ : https://www.yutokusan.jp/en/
เราไปต่อกันที่เมือง Takeo ของจังหวัด Saga เพราะในช่วงที่เรามาเที่ยวกันนี้ สวน MIFUNEYAMA RAKUEN PARK สวนขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บริเวณภูเขา Mifune (Mt. Karafune) สร้างขึ้นโดยขุนทางตระกูล Takeo ในช่วงปลายสมัยเอโดะ มีชื่อเสียงในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นฤดูซากุระบาน ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง …มีการจัดแสดงงาน teamLab!!
ซึ่งงาน teamLab: A Forest Where Gods Live ที่เราไปดูกันในครั้งนี้ เน้นเรื่องแสง สี เสียง และอิงระบบนิเวศน์ จึงสรรสร้างสวนแห่งนี้ให้กลายเป็นงานศิลปะกลางแจ้งที่สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ยามค่ำคืนเลยทีเดียว
มีการจัดแสง สี สดๆ ให้กลมกลืนไปกับป่าไม้ โขดหิน และโพรงถ้ำ สวยงาม น่าชม สมกับเป็นงานของ teamLab ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ แม้จะเป็นตอนกลางคืน ก็ออกมาดูดีนะ (มีส่วนที่จัดแสดงทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ด้วย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 11.30 ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน แต่แน่นอนว่าส่วนกลางคืนมีเยอะกว่า)
ท่านที่ชื่นชอบความอาร์ตในสไตล์ของ teamLab ถ้าได้มาจังหวัด Saga ในช่วงที่ยังจัดแสดงงานนี้อยู่ ก็ไม่ควรพลาดกันนะ
teamLab: A Forest Where Gods Live
สถานที่ : Mifuneyama Rakuen Park (Takeo Onsen)
ที่ตั้ง : 4100, Takeo-cho, Takeo City, Saga, 843-0022
วันจัดงาน : 12 ก.ค. – 4 พ.ย. 2019
เวลาจัดแสดง :
12 ก.ค. – 12 ก.ย. 18.30 – 22.30 น.
13 ก.ย. – 11 ต.ค. 17.30 – 22.30 น.
12 ต.ค. – 4 พ.ย. 16.30 – 22.30 น.
ค่าเข้าชม : วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 1,200 เยน / วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ ผู้ใหญ่ 1,400 เยน / เด็กนักเรียน 800 เยน สำหรับทุกวัน / เด็กต่ำกว่า 12 ปี 600 เยน สำหรับทุกวัน
การเดินทาง : นั่ง JR Bus จากสถานี Takeo-onsen ก็ไปลงที่ป้าย Mifuneyama Rakuen ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 8 นาที หรือนั่งแท็กซี่ก็ได้ ประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://www.teamlab.art/e/mifuneyamarakuen
ทริปนี้มีแต่ที่เที่ยวน่าสนใจหลายจุดเลยจริงๆ และในตอนหน้า จะเป็นตอนส่งท้ายทริปคิวชูในครั้งนี้กันแล้ว มาติดตามกันนะ
เรื่องแนะนำ :
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 2
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 1
– เที่ยวคิวชู (เหนือ) ด้วยรถไฟ JR Kyushu ตอนที่ 3
– เที่ยวคิวชู (เหนือ) ด้วยรถไฟ JR Kyushu ตอนที่ 2
– เที่ยวคิวชู (เหนือ) ด้วยรถไฟ JR Kyushu ตอนที่ 1
#เที่ยวคิวชู