จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) แห่งภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ยังมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะ ในตอนสุดท้ายของทริปนี้ เราไปเที่ยวด้วย JR Kansai Wide Area Pass กันต่อ แต่จะเป็นที่ไหนอีกบ้าง มาติดตามเลย!
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) แห่งภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ยังมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะ ในตอนสุดท้ายของทริปนี้ เราไปเที่ยวที่ไหนอีกบ้าง มาติดตามกันเลย!
หน้าสถานี Kurashiki
The Bikan Historical Area
ตามทางไปจ้า
มาเยือน Kurashiki (เมืองคุราชิกิ) ในครั้งนี้ เราก็ต้องไม่พลาดอยู่แล้ว ที่จะไปเที่ยวชมในย่านเขตเมืองเก่า พื้นที่เชิงประวัติศาสตร์ของเมือง ที่เรียกว่า The Bikan Historical Area โดยที่เขตบิกังนี้ จะมีความผสมผสานอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งผสมผสานศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมในสมัยเอโดะกับความเป็นตะวันตก โดยมีแม่น้ำคุราชิกิไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ และแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนย่านบิกัง หรือ The Bikan Historical Area แห่งนี้กว่า 3 ล้านคน
ทางเข้าย่านการค้าเก่าแก่ The Bikan Historical Area
จุดล่องเรือชมบรรยากาศของย่าน The Bikan Historical Area
ไม่ลงเรือ ก็ลองนั่งรถลากแทนได้นะ 😉
สมัยก่อน เมืองคุราชิกินั้น เป็นเขตปกครองโดยซามูไร จึงเป็นเมืองที่มีองค์ประกอบค่อนข้างเพียบพร้อมสมบูรณ์ อีกทั้งผังเมือง การวางอาคาร ทางเดิน แม้แต่แนวต้นไม้ สองฝั่งแม่น้ำคุราชิกิที่ในอดีตเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญของเมือง ก็เป็นระเบียบ สะอาดตา ดูทันสมัยแต่คงความมีเอกลักษณ์แบบเก่า เรียกว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ โดยที่อันที่จริงแล้ว ยังไม่น่าจะเรียกว่าตกยุคหรือได้ชื่อว่า Historical Area เลย เหมือนแฟชั่นแนวคูลๆ ที่ไม่ว่าจะนำกลับมาใช้กี่ครั้ง ใครเห็นก็ต้องชอบอ่ะ ^^
มีร้านรวงให้ช้อปปิ้งเพียบ
โดยเขตบิกัง หรือ The Bikan Historical Area นี้ ตั้งอยู่ทางประตูทิศใต้ของสถานี Kurashiki เดินจากสถานีไปประมาณ 10 นาที (ประมาณ 800 เมตร) ภายในเขตนี้ มีอาคารเก่าแก่สมัยเอโดะที่ได้รับการบูรณะไว้เป็นอย่างดี บางส่วนเป็นบ้านพักตระกูลเก่าแก่ ทั้งของพ่อค้า และขุนนาง อาคารบางส่วนถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แล้วก็ยังมีโรงแรมหรูชั้นดีอยู่กลางย่านบิกังแห่งนี้ ซึ่งเราก็มีโอกาสได้เข้าพักกันด้วย แม้จะจองยากยิ่ง แต่ก็คุ้มค่าจริงๆ หากได้มาพักที่โรงแรมแห่งนี้ เพราะเราสามารถเดินเที่ยวชมเขตบิกังที่มีเสน่ห์ได้ทั้งตอนกลางวันที่มีร้านค้า ร้านขนม ร้านอาหาร มีบริการเรือให้นักท่องเที่ยวล่องชมแม่น้ำคุราชิกิในตอนกลางวัน และแสงไฟจากอาคารเก่าแก่สะท้อนผิวน้ำยามค่ำคืน ก็คือดีงามมากนะ
ร้านเช่าชุดยูกาตะสวยๆ มีอุปกรณ์ครบถ้วนเชียวล่ะ
ที่โอคายาม่า สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเยือน ก็คือ … Masking Tape (MT Tape) ที่นี่จัดว่ามีชื่อเสียงมาก!! โดยร้าน J’ADORE ซึ่งเปิดมาแล้วถึง 10 ปี ก็มีสาขาอยู่ในย่านบิกังนี้ด้วย และเชื่อหรือไม่ว่าที่ญี่ปุ่นมีศิลปินเฉพาะทาง ที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ Masking Tape โดยเฉพาะอีกด้วยนะ ถ้าใครงานงานประเภทนี้ มาแล้วต้องหลงรักในผลงาน อยากซื้อกลับไปแปะ ปะ นู่น นี่ อย่างแน่นอน หรือต่อให้ไม่ได้สนใจงานศิลปะด้านนี้ พอมาเห็นแล้ว ก็บอกเลยว่าต้องอยากได้!! แม้จะยังไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไรดีก็ตาม
ร้าน J’ADORE
ตามตรอกซอกซอย ก็ยังมีร้านเก๋ๆ อีกเพียบ
อย่างร้าน จำหน่ายสินค้าที่ทำจากผ้ากิโมโน (ผ้าญี่ปุ่น) สวยๆ เก๋ๆ น่ารัก น่าสอยมาเป็นของใช้ ของฝาก มากเลยล่ะ
และอีกหนึ่งจุดที่ควรค่าแก่การแวะ ก็คือร้านขนม!! พวกขนมหวาน หรือ Parfait เป็นต้น ซึ่งในบริเวณ The Bikan Historical Area มีร้านอร่อยๆ หลายร้านเลยทีเดียว บางร้านคิวยาว แต่ก็คุ้มค่าแก่การรอคอยนะ อย่างเช่นร้าน Yuurin-An ที่เราได้จังหวะดี ต่อคิวไม่นาน ก็ได้เข้าไปนั่งชิมในร้านแล้ว คุ้มค่า!!
บุกร้าน Yuurin-An ^^
พุดดิ้งนี่อร่อยมว้ากกกกก
ไฮไลท์อีกอย่างของการมาเดินเล่นที่ The Bikan Historical Area ในครั้งนี้ก็คือ การได้เข้า Dog Café (Kurashiki Mameshiba Café) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้าเท่าไรนัก ซึ่งที่นี่ก็ไม่ได้มีเพียงแต่น้องหมาเท่านั้น สารพัดสัตว์จัดเต็ม (Hedgehog’s Forest ป่าของน้องเม่นแคระ แล้วก็ Kurashiki Owl’s Forest Zoo ป่าของนกฮูก) และดูแล้ว เขาก็พยายามใส่ใจกับสุขภาพของน้องๆ สัตว์มากพอสมควรเลย ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต มีการจำกัดจำนวนคน และต้องล้างมือพวกเราด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อให้ปลอดเชื้อโรคให้มากที่สุด ก็จะมีโอกาสได้เจอบรรดาสัตว์น่ารักๆ ใน Café แถมยังต้องปฏิบัติตามกติกาที่เขากำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งก็เข้าใจได้นะ เพื่อน้องๆ เค้าจะได้คงความน่ารักอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ นั่นเอง
คาเฟ่แห่งนี้ อยู่โซนด้านหน้าของทางเข้า Bikan เลยล่ะ
มีทั้งโซนนกฮูก น้องหมา แล้วก็น้องเม่น
เดินเข้าร้านไป ก็จะเจอของฝาก ของที่ระลึก ก็เลย น่ารักมากมาย
จุดจำหน่ายบัตร
ไปที่มุมน้องเม่นก่อนเลย
หน้าโหดมาก ฮะๆ
ทะเล้นก็มี
มีขู่ๆ
มาที่โซนของน้องหมาน้อย
โซนนกฮูก… ต้องเตรียมการก่อนเจอน้องฮูกกันหน่อย มีกฏ กติกา มารยาท ต้องจำก่อนเข้าไป
นี่ รุ่นแอดว้านซ์ สามารถเกาะแขนได้ ^^
นอกจากกิจกรรมล่องเรือในแม่น้ำ Kurashiki แล้ว เรายังสามารถเช่าชุดกิโมโน เดินเล่นใน The Bikan Historical Area นี้ ให้ได้บรรยากาศย้อนยุค ช่วงปลายเอโดะ ได้ด้วย
ตกค่ำแล้ว บรรยากาศที่ Bikan นี่ก็สวยนะ นี่แหล่ะ ข้อดีของการนอนในย่านนี้ จะได้เดินเที่ยวเล่น เห็นบรรยากาศยามค่ำคืน
The Bikan Historical Area
ที่ตั้ง : สถานี Kurashiki, เมือง Kurashiki
ค่าเข้าชม : เขตบิกังเข้าชมฟรี แต่พิพิธภัณฑ์หรือกิจกรรมของแต่ละอาคาร ก็อาจมีค่าใช้จ่ายบ้าง หากเราต้องการเข้าชมภายใน อาทิ การล่องเรือในแม่น้ำคุราชิกิ (บริการตั้งแต่ 09.30 – 17.00 น. ออกเรือทุกๆ 30 นาที) ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน เป็นต้น
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟชิงกันเซน JR Okayama สามารถนั่งรถไฟท้องถิ่นมาลงสถานี JR Kurashiki ได้ง่ายๆ เพียง 4 สถานี ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : http://www.kurashiki-tabi.jp/for/en/bikan.html
Kurashiki Ivy Square
Kurashiki Ivy Square คือสถานที่ซึ่งเราเข้าพักกันในคืนนี้ ซึ่งในอดีตเป็นโรงงานปั่นผ้าเก่าแก่สร้างขึ้นในปี 1889 ปัจจุบันถูก renovated ให้กลายเป็นสตูดิโอสร้างสรรค์งานฝีมือ ผลิตชิ้นงานเซรามิค รวมทั้งยังปรับให้เป็นโรงแรมด้วย ซึ่งหากเราเดินเข้ามาทางด้านหน้า The Bikan Historical Area ส่วนของ Kurashiki Ivy Square นั้นก็จะอยู่ด้านในสุดๆ เลย จะเดินไปเที่ยว ชม ชิม ช้อป อะไรด้านหน้าสถานี Kurashiki เราก็จะได้เดินผ่านเขตเมืองเก่าบิกังนี้บ่อยๆ รู้สึกเท่ดี เพราะเรามีโอกาสได้เห็นวิวของเขตเมืองเก่าบิกังนี้ทั้งตอนกลางวัน ยามโผล้เผล้ แล้วก็ยามค่ำคืน ในขณะที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ โดยทั่วไปแล้ว จะได้เห็นแต่บรรยากาศตอนกลางวัน รู้สึก Exclusive เบาๆ 😉
มาถึงล่ะ ที่พักของเรา Kurashiki Ivy Square
Kurashiki Ivy Square
ที่ตั้ง : 7-2 Honmachi, Kurashiki-shi, Okayama 710-0054
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kurashiki มาประมาณ 15 นาที
ดูรายละเอียดโรงแรมที่นี่ >> Kurashiki Ivy Square
Mitsui Outlet Park Kurashiki
หลังจากที่แดดร่ม ลมตก และหลังจากเช็คเข้าพักกันที่โรงแรม Kurashiki Ivy Square แล้ว เราก็ไปท่องราตรีกันเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นแค่ช่วงหัวค่ำเท่านั้น ก็นั่นคือ… เวลาช้อปปิ้งของเรา!!! \(^o^)/
Shopping Time!!
โดยฝั่งตรงข้ามของสถานี Kurashiki เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ “Ario Kurashiki” ซึ่งมีร้านรวงมากมาย ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่น และแบรนด์ท้องถิ่น แต่หากเราเดินทะลุห้าง Ario ไป เราจะเจอ Mitsui Outlet Park Kurashiki ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้วย
นานๆ จะได้ช้อปปิ้งในเอ้าท์เลทกลางเมืองสักที ต้องไปเดินชมกันสักหน่อย ซึ่งที่นี่ก็มีสินค้าแบรนด์เนมจัดมาอย่างครบครัน ไม่น้อยหน้า Mitsui Outlet Park แห่งอื่นๆ เลยนะ ยกตัวอย่างร้านค้า ก็มีเช่น Samsonite, Tommy Hilfiger, BEAMS, Lacoste, Citizen, GAP, Urban Research, และ adidas, Asics, new balance, Levi’s, และ Edwin เป็นต้น
เดินช้อปจนร้านปิดหมดกันไปเลย…
Mitsui Outlet Park Kurashiki
ที่ตั้ง : 12-3 Kotobuki-dori, Kurashiki-shi, Okayama, 710-0813
เปิดบริการ : 10.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : สถานี JR Kurashiki
เว็บไซต์ : https://mitsui-shopping-park/mop/kurashiki/english
====================
ระหว่างทางจากสถานี ก่อนจะเดินเข้าไปยัง The Bikan Historical Area แล้วกลับเข้าที่พักที่ Kurashiki Ivy Square เราก็แวะจัดมื้อใหญ่ ส่งท้ายก่อนกลับไทย กันที่ร้าน
ก็จะลองดูว่าร้านนี้อร่อยไหม ผลปรากฎว่าดีเลยล่ะ บรรยากาศสบายๆ ไม่อึดอัด ราคาก็ไม่รุนแรงมาก ถือว่าใช้ได้เลย ถ้าเพื่อนๆ มาพักที่ Kurashiki ก็ลองแวะมาชิมกันได้
Tomomien Fruit Farm
ในวันรุ่งขึ้น จุดแรกที่เราแวะไปเที่ยวกัน ก็คือฟาร์มผลไม้ Tomomien
จังหวัดโอคายาม่ามีชื่อเสียงมาก ว่าเป็น “อาณาจักรแห่งผลไม้” อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวชมจังหวัดนี้ก็คือการเข้าสวน ไปเก็บผลไม้สดๆ รสชาติอร่อยจากต้นด้วยตัวเอง (รวมถึงช้อปปิ้งผลไม้ ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย)
มาชิมกันก่อน ลงสวน
เมื่อมีโอกาสได้มาแล้ว ครั้งนี้เราก็ไม่พลาดเช่นเดียวกัน เราไปเก็บองุ่น Muscat แสนอร่อยกันที่ฟาร์มโทโมมิเอ็น (Tomomien Fruit Farm) หนึ่งในสวนผลไม้ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ซึ่งปลูกผลไม้หลากหลายทั้งพีชขาว (White Peach), องุ่นม่วงหวานฉ่ำ (Pione), และองุ่นเขียวแสนหวาน (Muscat) เป็นต้น โดยครั้งนี้เรามากันในช่วงเวลาของ Pione (มี.ค. – ต.ค.) และ Muscat (พ.ค. – ต.ค.) ก็เลยได้เห็น ได้ชิม เจ้าสองอย่างนี้กันเยอะหน่อย
พวงใหญ่มาก
แต่นี่เป็นส่วนที่เขาจะให้เราชิม (ก็ไม่น้อยนะ ทุกคนจะได้ชิมจนเกือบอิ่มทีเดียว)
ได้เวลาลงสวน
ในสวน เราได้ดูแค่พันธุ์เขียวๆ แต่ในร้านช้อป มีหลายพันธุ์ พันธุ์สีม่วงสวย น่ากินมาก
ได้ทั้งชิม ได้ทั้งเด็ด ได้เห็นการเพาะปลูกที่ดูแลเอาใจใส่ของชาวสวน นี่ก็เป็นการเที่ยวที่สนุกอีกรูปแบบเลยนะ ^^
Tomomien Fruit Farm
ที่ตั้ง : 218-1 Kamiichi, Akaiwa City, Okayama
เปิดบริการ : 09.00 – 16.00 น. (วันทำการเปิดตามฤดูของผลไม้แต่ละชนิด)
ค่าเข้าชม : 1,900 – 2,100 เยน (Muscat) เก็บเท่าที่กินไหว หรือ all-you-can-eat ในระยะเวลา 30 นาที
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี JR Okayama มาประมาณ 40 นาที ลงป้าย Shimoichi และเดินเท้าต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://www.hakutou.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
DAGASHI Shop (Nipponichi no Dagashiuriba)
และสถานที่สุดท้ายที่เราไปท่องเที่ยวกันในจังหวัด Okayama ในทริปนี้ เป็นจุดช้อปปิ้งของฝาก นามว่า Nipponichi no Dagashiuriba
ที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของฝากจากทั่วทั้งญี่ปุ่น ซึ่งจัดว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย!! จนเรียกกันว่า “Japan’s Number One DAGASHI Shop” มีขนมของฝากรวมแล้วกว่า 2,000 รายการ มีสินค้าหลากหลาย มีทั้งสินค้าที่เหมาะกับคุณหนูๆ และของฝากสำหรับผู้ใหญ่ ราคาเริ่มตั้งแต่ 10 เยน!! เลยก็มี! เพราะขายกันในราคาขายส่ง ประหยัดไปได้ 50-60% เลยนะ
นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทของเล่น ที่หลายๆ อย่างก็เป็นของเล่นที่เรียกว่าโบราณสำหรับบ้านเรา หาซื้อยากแล้ว แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่เคยลืม รับรองว่า เห็นแล้วต้องแอบกรีดร้องในใจว่า “เค้ายังผลิตกันอยู่หรือนี่!?!” เรียกว่ามาที่เดียว เพลินกันได้ตั้งแต่คุณหนูๆ คุณพ่อคุณแม่ ไปถึงรุ่นคุณตาคุณยายเลยล่ะ
ร้านขายส่ง DAGASHI นี้ เปิดบริการมาแล้วถึง 65 ปี เชื่อถือได้ในความหลากหลายและราคาที่ประหยัด ถ้ามาโอคายาม่า ก็หาเวลามาจัดกันไปเยอะๆ นะ 😉
DAGASHI Shop
ที่ตั้ง : 1373-5 Higashisue, Osuefune-cho, Setouchi-chi, Okayama 701-4262
เปิดบริการ : เปิดทุกวัน วันธรรมดา ตั้งแต่ 10.00 – 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. (ปิดบริการในวันส่งท้ายปีเก่า วันปีใหม่ และวันเคลียร์สินค้า)
ค่าเข้าชม : ฟรี!
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Ako Line มาประมาณ 25 นาที ลงที่สถานี JR Oku แล้วต่อแท็กซี่มาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : http://www.ohmachi-site.co.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) มีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งในเชิงธรรมชาติ และวัฒนธรรม รวมถึงได้รับการขึ้นทะเบียนที่แสดงถึงความมีคุณค่าในด้านต่างๆ ซึ่งหลังจากนี้ ก็หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดนี้อีกครั้ง แล้วจะนำเรื่องราวมาแบ่งปันกันอีกนะ
ได้เวลากลับแล้ว บ๊าย บาย Okayama (^^)
และทั้งหมด 3 ตอน นี้ ก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัด Hyogo และ Okayama ตลอดทริป 7 วัน 5 คืน ของเรา ถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ที่เราไปมา ก็ส่งข้อความมาสอบถามกันได้ จะอีเมล์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ฯลฯ ถ้าเรามีข้อมูลที่เพื่อนๆ ต้องการ เราก็ยินดีแบ่งปัน อย่าลืมติดตามกันอีกน๊าาาา
ในตอนนี้ ก็ต้องขออำลาไปก่อน … สวัสดี (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (2)
– เที่ยวโอคายาม่า (Okayama) และเฮียวโงะ (Hyogo) สุดคุ้มด้วย JR Kansai Wide Area Pass (1)
– รีวิวเที่ยว Hyogo ..สองวันก็เอาอยู่ (2) : สุดยอดวิว ออนเซ็น และปราสาท
– รีวิวเที่ยว Hyogo สองวันก็เอาอยู่ (1) : เนื้อโกเบ เหล้า และภูเขา Rokko
– เที่ยวจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)
#Kansai Wide Area Pass #Okayama #Hyogo