Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
  • Home
  • Kyoto
  • Tohoku
Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
  • Home
  • Kyoto
  • Tohoku
  • เที่ยวเฮียวโงะ Hyogo
  • เที่ยวโอคายามะ Okayama

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

  • 03/01/2019
  • 3 minute read
  • marumura

ครั้งนี้เราจึงจะพาไปเที่ยวชมสองจังหวัด นั่นก็คือจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) แล้วก็จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) โดยการใช้บัตร JR Kansai Wide Area Pass กันจ้าาาาาา

บทความโดย : ทีมงาน www.marumura.com

ในทริปก่อนหน้านี้ เราเคยได้พาไปเที่ยวชมสถานที่ไฮไลท์ในจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) แห่งภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) กันมาบ้างแล้ว ในครั้งนี้เราจึงจะพาไปเที่ยวชมอีกสองจังหวัดซึ่งเป็นเพื่อนบ้านข้างเคียง นั่นก็คือจังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน แล้วก็จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ที่อยู่ในภูมิภาคคันไซ (Kansai)

ในตอนนี้ เรามาเริ่มต้นการเดินทางกันที่จังหวัด Hyogo แห่งภูมิภาค Kansai ก่อนเลย (^^)

บางคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อจังหวัดนี้สักเท่าไร แต่ถ้าบอกว่าโกเบ (Kobe) ล่ะ? ก็คงจะมีอ๋อ… กันบ้าง เนื่องจากโกเบเป็นเมืองท่าสำคัญของจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งที่อยู่ติดกับจังหวัดโอซาก้า (Osaka) โดยมีสนามบินคันไซ (Kansai International Airport) เป็นประตูสู่ภูมิภาคแห่งนี้

Hyogo นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของ ….
– แหล่งช้อปปิ้ง
– เทศกาลประดับไฟช่วงหน้าหนาว (Kobe Luminarie)
– จุดชมวิวบนยอดเขารกโกะ (Mount Rokko)
– ออนเซ็นสุดดังอย่าง Arima Onsen และ Kinosaki Onsen
– ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ติดอันดับปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น
– เนื้อโกเบ (Kobe wagyu) ของมันต้องกินจริงๆ!! เมื่อมาเยือนโกเบ

แต่ในทริปนี้ เรามาในช่วงเวลาของพายุ!! (T_T) พอลงเครื่องที่สนามบินคันไซ ก็เจอประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นเลย ดังนั้นจึงควรรีบเข้าพักในเคหะสถานใดๆ ก็ได้ในช่วงเวลาตามที่ทางการประกาศ ทำให้ต้องพลาดไฮไลท์หลายๆ อย่าง จากที่วางแผนเอาไว้

และเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน เราจึงมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก (เครื่องบินแอบดีเลย์ข้ามวัน ด้วยความที่เครื่องขัดข้อง จึงไปถึงสนามบินคันไซในเวลาที่ออกจะแปลกๆ อยู่สักหน่อย คือไปถึงในช่วงค่ำๆ) พอออกจากสนามบินปุ๊บ เราก็เดินทางไปยังจังหวัดเฮียวโงะกันเลย

JR Kansai Wide Area Pass

อ้อ! สิ่งที่พลาดไม่ได้ ซึ่งต้องบอกให้เพื่อนๆ ทราบก็คือ วิธีที่เราเลือกเดินทางกันในทริปนี้ นั่นก็คือ การใช้บัตร JR Kansai Wide Area Pass ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ที่เราจะเที่ยวกันทั้ง 2 จังหวัด คือ Hyogo และ Okayama

โดยบัตร Kansai Wide Area Pass จะสามารถใช้เดินทางในพื้นที่ที่ระบุได้ เป็นระยะเวลา 5 วัน (ต่อเนื่อง) ซื้อจากเมืองไทยก็ได้ (ผ่านระบบ Online หรือผ่านบริษัทนำเที่ยว) จะได้ราคาพิเศษ คือผู้ใหญ่ 9,000 เยน และเด็ก 4,500 เยน แต่ก็สามารถซื้อเมื่อเราไปถึงญี่ปุ่นแล้วได้เช่นกัน แต่จะต้องซื้อในราคาเต็ม คือผู้ใหญ่ 10,000 เยน และเด็ก 5,000 เยน และบัตรชนิดนี้จำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ถือวีซ่าระยะสั้นหรือได้รับการประทับตราเป็น Temporary Visitor เท่านั้น ดังนั้นตอนซื้อ หรือทำการ Exchange ใบจองที่เราซื้อมาจากเมืองไทย ให้เป็นบัตร Kansai Wide Area Pass ตัวจริง ก็ต้องโชว์พาสปอร์ตด้วย

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

JR Kansai Wide Area Pass

และความน่ารักของบัตร Kansai Wide Area Pass อีกอย่างหนึ่งที่ควรต้องรู้เลย ก็คือ เราไม่ต้องแสดงบัตรนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตามสถานีรถไฟดู เวลาที่จะผ่านเข้า-ออกสถานี (บัตรรถไฟบางประเภทยังต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ฯ ดูอยู่) โดยเราสามารถสอดบัตรผ่านตู้ตรวจบัตรอัตโนมัติได้ตามปกติเลย ประหยัดเวลาได้เยอะ โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องวิ่งต่อรถไฟในเวลาที่กระชั้นชิด อันนี้คือดีงามมาก

ท่านไหนสนใจบัตร JR Kansai Wide Area Pass นี้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_wide/

JR Kansai Wide Area Pass
เงื่อนไข : 5 วัน (ต่อเนื่อง)
ราคา : ผู้ใหญ่ 10,000 เยน และเด็ก 5,000 เยน
เว็บไซต์ : https://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_wide/
หมายเหตุ :
– สามารถใช้บริการรถไฟ JR West ในพื้นที่ที่กำหนดได้ไม่จำกัดเที่ยว
– นั่ง Sanyo Shinkansen (Shin-Osaka – Okayama) ในตู้แบบ Non-reserved seat ได้ (รวมถึงขบวน Hello Kitty Shinkansen ด้วย)
– นั่งขบวน Haruka, Kuroshio, Thunderbird, Kounotori, Super Hakuto, Super Inaba ในตู้แบบ Non-reserved seat ได้
– ไม่สามารถใช้กับ Tokaido Shinkansen (Shin-Osaka – Tokyo), Sanyo Shinkansen (Okayama – Hakata), และ Kyushu Shinkansen (Hakata – Kagoshima-Chuo) ได้
– สามารถใช้บริการรถบัสของ West JR Bus ในพื้นที่ที่กำหนดได้ไม่จำกัดเที่ยว
– สามารถใช้บริการเช่ารถจักรยาน “Erikin Kun” ได้ฟรี! (ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 2018 – 31 มี.ค. 2019)


Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel

เอาล่ะ!! พอเราแลกใบจองรถไฟ Kansai Wide Area Pass เป็นบัตรของจริงที่สถานีรถไฟเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถออกเดินทางกันได้

หากเดินทางจากสนามบินคันไซ เราจะต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานี JR Osaka ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่สถานี JR Sannomiya ใช้เวลาเดินทางรวมราวๆ 1 ชม. 45 นาที และถ้าใครมีบัตร JR Kansai Wide Area Pass เหมือนเรา ก็จะสบายหน่อย ไม่ต้องจ่ายเยอะ เพราะจากสนามบินถึงซันโนะมิยะ ค่ารถไฟจริงๆ ก็จะประมาณ 3,000 เยนเชียวนะ

อย่างไรก็ตาม หากใครวางแผนจะมาเที่ยวเกิน 5 วัน จะเซฟบัตร JR Kansai Wide Area Pass ไว้ใช้ในวันหลังๆ ให้ cover ถึงวันกลับก็ได้ เพราะบัตร JR Kansai Wide Area Pass สามารถใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง (consecutive days) เท่านั้น จะใช้แบบวันเว้นวันไม่ได้ (แบบนั้นเรียกว่า flexible days)

ที่ Hyogo เราพักกันที่โรงแรม Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel เป็นโรงแรมในเครือ Tokyu ของญี่ปุ่น เชื่อถือได้ในเรื่องของมาตรฐาน และอยู่ถัดจากสถานี JR Sannomiya ของเมืองโกเบ ไป เพียงแค่ 2 นาทีโดยการเดิน

โรงแรม Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel

ตู้เช็คเอ้าท์ Automatic ล่ะ

ห้องพักของเรา

อาหารเช้าสุดน่ารัก ^^

อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกหลากหลายอยู่

Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel
ที่ตั้ง : 6-1-5, Kumoidori, Chuo-ku, Kobe-shi, Hyogo 651-0096
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Sannomiya เพียง 2 นาทีเท่านั้น

ดูรายละเอียดโรงแรมที่นี่ >> Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel


Akashi Kaikyo Bridge (Pearl Bridge)

เช้าวันรุ่งขึ้น ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันเยอะ ด้วยความที่มีเวลาไม่มาก กินข้าวเช้า แล้วมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟ JR Sannomiya กันเลย เพราะเราควรต้องไปเก็บตัวที่โรงแรมบนเกาะ Awaji หรือ Awajishima กันตั้งแต่ก่อนเที่ยง เนื่องจากทาง JMA หรือกรมอุตุฯ ญี่ปุ่น ได้ประกาศแจ้งไว้ว่าศูนย์กลางไต้ฝุ่นจะเคลื่อนมาถึงพื้นที่ที่เราอยู่ในช่วงหลังเที่ยง เป็นต้นไป

มุ่งหน้าสู่สถานี JR Sannomiya อยู่ไม่ไกลโรงแรมนัก

การจะนั่งรถบัส (West JR Bus) ไปยังเกาะ Awaji ก็ต้องข้ามสะพานอาคาชิ ไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge) ด้วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการข้ามสะพานระหว่างเกาะที่ทั้งกว้าง และยาว (ยาวรวมถึง 3,911 เมตร) นี้ เราจึงควรไปก่อนพายุมา ไม่งั้นลำบากแน่ๆ

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

สะพาน Akashi Kaikyo

แต่สุดท้ายก็ไปถึงโรงแรมกันได้อย่างปลอดภัย… แถมมีเวลาแอบแวะเที่ยวจุดชมวิวสะพาน Akashi Kaikyo กันเล็กน้อย ก็จัดไปนิดนึง (^^)”

สะพาน Akashi Kaikyo เริ่มก่อสร้างในเดือนพ.ค. ปี 1988 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเม.ย. ปี 1998 ออกแบบให้สามารถทนแรงลมได้ถึง 80 เมตร/วินาที และทนแผ่นดินไหวได้ในระดับที่ค่อนข้างมาก ส่วนฐานก็ลงลึกไปในพื้นทะเลถึง 60 เมตร สามารถทนกระแสคลื่นได้ถึง 4.5 เมตร/วินาที โครงสร้างสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 120,000 ตัน

และ Akashi Kaikyo ยังมีอีกฉายาหนึ่งคือ “Pearl Bridge” ที่ได้มาจากยามที่มองแสงไฟประดับสะพานยามค่ำคืนที่หลากสีสัน บวกกับโครงสร้างของสะพาน ทำให้มองดูคล้ายกับเป็นสร้อยคอมุกนั่นเอง

นักท่องเที่ยวยังสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมทัวร์สะพานแห่งนี้ได้ (Bridge World Tour) ซึ่งนอกจากจะได้เดินอยู่ภายในโครงสร้างของสะพานแล้ว ยังจะได้ขึ้นไปยืนชมวิวบนหอคอย สูงถึง 300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลด้วย ใครที่มั่นใจว่าขาจะไม่สั่นระหว่างทัวร์ ถ้ามีโอกาสก็จัดไปนะ (^^)

Akashi Kaikyo Bridge (Pearl Bridge)
ที่ตั้ง : Higashi Maiko-cho, Tarumi-ku, Kobe, Hyogo
การประดับไฟ : วันธรรมดา เปิดตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตก จนถึง 23.00 น. / วันเสาร์-วันอาทิตย์-วันหยุดธนาคาร-กรณีพิเศษ เปิดตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตก จนถึง 24.00 น.
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี JR Maiko
เว็บไซต์ : http://www.jb-honshi.co.jp/english/bridgeworld/bridge.html


The Westin Awaji Island Resort & Conference Center

ล็อบบี้กว้างขวาง ที่นั่งเพียบ

โชคดีที่เราไปถึงโรงแรมกันตามเวลาที่คาดหวัง แถมยังเป็นโรงแรม The Westin Awaji Island Resort & Conference Center ซึ่งเป็นโรงแรมใหญ่หันหน้าไปยังเมืองโกเบ และจังหวัดโอซาก้า บนเกาะใหญ่ Honshu ที่ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานสูง

ห้องพักหลบพายุของเรา ^^

ที่นี่เป็นโรงแรมที่มีโบสถ์ และ International Conference Center เป็นของตัวเองด้วย และไฮไลท์สำคัญก็คือมีงานอาร์ตแบบ Outdoor ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง รวมเรียกว่า “Awaji Yumebutai” ซึ่งมีสวนและจุดชมวิวที่สามารถขึ้นลิฟต์ไปได้ (Hyakudan-en Garden and Promenade Garden) มีสวนดอกไม้ (Akashi Kaikyo Park) รวมไปถึงสวนพฤกษศาสตร์ (The Miracle Planet Museum of Plants) อยู่ในพื้นที่ซึ่งต่อเนื่องกัน

เมื่อไปถึงโรงแรม เราก็ต้องจัดมื้อกลางวันที่ห้องอาหารของโรงแรมกันก่อน เป็นอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบในท้องถิ่น ตามฤดูกาลเป็นหลัก รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว ดูสมบูรณ์พูนสุข ไม่ค่อยเหมือนกลุ่มคนที่กำลังหลบพายุกันสักเท่าไรนัก

และด้วยความที่เป็นโรงแรมใหญ่จึงมีประวัติน่าสนใจ แล้วก็มีพื้นที่สำคัญๆ ไม่ควรพลาดหลายจุด ซึ่งในระหว่างที่พายุยังไม่กระหน่ำ ฝนแค่ตกปรอยๆ เราจึงไปเดินชมส่วนด้านนอกกันก่อน (เสียดายที่เดินได้ไม่ทั่ว เพราะพื้นที่กว้างจริงๆ ถ้าจะชมให้ทั่วทั้งหมด อาจจะกลับเข้าห้องพักกันไม่ทันพายุ)

(มาโรงแรมแห่งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ขอสารภาพว่า .. ถ้ามีครั้งที่สาม ยังไม่รู้เลย ว่าจะเดินทั่วหรือเปล่า)

“Awaji Yumebutai”

สถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่แฝงแนวคิดต่างๆ ของสถาปนิคคนดังชาวญี่ปุ่น …………… เป็นการออกแบบอาคารที่สลับซับซ้อน แต่แฝงไปด้วยแนวคิด และผลงานศิลปะ ซึ่งสามารถมองภาพรวมเกือบทั้งหมดจากชั้นบนของโรงแรมก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดี ก็ควรจะมาเดินเล่นอย่างเรานี่แหล่ะ

ก่อนพายุมา ก็ไปเดินชมส่วนต่างๆ ของโรงแรม …​โบสถ์สวยงาม ดูขลังทีเดียว

ทางเดินส่วนหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างตัวโรงแรมกับ Awaji Yumebutai

ตัวโรงแรม เมื่อมองจากส่วนที่เป็น Awaji Yumebutai

เจ้านี่จะอยู่หน้าสวนพฤกษศาสตร์ (แต่งวดนี้ ปิดบริการ เพื่อเตรียมรับพายุที่กำลังมา …อดเข้าชม ><)

ภายในร้าน มีของฝาก ขนม เสื้อผ้า เครื่องประดับ ฯลฯ ไม่น้อย เราใช้เวลาอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง มีค่าเสียหายไปกับเสื้อใหม่ 2 ตัว ฮะ ฮะ (เกือบเสียให้กับเครื่องประดับอีกหลายชิ้น) แล้วในร้านนี้ยังมีหนังสือเกี่ยวกับสถาปนิกคนดังผู้ออกแบบโรงแรม รวมทั้งส่วนอื่นๆ ทั้งหมดอีกด้วย ใครที่ชื่นชอบงานแนวนี้ คงต้องอยากได้อย่างแน่นอน

พอกลับเข้าตัวโรงแรมได้ไม่นาน เสียฝนกระแทกกระจก ก็ดังขึ้นหลายเท่าตัว เราจึงไปพักผ่อนในห้องพักก่อนที่จะได้เวลาอาหารค่ำ ที่เป็นบุฟเฟ่ต์ อาหารไม่ได้เยอะแยะอลังการ เหมือนโรงแรมที่รับกรุ๊ปนักท่องเที่ยวระดับมหาศาลนัก แต่ก็มีให้เลือกกินได้ไม่ครบแล้วกันล่ะ แถมคุณภาพก็เรียกว่าจัดมาแต่ของดี ของเด็ด เลยทีเดียว ถือเป็นบุฟเฟ่ต์ที่หรูหราแต่เต็มไปด้วยวัตถุดิบไฮไลท์ในท้องถิ่นเลยล่ะ

เราเสียเวลาไปเกือบ 2 วัน ให้กับเครื่องบินที่ดีเลย์และพายุไต้ฝุ่นที่จัดเต็ม แบบว่า…โดนกันทั่วถึงทั้งประเทศญี่ปุ่น วันรุ่งขึ้นเราจึงรีบจัดการกับมื้อเช้าในโรงแรม แล้วออกไปดูพื้นที่รอบๆ เกาะ Awaji ว่าแถบนี้ยังมีอะไรให้เราเที่ยวชม แล้วนำมาแนะนำเพื่อนๆ ได้อีกบ้าง (เคยแนะนำในส่วนของอาหารท้องถิ่น จุดชมวิวน้ำวน รวมถึงศูนย์อนุรักษ์โลม่าของเกาะนี้ไปบ้างแล้ว)

The Westin Awaji Island Resort & Conference Center
ที่ตั้ง : 1 Yumebutai, Awaji-shi, Hyogo 656-2306
เปิดบริการ : Akashi Kaikyo Park แต่ละเดือนเปิดไม่เหมือนกัน แต่จะอยู่ที่ราว 09.30 – 17.00 น. เป็นส่วนใหญ่ / The Plants Museum of Miracle Planet เปิด 10.00 – 18.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัสที่สองของเดือนก.ค. และพ.ย.)
ค่าเข้าชม : Akashi Kaikyo Park ผู้ใหญ่ 450 เยน/เด็ก 210 เยน / The Plants Museum of Miracle Planet ผู้ใหญ่ 600 เยน/เด็ก 300 เยน นอกนั้นชมฟรี
การเดินทาง : นั่งรถบัสจาก Kosoku Maiko (สถานี JR Maiko) มุ่งหน้า Higashiura Bus Terminal ประมาณ 15 นาที ลงที่ป้าย Yumebutai-mae
เว็บไซต์ : http://www.yumebutai.co.jp

ดูรายละเอียดโรงแรมที่นี่ >> The Westin Awaji Island Resort & Conference Center


Awaji Hanasajiki (Awaji Flower Gallery)

มีเวลาให้เราแค่ผ่านชมกันไป เพราะทราบว่าแถบนี้จะมีจุดชมวิว แล้วก็ทุ่งดอกไม้อยู่ไม่ไกล เพียงแต่ว่าในฤดูพายุ กับช่วงก่อนฤดูใบไม้ร่วงอย่างนี้ คงไม่มีอะไรให้เราชมมากนัก

ระหว่างทาง เห็นกังหันลมผลิตไฟฟ้านี้ ที่ก็ไม่ได้เพิ่งล้มหลังพายุนี่นะ ล้มก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพราะปี 2018 นี่ ญี่ปุ่นเจอพายุหนักๆ เยอะเหลือเกิน ><

อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูดอกไม้ของที่นี่ สวนที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าสนามโคชิเอ็ง (Hanshin Koshien Stadium) ถึง 4 เท่านี้ จะมีดอกไม้กว่า 2.5 ล้านดอก บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว โดยมีฉากหลังเป็นสะพาน Akashi Kaikyo กับอ่าวโอซาก้า น่าจะเก๋ไม่หยอก ถ้าได้มาให้ช่วงดอกไม้บานเต็มทุ่งอ่ะนะ

นี่เป็นบริเวณสวนดอกไม้ แต่ช่วงที่ไป นี่หมดฤดูดอกไม้พอดี เลยได้เห็นแต่เพียงเค้าลาง ว่าตอนจัดสวนดอกไม้นั้น เป็นรูปอะไร

เพื่อนๆ ที่สนใจ ก็วางแผนมาเที่ยวชมกันได้นะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอก mustard สีเหลืองบานสะพรั่ง ส่วนในฤดูร้อนจะเป็นดอก verbena และทานตะวัน ในฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นฤดูกาลของดอก cosmos ฤดูหนาวก็ยังมีดอก hoary stock เป็นต้น

จุดนั่งชมวิวสวนดอกไม้ นี่ถ้ามาตอนดอกไม้บานเต็มทุ่ง คงได้เห็นวิวสวย

Awaji Hanasajiki (Flower Galleries)
ที่ตั้ง : 2865-4, Kusumoto, Awaji-shi, Hyogo 656-2301
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ปิดบริการในวันที่ 29 ธ.ค. – 3 ม.ค.)
ค่าเข้าชม : ฟรี!
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี JR Sannomiya มาได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 15 นาที และสามารถนั่งแท็กซี่ จาก Higashiura Bus Terminal บนเกาะ Awaji มาได้ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
เว็บไซต์ : http://www.hyogo-park.or.jp/hanasajiki/


Hokudan Earthquake Memorial Park

ดูผนังสิ บอกทั้งวัน เวลา และความรุนแรง ของการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในครั้งนั้นเลย

นี่ สถานที่จริงนะ ไม่ได้จำลอง …​ดูดิ ดินสไลด์ แยกระดับกันเลย หลังเกิดแผ่นดินไหว

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ Hokudan Earthquake Memorial Park (Nojima Fault Preservation Museum) ซึ่งก็ตั้งขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 1995 ที่รอยเลื่อนโนจิมะ (The Nojima Fault) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) เกิดการเคลื่อนตัว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรง 7.3 แมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ Awaji (หลักๆ คือพื้นที่แถบ Ogura ซึ่งเกิดความเสียหายหนักๆ ครอบคลุมพื้นที่ราว 10 ตารางกิโลเมตร) และพื้นที่บริเวณนี้นี่เอง ที่ถูกก่อตั้งให้เป็น Nojima Fault Preservation Museum

นี่ ก็ครัวจริงๆ ที่เละจริงๆ ของบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ในเขตพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์

ภายในพิพิธภัณฑ์ จึงมีการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินไหว และเน้นไปยังเรื่องราวของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 1995 และการจัดแสดงทั้งพื้นที่และข้าวของจริงๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ซึ่งที่นี่ เราสามารถทดลองเข้าไปนั่งอยู่ในบ้านซึ่งจำลองความรุนแรงระหว่างการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่สำคัญๆ ในญี่ปุ่นได้ด้วย พูดตรงๆ … จะว่าสนุก มันก็สนุกนะ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ รับรองว่าตื่นตูมแน่นอน พอคิดแล้วว่ามันคือแผ่นดินไหว! มันก็น่ากลัวขึ้นมาจริงๆ เลยล่ะ

Hokudan Earthquake Memorial Park
ที่ตั้ง : 177 Ogura, Awaji City, Hyogo 656-1736
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ปิดบริการบางวันในเดือนธันวาคม)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็กมัธยม 300 เยน / เด็กประถม 250 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟหรือรถบัสจากสถานี Maiko/Kosoku Maiko ข้ามสะพาน Akashi Kaikyo มาประมาณ 20 นาที ลงที่ Hokudan IC แล้วนั่ง รถบัสย้อนไป 10 นาที ย้อนไปลงที่ป้าย Hakudan Earthquake Memorial Park จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็ถึง
เว็บไซต์ : http://www.nojima-danso.co.jp

การเดินทางภายในเกาะอาวาจิ (Awajishima) นั้น สามารถใช้บริการ West JR Bus ได้ด้วยนะ ยิ่งเรามีบัตร JR KANSAI WIDE AREA PASS ยิ่งสะดวกใหญ่เลย (เวลาเข้า-ออกสถานีรถไฟ ก็ไม่ต้องโชว์บัตร สอดเข้าตู้ automatic ticket gate เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเราได้เลย ดี๊ดีอ่ะ)


Himeiji Castle

ได้เวลาออกเดินทางจากเกาะ Awaji กันแล้ว เมื่อข้ามสะพาน Akashi Kaikyo กลับมายังฝั่งที่เป็นเกาะ Honshu เราต่อรถไฟกันที่ สถานี JR Nishi-Akashi เมื่อมุ่งหน้าสู่สถานี Himeji ซึ่งระหว่างรอขบวนรถไฟของเราอยู่ เราก็มีโอกาสได้เห็น JR Hello Kitty Shinkansen รถไฟขบวนพิเศษที่มีเฉพาะ JR West เท่านั้น ให้บริการระหว่างสถานี Shin-Osaka กับสถานี Hakata

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

JR Nishi-Akashi

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

JR Hello Kitty Shinkansen ไม่ได้ขึ้น แต่ก็ได้เจอ น่ารักเชียว

แล้วช่วงนี้ ทาง JR West ก็มักจะมีแคมเปญเกี่ยวกับ JR Hello Kitty Shinkansen อยู่บ่อยๆ ด้วยนะ นักสะสมที่เป็นแฟนคลับ Hello Kitty ได้ตามสะสมกันสนุกแน่ๆ อย่างเช่นแคมเปญนี้เป็นต้น >> https://www.westjr.co.jp/global/en/pdf/press_20180921.pdf

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง เห็นแล้วอยากขึ้นบ้างจัง แต่วิ่งสวนทางกันซะนี่ \(><)/

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

นี่ ขบวนที่เราขึ้น มุ่งหน้าสู่สถานี JR Himeji

เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)

ตื่นๆ … เมื่อเดินทางถึงสถานี Himeiji ก็ต้องเดินเท้ากันเล็กน้อย เพื่อไปชมปราสาทฮิเมจิ (Hemeji Castle) กัน

หันหน้าเข้าสถานี ก็จะได้เห็นแบบนี้

พอกลับหลังหัน ก็เจอนี่เลย ปราสาท Himeji พุ่งไปเลยจ้า

บริเวณทางเดินก็มีประติมากรรมสวยๆ อยู่ด้วย

มาถึงประตูที่จะเข้าพื้นที่ของปราสาท Himeji กันละ

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) หรือฉายา ปราสาทนกกระยางขาว (White Heron) เนื่องจากเป็นปราสาทสีขาวนั่นเอง เป็นปราสาทขนาด 7 ชั้น รวมชั้นฐาน (Basement) ภายในไม่ได้มีการจัดแสดงอะไรมากมาย เหมือนเช่นปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่นหลายแห่งที่ถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่กลับปล่อยโล่ง ถือเป็นปราสาทญี่ปุ่นที่คงความดั้งเดิมเอาไว้ได้มากที่สุด

ด้านหน้า มีป้ายฉลอง ครบรอบ 25 ปี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย

เข้ามา ก็จะเจอลานหน้าปราสาท

เดินอ้อม ลานมาเรื่อยๆ (ถ้าเป็นช่วงซากุระนะ จะเลิศมาก เพราะมีต้นซากุระ ล้อมรอบลานเลย) ก็มาซื้อตั๋วเข้าปราสาทกัน

ซื้อที่ตู้ก็ได้

ที่นี่ มี VR ให้ข้อมูลของปราสาท Himeji จำหน่ายด้วยนะ ใช้ร่วมกับ application ราคา 800 เยน

แล้วก็มีป้ายแนะนำการใช้ audio guide ระหว่างเดินชมปราสาทด้วยล่ะ

ผ่านจุดจำหน่ายตั่วขึ้นไป จะเจอโบรชัวร์ นับสิบภาษาเลย รวมทั้งภาษาไทยด้วย

โดยปราสาท Himeji สร้างขึ้นโดย Ikeda Terumasa เมื่อราว 400 ปีก่อน (ศตวรรษที่ 17) และไม่เคยถูกโจมตี จึงคงสภาพดั้งเดิมไว้ได้อย่างค่อนข้างจะสมบูรณ์ (ปัจจุบันเพิ่งได้รับการบูรณะ) และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม จากองค์การ UNESCO เมื่อปี 1993 จนกลายเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น

เห็นตัวปราสาทอยู่ตรงหน้าก็จริง แต่ก็ต้องออกแรงเดินกันพอควรกว่าจะถึงตัวปราสาทจริงๆ
(ก็เขาสร้างไว้ป้องกันศัตรูนี่นา จะไปถึงง่ายๆ ก็กระไรอยู่)

สวย สมบูรณ์ ทุกมุมจริงๆ

Himeiji Castle
ที่ตั้ง : 68 Hommachi, Himeji, Hyogo 670-0012
เปิดบริการ :
1 ก.ย. – 26 เม.ย. เปิด 09.00 – 17.00 น.
27 เม.ย. – 31 ส.ค. เปิด 09.00 – 18.00 น.
(ปิดวันที่ 29 – 30 ธ.ค.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก 300 เยน
การเดินทาง : อยู่ใกล้สถานี JR Himeji สามารถเดินทางสถานีไปได้ปรมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.himejicastle.jp/en

เข้าไปด้านใน ต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติก หิ้วไปเด้อ

มีศาลเจ้าน้อยๆ ตั้งอยู่บริเวณชั้นบนสุดของปราสาทด้วย

สัญลักษณ์สำคัญบนหลังคาของปราสาทของญี่ปุ่นส่วนใหญ่

ทางเดินด้านใน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ไม่ยากเลย เขาปรับพื้นที่ให้เหมาะกับการเดินชม ไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิมทั้งหมด

ปราสาท Himeji งามจริง สมคำร่ำลือ

หลังจากชื่นชมความงามของปราสาท Himeji ภายใต้ท้องฟ้าที่สดใสของจังหวัด Hyogo จนเต็มที่ (มากี่ที ก็ไม่เคยเบื่อจริงๆ สำหรับปราสาทแห่งนี้ เพราะสวยทุกฤดู) ก็ได้เวลากล่าวลา Hyogo และขึ้นรถไฟไปต่อกันที่จังหวัด Okayama แล้ว ซึ่งในตอนต่อไป เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว ณ จุดไหนกันบ้างนั้น ก็อย่าลืมติดตามกันนะ ซาโยนาระ (^^)/

บทความโดย : ทีมงาน www.marumura.com

เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (3)
– เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (2)
– รีวิวเที่ยว Hyogo ..สองวันก็เอาอยู่ (2) : สุดยอดวิว ออนเซ็น และปราสาท
– รีวิวเที่ยว Hyogo สองวันก็เอาอยู่ (1) : เนื้อโกเบ เหล้า และภูเขา Rokko
– เที่ยวจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

#Okayama #Hyogo #Kansai WIDE Area Pass

Tags :
  • Akashikaikyo
  • Awaji Hanasajiki
  • Awaji Shima
  • Awaji Yumebutai
  • Himeji Castle
  • Hokudan Earthquake Memorial Park
  • JR
  • JR Hello Kitty Shinkansen
  • JR Kansai WIDE Area Pass
  • JR Nishi-Akashi
  • JR West
  • Kansai Wide Area Pass
  • Kobe Sannomiya Tokyu Rei Hotel
  • Nojima Fault Preservation Museum
  • Pearl Bridge
  • Sannomiya
  • The Westin Awaji Island Resort & Conference Center
  • West JR Bus
  • ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น
  • บัตรรถไฟญี่ปุ่น
  • ปราสาทฮิเมจิ Himeji Castle
  • รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น
  • วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น
  • เที่ยวคันไซ Kansai
  • เที่ยวคันไซด้วยรถไฟ
  • เที่ยวชูโกกุ Chugoku
  • เที่ยวชูโกกุด้วยรถไฟ
  • เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
  • เที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟ
  • เที่ยวเฮียวโงะ Hyogo
  • เที่ยวโกเบ Kobe
  • เที่ยวโอคายามะ Okayama
marumura

Previous Article
  • อัพเดตข่าวญี่ปุ่น

“The Doraemon Exhibition OSAKA 2019” นิทรรศการสำหรับคนรักโดราเอมอน

  • 03/01/2019
  • marumura
View Post
Next Article
  • เที่ยวโตเกียว Tokyo

ใครมาโตเกียวช่วงหน้าหนาวห้ามพลาด ไฟประดับใกล้กับสถานีโตเกียว

  • 05/01/2019
  • Tanoshii JAPAN
View Post
Trending Post
  • Bandai Namco เตรียมเปิดศูนย์รวมความบันเทิงยามราตรีในย่านคาบุกิโจ
  • Harry Potter Studio Tour Tokyo เผยรายละเอียดก่อนเปิดให้เข้าชมมิถุนายนนี้
  • ญี่ปุ่นจัดงานประดับไฟชมซากุระยามค่ำคืนที่สวน Shinjuku Gyoen โตเกียว
  • ที่พักใหม่สุดชิค…ธีมซูโม่!!
  • โตเกียวอนุญาตให้จัดงานชมดอกซากุระอีกครั้งในรอบ 3 ปี
Recent Posts
  • 10 เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนงาน ประจำปี 2022
    10 เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนงาน ประจำปี 2022
    • 27.03.23
  • ซะกะโมะโตะ เรียวมะ ผู้อยู่เบื้องหลังการฟื้นฟูเมจิ
    ซะกะโมะโตะ เรียวมะ ผู้อยู่เบื้องหลังการฟื้นฟูเมจิ
    • 27.03.23
  • ญี่ปุ่นทำการบินสาธิต “รถบินได้” เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต
    ญี่ปุ่นทำการบินสาธิต “รถบินได้” เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต
    • 27.03.23
  • ญี่ปุ่นจัดอันดับ “จังหวัดที่ผู้คนนิยมไปคาราโอเกะมากที่สุด”
    ญี่ปุ่นจัดอันดับ “จังหวัดที่ผู้คนนิยมไปคาราโอเกะมากที่สุด”
    • 26.03.23
  • ญี่ปุ่นวางขายเครื่องดื่มสุดแปลก “รสซุปบะหมี่เย็น”
    ญี่ปุ่นวางขายเครื่องดื่มสุดแปลก “รสซุปบะหมี่เย็น”
    • 25.03.23
Pick up
  • รีวิวทริปเดียวเที่ยวทั้งโอซาก้า-นารา-โอกินาว่า : Nara
  • 10 ที่เที่ยวยอดฮิตในคันไซ 2023
  • พาไปดู Fujiko F Fujio Museum (พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน)
  • ACROS FUKUOKA 25 ปี ตึกคอนกรีตเติบโตกลายเป็นภูเขาเขียวขจี
  • “New Year’s Greeting” เฉลิมฉลองปีใหม่ 2020 ที่ Tokyo Disney Resort

⭕ คูปองส่วนลดร้านดองกิ

⭕ ดูดวงรายปี 2566

⭕ วันหยุดราชการญี่ปุ่น ประจำปี 2023

Social Links
Facebook
Twitter
Instagram
YouTube

Copyright © 2020 Marumura Co.,Ltd. All Rights Reserved

Input your search keywords and press Enter.