วันนี้ป้าจะพาไปชมสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ที่เกี่ยวข้องกับคริสตังลับบนเกาะฮิซากะและเกาะนารุด้วยทัวร์ท้องถิ่นกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
ในตอนที่ 1 ป้าหมวยยยได้แนะนำเรือเฟอร์รี่ไทโกะที่แล่นจากท่าเรือฮาคาตะตอนกลางคืน ใช้เวลา 8 ชั่วโมงกว่าจนมาถึงเกาะฟุคุเอะในตอนเช้าเวลาประมาณ 08:15 น.
วันนี้ป้าจะพาไปชมสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งโบสถ์มรดกโลก UNESCO ที่เกี่ยวข้องกับคริสตังลับบนเกาะฮิซากะและเกาะนารุด้วยทัวร์ท้องถิ่นกันค่ะ
วันที่ 2 : ทัวร์ชมสถานที่และโบสถ์มรดกโลกบนเกาะฮิซากะและเกาะนารุ
หมู่เกาะโกโต้ (五島列島 Gotō Rettō) มีโบสถ์คาทอลิกกระจายตัวอยู่ตามเกาะต่าง ๆ ถึง 53 แห่ง ในจำนวนนี้มีโบสถ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 4 แห่ง ได้แก่
• โบสถ์โกะริงเก่า (旧五輪教会堂 Kyū Gorin Kyōkaidō) ตั้งอยู่บนเกาะฮิซากะ ทางตะวันออกของเกาะฟุคุะเอะซึ่งเป็นเกาะหลัก
• โบสถ์เองามิ (江上天主堂 Egami Tenshudō) ตั้งอยู่บนเกาะนารุ ทางตะวันออกถัดจากเกาะฮิซากะ
• โบสถ์คาชิระงาชิม่า (頭ケ島天主堂 Kashiragashima Tenshudō) ตั้งอยู่บนเกาะคาชิระงาชิม่า ใกล้เกาะนาคาโดริทางตอนเหนือ
• โบสถ์โนคุบิเก่า (旧野首教会 Kyū Nokubi Kyōkai) ตั้งอยู่บนเกาะโนคุบิ ใกล้กับเกาะโอจิกะทางตอนเหนือสุด
ตำแหน่งโบสถ์น้อยใหญ่ทั้ง 53 แห่งบนหมู่เกาะโกโต้ จุดสีแดงคือตำแหน่งของโบสถ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ถ่ายจากสมุดคู่มือแสวงบุญเกาะโกโต้
ป้าหมวยยยตั้งเป้าหมายจะไปโบสถ์สามแห่งแรกในทริปนี้เท่านั้น เพราะโบสถ์โนคุบิทางตอนเหนือสุดมีข้อจำกัดด้านเวลาและการเดินทางในทริปนี้ สำหรับผู้ที่สนใจอ่านประวัติเกี่ยวกับโบสถ์ทั้งสามแห่งสามารถอ่านได้จากบทความแนะนำสถานที่มรดกโลกที่ป้าเคยเขียนไว้นะคะ
ในการเดินทางไปเมืองที่ไม่ค่อยมีรีวิวแบบนี้ การหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ การเดินทาง และเทศกาลด้วยการเข้าไปดูเว็บไซท์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองนั้น ๆ โดยตรงเป็นวิธีที่ดี เว็บไซท์มักทำเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันสามารถใช้ Google Translate ช่วยได้ค่ะ
ป้าค้นหาข้อมูลจากเว็บ http://www.gotokanko.jp ซึ่งเป็นเว็บของสมาคมท่องเที่ยวเมืองโกโต้ เมื่อลองเข้าไปดู และพบว่ามีทัวร์ท้องถิ่นที่จัดโดยสมาคม ฯ ให้บริการ โดยจัดเฉพาะวันที่กำหนดราวช่วงปลายสัปดาห์เท่านั้น มีหลายโปรแกรมให้เลือก
โปรแกรมที่ป้าสนใจคือ ทัวร์ที่ชื่อว่า 五島列島 キリシタン物語 〜久賀島・奈留島編〜 (Gotō Rettō Kirishitan Monogatari ~Hisakajima Narushima Hen) ซึ่งเป็นทัวร์ที่พาไปชมโบสถ์มรดกโลกและสถานที่น่าสนใจบนเกาะฮิซากะและเกาะนารุในช่วงเช้า ค่าใช้จ่ายคนละ 9,800 เยน ราคานี้รวมค่าเรือ ค่ารถตู้ ค่าอาหารกลางวัน ค่าทำกิจกรรมพิเศษทุกอย่างแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ (ล่าสุดปี 2019 ราคาปรับขึ้นเป็น 12,000 เยนแล้ว โดยจะมีการอัพเดทตามช่วงเวลาเรื่อย ๆ) โดยผู้สนใจต้องกรอกใบสมัครเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
ป้าส่งเมล์ไปสอบถามข้อมูลและกรอกใบสมัครส่ง จนได้รับการยืนยันตอบกลับทางเมล์เรียบร้อย สามารถจองได้ล่วงหน้าไม่จำกัดเวลา แต่จะให้ดีควรมีแผนการเดินทางไปเกาะฟุคุเอะแน่นอนแล้วถึงค่อยจองค่ะ
ส่วนเรื่องการชำระเงินนั้น ปกติจะต้องชำระเงินล่วงหน้าโดยทางสมาคมจะระบุวิธีชำระเงินมาให้ในเมล์ แต่ในครั้งนี้เขากรุณายกเว้นให้ป้ากับเพื่อนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่สะดวกในการชำระเงินล่วงหน้า ให้มาชำระเงินเมื่อเดินทางมาถึงเกาะเป็นกรณีพิเศษค่ะ
เมื่อป้าหมวยยยเดินทางมาถึงเกาะฟุคุเอะด้วยเรือเฟอร์รี่ไทโกะแล้ว ก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สมาคมท่องเที่ยวเมืองโกโต้ (五島市観光協会 Gotō-shi Kankō Kyōkai) ที่อยู่ภายในอาคาร Ferry Terminal แจ้งชื่อที่จองและชำระเงินค่าทัวร์ รวมทั้งฝากกระเป๋าเดินทาง (ค่าฝากใบละ 300 เยน โดยต้องระบุในใบสมัครล่วงหน้า) แล้วรออยู่บริเวณหน้าร้านสมาคม ฯ จนกระทั่งเวลาประมาณ 8:50 น. จึงพากันไปที่ท่าเรือ เพื่อรอนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ที่มาด้วยเรือเจ็ตฟอยล์
ตารางการเดินทางและตำแหน่งสถานที่บนแผนที่เป็นดังนี้ค่ะ
ตารางทัวร์เกาะฮิซากะและเกาะนารุ จะเห็นได้ว่าขึ้นรถลงเรือกันสนุกสนานมาก
ตำแหน่งสถานที่และเส้นทางตามตารางทัวร์ในภาพก่อนหน้า
นอกจากไกด์นำทางแล้วมีผู้เข้าร่วมทัวร์นี้ประมาณ 12 คนรวมป้าและเพื่อน หลายคนมาจากโตเกียว แน่นอนว่ามีแค่พวกเราที่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาไกลเพื่อชมโบสถ์มรดกโลก
เวลา 9:10 น. คุณไกด์แจกบัตรห้อยคอและนำกลุ่มผู้ร่วมทัวร์ลงเรือ “ซีกัล” (Seagull) ซึ่งเป็นเรือโดยสารประจำทางจากเกาะฟุคุเอะไปยังเกาะฮิซากะ เรือลำนี้เป็นเรือ ‘Glass Boat’ มีสองชั้น ชั้นบนชมวิวเหนือน้ำ และชั้นล่างชมวิวใต้ทะเล แต่คุณไกด์ให้กลุ่มพวกเรานั่งอยู่ชั้นบน เพื่อฟังการบรรยายและชมหมู่เกาะไปพลาง
เรือซีกัลสีเหลืองสดใสที่จะพาคณะทัวร์ไปยังเกาะฮิซากะ
ใช้เวลาบนเรือ 20 นาที พวกเราเดินทางมาถึงท่าเรือทาโนะอุระ (田ノ浦 Tanoura) ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของเกาะฮิซากะ จากนั้นไกด์นำพวกเราขึ้นรถตู้ พาพวกเราไปยังสถานที่แรกซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือเพียง 5 นาทีค่ะ
โบสถ์ฮามาวากิ
โบสถ์ฮามาวากิและพระรูปแม่มารีย์ผู้นิรมล
โบสถ์ฮามาวากิ (浜脇教会 Hamawaki Kyōkai) เป็นโบสถ์คอนกรีตเสริมเหล็กหลังแรกของหมู่เกาะโกโต้ สร้างขึ้นในปี 1931 เพื่อทดแทนโบสถ์ไม้หลังเดิมที่คับแคบ ไม่เพียงพอต่อจำนวนคริสตชนที่เพิ่มขึ้นในเวลานั้น มีการใช้วัสดุคอนกรีตเสริมเหล็กที่คงทนต่อลมแรงริมทะเล ส่วนโบสถ์ไม้หลังเดิมถูกย้ายไปยังหมู่บ้านโกะริง น่าเสียดายที่ช่วงที่ป้าหมวยยยไปกำลังมีการบูรณะภายในเลยไม่สามารถเข้าชมได้ค่ะ
ภายในโบสถ์ฮามาวากิก่อนบรูณะ (ภาพจาก http://gotokanko510.blog.jp/archives/1088804.html)
จากนั้นพวกเรานั่งรถตู้ต่อไปอีก 10 นาที ก็เดินทางมาถึงโบสถ์อนุสรณ์มรณสักขีโรยะโนะซาโกะ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์เบียดเบียนศาสนาอันทุกข์ทรมานและน่าเศร้าเมื่อราว 150 ปีก่อนค่ะ
โบสถ์อนุสรณ์มรณสักขีโรยะโนะซาโกะ
โบสถ์อนุสรณ์มรณสักขีโรยะโนะซาโกะ : สถานรำลึกถึงคริสตังที่ถูกทรมานในคุกนรกแออัด
โบสถ์อนุสรณ์มรณสักขีโรยะโนะซาโกะ (牢屋の窄殉教記念聖堂 Rōya no Sako Junkyō Kinen Seidō) ตั้งอยู่บนเนินเตี้ย ๆ หันหน้าไปทางทะเล มีทางลาดและบันไดนำขึ้นไปบนเนิน มีลานเล็ก ๆ ด้านข้างโบสถ์ ด้านในสุดมีอนุเสาวรีย์ที่มีแผ่นหินวางเรียงอยู่ด้านหน้าซ้ายขวาจำนวนมาก ทุกแผ่นสลักชื่อและอายุไว้
ในปี 1868 ที่คำสั่งห้ามนับถือศาสนาคริสต์ยังมีผลอยู่ เกิดเหตุการณ์เบียดเบียนศาสนา “โกโต้คุซึเระ” (五島崩れ Goto Kuzure) ซึ่งรัฐบาลได้จับกุมคริสตังลับนำตัวไปทรมานและคุมขังในคุกเพื่อให้ละทิ้งศาสนา คุกเล็ก ๆ นี้ขนาดเพียง 6 สึโบะ (12 เสื่อทาทามิ) หรือ 20 ตารางเมตร แต่มีนักโทษถูกคุมขังแออัดอยู่ในนั้นถึง 200 คน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา
นักโทษภายในคุกต้องอยู่ในสภาพยืนเท้าแทบไม่ติดพื้นเกือบตลอดเวลา เฉลี่ยแล้วพื้นที่ 1 เสื่อ (90 x 180 ซม.) มีคนยืนอยู่บนนั้นถึง 17 คน แต่ละคนได้รับอาหารเพียงหัวมันชิ้นเล็ก ๆ อากาศที่แทบไม่พอหายใจและอาหารที่ได้รับเพียงหยิบมือ ทำให้เด็กและคนชราจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตจากความอดอยากและสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
นักโทษคนแรกที่เสียชีวิตเป็นชายชราวัย 79 ปี ศพของเขาถูกทิ้งไว้ในคุกอย่างนั้นห้าวันห้าคืน และถูกนักโทษคนอื่น ๆ เบียดเสียดเหยียบย่ำด้วยความจำเป็นจนศพแหลกเหลว
นอกจากนี้ในคุกไม่มีห้องน้ำ ในสภาพยืนแออัดกันทำให้ต้องถ่ายหนักเบาทั้งอย่างนั้น เกิดหนอนแมลงจากสิ่งปฏิกูลขึ้นไต่ตามเสื้อผ้า จนมีเด็กสาวที่ถูกหนอนแมลงกัดแล้วติดเชื้อจนเสียชีวิต
นักโทษถูกจำคุกในสภาพเช่นนั้นถึง 8 เดือนจึงได้รับการปล่อยตัว มีผู้เสียชีวิตในคุก 39 คนและหลังจากได้รับการปล่อยตัวอีก 3 คนรวมทั้งสิ้น 42 คน เหตุการณ์โกโต้คุซึเระนับเป็นเหตุการณ์เบียดเบียนศาสนาครั้งสุดท้ายก่อนรัฐบาลมีปลดคำสั่งห้ามนับถือศาสนาคริสต์ลงในปี 1873
โบสถ์แห่งแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1969 บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าบนเกาะ หลังจากนั้นได้ย้ายมาสร้างใหม่ ณ บริเวณที่เคยเป็นคุกแห่งนี้ในปี 1984 และมีการประกอบพิธีมิสซาระลึกถึงดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี
อนุเสาวรีย์โรยะโนะซาโกะที่สลักชื่อผู้ถูกคุมขังไว้ตรงฐานกางเขน และแผ่นหินสลักชื่อและอายุของผู้เสียชีวิต
ในเหตุการณ์ทั้ง 42 คน
ส่วนหนึ่งของแผ่นหินแสดงชื่อและอายุผู้เสียชีวิตในการคุมขังอันทุกข์ทรมาน
ป้าหมวยยยเดินดูป้ายชื่อผู้เสียชีวิต น่าเศร้ามากที่จำนวนไม่น้อยเป็นเด็กเล็ก บางคนอายุเพียงขวบเดียวก็มี บางป้ายระบุลักษณะการเสียชีวิตหรือคำพูดสุดท้ายไว้ด้วย เช่น มารีอา ทาคิ (マリアたき) วัย 10 ขวบที่กล่าวอำลาพ่อแม่ด้วยความเชื่อแสนบริสุทธิ์ว่า “หนูจะไปพาไรโซ (Paraiso = สวรรค์) พ่อขา แม่ขา ลาก่อน”
โบสถ์เล็ก ๆ นี้ปกติปิดประตูใส่กุญแจไว้ แต่ป้ายข้อมูลที่ลานมีภาพถ่ายภายในโบสถ์ สังเกตที่พื้นโบสถ์ปูพรมสีแดง แต่ตรงกลางหน้าพระแท่นที่มีสีต่างกันนั้นมีขนาด 20 ตารางเมตรเท่ากับพื้นที่ของคุกที่คน 200 คนถูกคุมขัง
ภาพถ่ายจากป้ายแสดงลักษณะด้านในโบสถ์ สังเกตพรมสีนวล หน้าพระแท่น ที่มีขนาด 20 ตารางเมตรเท่ากับพื้นที่คุก
รูปเล็ก ๆ ด้านล่างคือคุกในหมู่บ้านคุสึฮาระบนเกาะฟุคุเอะ
จุดชมวิวโอริงามิ
ภาพวิวหมู่เกาะโกโต้จากจุดชมวิวโอริงามิ
จากนั้นรถตู้พาพวกเราขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวโอริงามิ (折紙展望台 Origami Tenbōdai) ระหว่างทางต้องผ่านเส้นทางแคบแบบรถสวนกันไม่ได้ แถมยังโค้งหักศอกและชัน จนป้าหมวยยยคิดว่าคงมีแต่คนท้องถิ่นที่ชำนาญพื้นที่จะที่ขับผ่านได้ เมื่อจอดรถแล้ว คุณไกด์เดินนำขึ้นทางลาดจากลานจอดรถไปจนถึงด้านบนที่มีซุ้มนั่งพัก แลเห็นท้องฟ้าและเกาะแก่งส่วนหนึ่งของหมู่เกาะโกโต้อยู่ไกล ๆ
พวกเราใช้เวลาที่นี่ราว 10 นาทีแล้วนั่งรถตู้อีก 15 นาทีมายังทิศตะวันออกของเกาะฮิซากะ การให้บริการของรถตู้จะสิ้นสุด ณ ตรงนี้จึงต้องเอาของลงจากรถให้หมดเพราะจะไม่ได้ย้อนกลับทางเดิมค่ะ
จากตรงนี้ทุกคนต้องเดินเท้าผ่านเส้นทางในป่าเล็ก ๆ ไปออกทางเดินริมทะเลระยะทางราว 500 เมตร เพื่อไปยังโบสถ์โกะริงเก่าที่ไม่มีถนนตัดผ่าน
ป้ายที่เขียนว่าห้ามยานพาหนะเข้า และป้ายบอกระยะทางไปโบสถ์โกะริงเก่า
เส้นทางเดินในป่าเล็ก ๆ ที่เป็นทางขึ้น ๆ ลง ๆ
ออกมาสู่ทางเดินริมทะเลน้ำใสแจ๋ว บรรยากาศดีมากเลยค่ะ
เห็นโบสถ์โกะริงเก่าอยู่ไกล ๆ ทางซ้ายสุด อาคารทางขวาสุด คือโบสถ์โกะริงหลังใหม่
โบสถ์โกะริงหลังใหม่ที่สร้างขึ้นในปี 1985
โบสถ์โกะริงเก่า
โบสถ์โกะริงเก่าอายุมากกว่า 138 ปี
โบสถ์โกะริงเก่า (旧五輪教会堂 Kyū Gorin Kyōkaidō) ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อกลางปี 2018 จริง ๆ แล้วคือ โบสถ์ฮามาวากิหลังเดิมที่สร้างขึ้นในปี 1881 และย้ายมาสร้างที่หมู่บ้านโกะริงแห่งนี้ในปี 1931 เป็นโบสถ์ไม้ที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาโบสถ์กว่า 133 แห่งทั่วจังหวัดนางาซากิ
ที่นี่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประกอบพิธีมิสซาใด ๆ แล้วและอนุญาตให้ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลช ตัวโบสถ์สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ภายในมีเพดาน Rib vault ทรงโค้ง พระรูปนักบุญยอแซฟ พระเยซูและพระแม่มารีย์มีสีซีดตามอายุที่ไม่ได้มีการบูรณะ
พระแท่นบูชา และหลังคา Rib vault
ราวกั้นหน้าพระแท่นสลักลวดลายสวยงามมาก โดยสลักเป็นตัวอักษร IHS (จากภาษาละติน Iesus Hominum Salvator หรือพระเยซูเจ้าผู้ไถ่แห่งมวลมนุษย์) และภาพรวงข้าวสาลีพันเถาองุ่น สื่อถึงปังและเหง้าองุ่นหรือพระกายและพระโลหิตของพระเยซูในศีลมหาสนิท
ราวกั้นหน้าพระแท่นที่สลักเป็นตัวอักษร IHS และรวงข้าวสาลีพันเถาองุ่นสวยงาม
กรอบบานหน้าต่างทรงแปลกตา มองเห็นน้ำทะเลใสภายนอก
ภาพถ่ายสมัยที่โบสถ์ยังมีการใช้งาน ประดับประดาด้วยดอกไม้สวยงาม
ถึงตอนนี้คุณไกด์นำพวกเราขึ้นเรือเช่าเหมาลำจากท่าเรือตรงข้ามโบสถ์เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะนารุค่ะ
ภายในเรือท่องเที่ยวเช่าเหมาลำ สังเกตว่ามีเก้าอี้เสริมแบบพับด้วย
ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที เมื่อไปถึงเกาะนารุ พวกเราก็ได้เข้าไปทานมื้อกลางวันในเรียวคังโอคุอิ (旅館奥居 Ryokan Okui) ที่อยู่ตรงท่าเรือค่ะ
ท่าเรือประมงบนเกาะนารุที่มีกลิ่นอายหมู่บ้านชาวประมงที่เรียบง่าย ป้ายสีขาว ๆ ตรงโน้นเป็นร้านปาจิงโกะ
อาหารกลางวันที่เรียวคังโอคุอิ
เรียวคังโอคุอิที่ทางทัวร์จัดมื้อกลางวันให้
ในห้องแบบญี่ปุ่น มีสองโต๊ะใหญ่ จัดอาหารไว้เป็นชุด ๆ ตามจำนวนคน จากรายการอาหารที่ระบุไว้ ประกอบด้วยข้าวสวย, ซาชิมิหมึกกล้วยกับปลาคัมปาจิ, ซุริมิ (เนื้อปลาอาจิบดปรุงรส) ที่เป็นของดีประจำท้องถิ่น, ซุปปลาอาระ (ปลากะพง), ปลาซาบะนึ่งมิโซะ, หมึกยักษ์กับแตงกวาดอง, ผักดองมิโซะ และมีของหวานเป็นส้มสด วัตถุดิบอาหารสดใหม่ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ
อาหารชุดกลางวัน น่าทานมั้ยคะ
ใช้เวลาพักผ่อนทานอาหารประมาณ 40 นาที คุณไกด์ก็พาคณะทัวร์ขึ้นรถแท็กซี่แยกเป็น 2 คัน เดินทางไปร่วมกิจกรรมทำของที่ระลึกด้วยไม้ที่เวิร์คช็อปสามพี่น้องกันค่ะ
เวิร์คช็อปสามพี่น้อง
บรรยากาศในเวิร์คช็อป
เวิร์คช็อปสามพี่น้อง (三兄弟工房 Sankyōdai kōbō) นี้เป็นของสามพี่น้องคุซึชิม่า (葛島 Kuzushima) ที่ได้นำเอาวัสดุไม้บนเกาะมาสร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิค Pyrography / Wood Burning จำหน่าย เช่น สายคล้องมือถือ พวงกุญแจ ที่รองแก้ว ไม้ปาดเนย จี้ห้อยคอ และรับทำสินค้าตามสั่ง นอกจากนี้ยังเปิดกิจกรรมเวิร์คช็อปต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะนารุได้ลองทำด้วยตัวเองด้วย
สำหรับกิจกรรมเวิร์คช็อปที่ทางทัวร์จัดให้คือการทำพวงกุญแจค่ะ โดยจะมีเวลา 30 นาที วิธีทำแบบง่าย ๆ คือเลือกรูปลักษณะแผ่นไม้ที่ตัดจากต้นคาเมลเลีย และรูปลวดลายบนกระดาษที่ต้องการ จากนั้นใช้เทปติดแผ่นกระดาษ ใช้ดินสอฝนด้านหลังลายให้ทั่ว พลิกลายกลับมาแล้วใช้ปากกาวาดตามเส้น เมื่อดึงกระดาษออกจะปรากฏลายเส้นบนแผ่นไม้ แล้วใช้อุปกรณ์หัวแร้งที่เรียกว่า Wood burning tool ค่อย ๆ ลากไปตามเส้น ใช้สายคล้องรูที่เจาะไว้ เป็นอันเสร็จ
วิธีการทำพวงกุญแจด้วยวิธี Wood burning และผลงานป้าหมวยยย
ลายกระดาษมีหลายลายให้ทำนะคะ ตั้งแต่รูปมาสคอตคาแรคเตอร์ของเกาะโกโต้ ไปจนถึงลายโบสถ์ที่มีความละเอียด ป้าเลือกรูปดอกคาเมลเลีย สัญลักษณ์ของหมู่เกาะโกโต้ ป้าไม่ค่อยถนัดการฝีมือเลยออกมาไม่สวยเลย จะให้สวยคือเส้นต้องเสมอกันไม่ขาดหรือเป็นจุด ๆ ค่ะ
ผู้เข้าร่วมทัวร์จะได้รับแผ่นไม้พวงกุญแจสวย ๆ อีกหนึ่งชิ้นนอกเหนือจากงานฝีมือตัวเอง เป็นรูปหมู่เกาะโกโต้ และตำแหน่งของโบสถ์โกะริงเก่าและโบสถ์นารุค่ะ เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้วถ้าสนใจชิ้นงานอื่นก็สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกได้ ป้าเลือกซื้อสายห้อยมือถือ 2 ชิ้น ชิ้นแรกแกะสลักเป็นรูปโบสถ์เองามิที่มีชื่อเสียงของเกาะ และอีกชิ้นแกะสลักเป็นรูปปลาผ่าซีก มีมีดพร้อม ดูน่ารักดีค่ะ ลองไปดูผลงานอื่น ๆ ได้ที่ http://www.kyoudai3.jp/
ของที่ระลึกที่รวมอยู่ในทัวร์ และสายห้อยมือถือที่ป้าซื้อกลับมาค่ะ
เมื่อถึงเวลา คณะทัวร์นั่งแท็กซี่ไปอีก 15 นาทีเพื่อไปยังสถานที่แห่งสุดท้าย คือ โบสถ์เองามิ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 2018 ร่วมกับโบสถ์โกะริงเก่า
โบสถ์เองามิ
โบสถ์เองามิสีขาวนวลตัดกับหน้าต่างสีฟ้าสดใส สังเกตว่ามีการยกพื้นเพื่อระบายความชื้นจากตาน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ
โบสถ์เองามิ (江上天主堂 Egami Tenshudō) ตั้งอยู่ในซอกป่าเล็ก ๆ ริมทะเล ด้านหน้าเคยเป็นโรงเรียนประถมที่ปิดตัวไปแล้วและกำลังจะทุบทิ้ง โบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นในปี 1917 และสร้างเสร็จในปี 1918 ถึงตอนนี้ก็อายุครบ 100 ปีไปแล้ว ตัวโบสถ์ทำด้วยไม้ ทาสีขาวนวล บานหน้าต่างสีฟ้าสด ดูสวยงามน่ารักมาก เป็นโบสถ์ที่ป้าหมวยยยชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งค่ะ
โบสถ์แห่งนี้เป็นผลงานของนายช่างเท็ตสึคาวะ โยสุเกะ (鉄川与助 Tetsukawa Yosuke) บิดาของการสร้างโบสถ์ตะวันตกซึ่งป้าได้ไปชมผลงานของเขามาแล้วหลายแห่งในนางาซากิ แต่ละแห่งล้วนสวยงาม สะท้อนถึงความชำนาญในการออกแบบ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และการประยุกต์ผสมผสานเทคนิคการก่อสร้างทั้งแบบตะวันตกและตะวันออกด้วยวัสดุก่อสร้างที่หลากหลาย
ตัวโบสถ์ทาสีใหม่ แต่ลูกบิดประตูยังเป็นของเก่า
ช่วงที่ไปดูเหมือนจะมีคุณพ่อบาทหลวงและเจ้าหน้าที่กำลังสำรวจเก็บข้อมูลบางอย่าง คุณไกด์พาไปด้านหลังโบสถ์ ชี้ให้ดูแผ่นตกแต่งใต้หลังคาที่เมื่อแดดตอนเช้าส่องมาจะเป็นเงารูปกางเขน
เงารูปกางเขนที่จะปรากฏในยามเช้าเป็นกิมมิคเล็ก ๆ
แม้ด้านนอกมีลักษณะเหมือนบ้านน่ารัก ๆ มากกว่าโบสถ์คาทอลิกตามการออกแบบของคุณเท็ตสึคาวะ แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ภายในดูหรูหราบรรยากาศน่าศรัทธาแตกต่างจากภายนอกเลยค่ะ น่าเสียดายที่ภายในโบสถ์ห้ามถ่ายภาพ เลยได้แต่นำภาพที่ถ่ายจากป้ายด้านหน้ามาให้ชมค่ะ
ภาพจากป้ายบรรยายแสดงด้านในโบสถ์เองามิ
ภายในโบสถ์ยังมีอิมเมจน่ารักของดอกไม้ปรากฏให้เห็นตามจุดต่าง ๆ เช่น ซุ้มประตูครึ่งวงกลมรูปดอกซากุระหรือ ภาพวาดดอกซากุระบนกระจกหน้าต่างที่ใช้แทนกระจกสีสเตนกลาส เป็นต้น นอกจากนี้ชาวบ้านในสมัยนั้น ยังช่วยกันทาสีเลียนแบบลายไม้บนเสาไม้บางส่วนด้วย อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำคือ “หวี” ซึ่งลายไม้ที่ออกมาดูกลมกลืนมาก ๆ ค่ะ ดูแทบไม่ออกเลย
ลายไม้บนที่ชาวบ้านช่วยกันวาดโดยใช้หวีเป็นอุปกรณ์
(ภาพจาก http://oratio.jp/p_column/tetsukawayosukenomesseji)
เมื่อชมสถานที่แห่งสุดท้ายแล้ว คุณไกด์พาเราขึ้นรถเพื่อกลับไปยังท่าเรือนารุ แจกตั๋วโดยสารเรือด่วน “นิวไทโย” (ニューたいよう Nyū Taiyō) เพื่อเดินทางกลับไปยังเกาะฟุคุเอะ เรือไทโยนี้เป็นเรือด่วน (高速船 Kōsokusen) ประจำทางที่วิ่งระหว่าง ชินคามิโกโต้ – เกาะนารุ – เกาะฟุคุเอะค่ะ ใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็เดินทางมาถึงท่าเรือฟุคุเอะ
เรือด่วนนิวไทโย
ทัวร์ชมสถานที่สำคัญของชาวคริสตังบนเกาะฮิซากะและเกาะนารุนี้ ใช้เวลาทั้งสิ้นราว 6 ชั่วโมง เมื่อได้ไปถึงสถานที่จริง ๆ แล้ว ป้ายอมรับว่า ถ้าไม่ได้ร่วมทัวร์นี้ ป้าคงไปเองลำบากมากค่ะ เพราะแม้ทั้งสองเกาะมีคนอาศัยอยู่ แต่รถแท็กซี่บนเกาะมีจำนวนจำกัด ต้องโทรจองล่วงหน้าด้วยภาษาญี่ปุ่น และมีค่าใช้จ่ายสูง
นอกจากนี้ แม้บนเกาะจะมีรถเช่าให้บริการ แต่รถเช่าเหล่านี้มีจำนวนน้อยมาก และดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นซึ่งยอมรับเฉพาะใบขับขี่ญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ยอมรับใบขับขี่สากลอย่างบริษัทรถเช่าใหญ่ ๆ ค่ะ และเส้นทางไปยังบางสถานที่ก็ดูยากลำบากน่าจะขับผ่านได้เฉพาะคนท้องถิ่นผู้ชำนาญทางเสียด้วย
ป้าหมวยยยกลับถึงท่าเรือฟุคุเอะตามเวลา 14:50 น. ยังพอมีเวลาเดินเที่ยวในเมืองอีกพักนึงกว่าตะวันจะลับฟ้า แต่ขอยกยอดไปตอนหน้านะคะ อดใจรอค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 1 : ล่องเรือไทโกะไปหมู่เกาะโกโต้
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 5
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 4
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 3
– แลมรดกโลก : มรดกคริสตังลับแห่งนางาซากิและอามาคุสะ ตอนที่ 2
#นางาซากิ #มรดกโลก