หนึ่งวันใน Miura สวรรค์ใกล้ๆ กรุงโตเกียว! ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และยังเป็นศูนย์รวมอาหารคุณภาพดี ที่สำคัญยังมีพาสดีๆ อย่าง KEIKYU MISAKI MAGURO PASS ที่ครอบคลุมทั้งตั๋วรถไฟ และรถบัสไป-กลับกรุงโตเกียว เรียกได้ว่าสะดวกสบายและประหยัดอีกด้วย
สำหรับคนที่อยากหลีกหนีความจำเจของมหานครโตเกียว แต่ก็ไม่อยากออกไปไกลมากนัก เราขอแนะนำเมืองมิอุระ (Miura) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa)
ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และยังเป็นศูนย์รวมอาหารคุณภาพดี ที่สำคัญยังมีพาสดีๆ อย่าง KEIKYU MISAKI MAGURO PASS ที่ครอบคลุมทั้งตั๋วรถไฟและรถบัสไป-กลับกรุงโตเกียว บัตรเข้าร่วมกิจกรรมและอาหารอีกหนึ่งมื้อ เรียกได้ว่าสะดวกสบายและประหยัดอีกด้วย
เราเริ่มต้นมาที่สถานี Miurakaigan และได้รับการต้อนรับด้วย ‘คาวาซึ ซากุระ’ (Kawazu Sakura) ซากุระชนิดที่บานก่อนสายพันธุ์อื่นๆ เรียกได้ว่ามีให้เราชมกันตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์กันเลย เราจึงใช้เวลาถ่ายรูปตรงนี้สักพักก่อนจะมุ่งหน้าไปที่กิจกรรมแรกของวัน
จากสถานีรถไฟ Miurakaigan เราเดินทางต่อมาที่ Horse Trekking Farm เพื่อร่วมกิจกรรมขี่ม้าชมเมืองมิอุระ ตั้งแต่ตัวฟาร์มเรื่อยไปจนถึงแหล่งชุมชนและชายหาด โดยมีทีมงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญก็คือก่อนออกเดินทางเจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการคุมม้าอย่างละเอียด ดังนั้นเมื่อถึงบริเวณชายหาดที่เป็นลานกว้าง เราก็สามารถขอคุมม้าเองได้ โดยเจ้าหน้าที่จะคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ไกล
ม้าที่ทีมของเราขี่นั้นมีทั้งหมด 4 ตัว ชื่อว่าซากุระ, นโปเลียน, แพนด้า และแพนโดร่า ซึ่งดูเหมือนทั้งสี่จะเป็นขวัญใจของเมือง เพราะไม่ว่าเราจะเดินทางไปตรงจุดไหน ก็เป็นที่สนอกสนใจของผู้คน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เราอยู่เสมอ
กิจกรรมนี้ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาท่านละ 22,140 เยน โดยในหนึ่งรอบจำกัดไม่เกิน 4 คน และต้องมีอายุ 6 ปีขึ้นไปเท่านั้น
การเดินทาง : เดินจากสถานี Miurakaigan ใช้เวลา 10 นาที (สามารถนำชื่อใส่ Google Map พิมพ์ว่า Horse Trecking Farm Miurakaigan)
ที่แหลมมิอุระนอกเหนือจากชื่อเสียงของปลาทูน่าที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลกแล้ว สิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ ‘ผัก’ ถึงขนาดมีคำเรียกเฉพาะว่า ‘ผักมิอุระ’ ที่หมายถึงผักคุณภาพดี ทั้งนี้เพราะมิอุระเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศเหมาะต่อการปลูกผักตลอดทั้งปี
ดังนั้นเราเลยตั้งใจว่าจะต้องพิสูจน์คุณภาพ ‘ผักมิอุระ’ ด้วยตัวเอง และร้านที่เรามาก็คือ Bocca ร้านอาหารอิตาลีที่ตั้งอยู่ตรงข้ามท่าเรือมิซากิซึ่งเป็นจุดสำคัญแห่งหนึ่งในการท่องเที่ยวมิอุระ
(จากร้านสามารถมองเห็นวิวของ Misaki Port ซึ่งปืนน้ำในบริเวณนี้คือส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก)
ร้าน Bocca ได้ชื่อว่าเป็นในร้านอาหารอิตาลีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของมิอุระ โดยเมนูที่เราสั่งก็คือ ‘ชุดผัก’ ที่นำผักสดๆมาจิ้มกับซอส Bagna Cauda สไตล์อิตาลีที่ทำมาจากกระเทียมและแอนโชวี่
ไฮไลท์ของจานนี้คือแครอทสดสีม่วง และหัวไชเท้ามิอุระที่ด้านนอกเป็นสีเขียวแต่ด้านในเป็นสีชมพูอมแดง ซึ่งต้องบอกว่ารสชาติอร่อยสมความร่ำลือจริงๆ
(หลังจากที่สอบถามพนักงานร้าน ได้ความว่าผักสดถึงขนาดว่าเด็ดตอนเช้า ขายตอนบ่ายเลยล่ะ!)
(หัวไชเท้ามิอุระ)
นอกจากนี้ยังมีพิซซ่าและสปาเกตตี้ให้รับประทานกันอีกด้วย ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากอาหารญี่ปุ่นก็แนะนำให้มาลองกัน
การเดินทาง : จากสถานี Misakiguchi ต่อรถบัสมาลงที่สถานี Misakiko และเดินต่อประมาณ 5 นาที
(สถานีรถบัส)
จากนั้นเราเดินทางมาที่ร้าน Mitomi Somemonoten เพื่อทำกิจกรรมเพ้นท์ธง ‘ไทเรียว บาตะ’ (Tairyō-bata) ธงที่ชาวประมงญี่ปุ่นใช้แขวนบนเรือเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจับปลาได้เยอะ และทำให้คนบนฝั่งเข้าใจว่าพวกเขาจะสามารถเดินทางกลับได้โดยสวัสดิภาพ
การเพ้นท์ธงที่นี่จะคล้ายกับการเพ้นท์ ผ้าบาติกที่บ้านเราโดยจะมีแบบให้เลือก 2 แบบได้แก่ภาพปลามากุโร่ และปลาไท ทางเจ้าหน้าที่จะเตรียมสีไว้ให้ หรือจะให้ผสมสีตามที่เราต้องการก็ได้เช่นกัน
(ด้านบนคือแบบปลาไทและด้านล่างคือแบบมากุโร่ สีที่ใช้ร่างนั้นทำมาจากแป้งชนิดเดียวกับที่ใช้ทำโมจิ)
กิจกรรมนี้ใช้เวลาทำประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำอธิบายอย่างใกล้ชิด สำหรับใครที่ชอบงานศิลปะและอยากมีของที่ระลึกติดมือกลับไปเราขอแนะนำให้แวะมาที่นี่
(ระหว่างทำและหลังทำเสร็จ)
หน้าที่ของธงผืนนี้นั้นนอกเหนือจากใช้สำหรับชาวประมง ในปัจจุบันยังมอบให้กับผู้ที่เริ่มธุรกิจใหม่, ผู้ที่แต่งงาน, ให้เป็นของทำขวัญสำหรับเด็กแรกคลอด รวมถึงให้ผู้ที่ซื้อเรือมาใหม่ด้วย
(เจ้าหน้าที่กำลังให้คำอธิบายอย่างจริงจัง)
กิจกรรมนี้ราคาอยู่ที่ 3,500 เยน ถือว่าไม่แพงกับงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่เราได้ทำด้วยตนเอง สามารถเดินทางมาโดยรถบัสลงสถานี Misakiko และเดินต่อมาอีกราว 500 เมตรเท่านั้น
หลังจากเพ้นท์กันเสร็จ เราเดินย้อนกลับมาที่ Misaki Port อีกครั้งเพื่อเช่าจักรยาน และสังเกตเห็นว่ามีคู่รักที่มารอดูพระอาทิตย์ตกในบริเวณนี้เช่นกัน เราสามารถเช่าจักรยานได้ไม่เกิน 17.00 น. และสามารถนำไปปั่นได้ทั่วเมือง
เราเลือกปั่นไปที่ร้าน Misaki Donuts ร้านโดนัทชื่อดังของเมืองที่มีคนต่อคิวยาวออกมานอกร้านตลอดเวลา ที่ญี่ปุ่นนั้นมีการจราจรที่เป็นระบบ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน การเช่าจักรยานมีเรทราคาอยู่ที่ 800 เยนสำหรับ 3 ชั่วโมง
หลังจากคืนจักรยานเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงกว่าๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แต่กิจกรรมของเรายังไม่หมดเพียงแค่นี้ ! และถือเป็นไฮไลท์ของวันเลยด้วยซ้ำ นั่นก็คือการชมดอกซากุระตอนกลางคืน ที่ขึ้นอยู่เป็นแนวไล่มาตั้งแต่สถานีรถไฟ Miurakaigan ซึ่งเราจะได้เห็นซากุระตลอดเส้นทางเป็นแนวสีชมพู เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามมาก แถมยังมาได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
ในคลิปนี้เราได้เห็นทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเดินทางมาชมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือในขณะที่ด้านบนเป็นดอกซากุระสีชมพูสด ด้านล่างก็เป็นดอกนาโนะฮานะ (nanohana) สีเหลืองตัดกันสวยงาม
และก่อนกลับ เราแวะไปที่ Information Center ของสถานี Miurakaigan เพื่อนำบัตร Misaki Maguro Pass ไปแลกของที่ระลึกอย่างผ้าเช็ดหน้าน่ารักสีขาว-ชมพูรูปรถไฟ Keikyu และดอกซากุระ
และเมื่อทำกิจกรรมมาตลอดทั้งวัน ก็ได้เวลามื้อเย็นสักที โดยหลังจากที่ในมื้อกลางวันเราเลือกกินอาหารอิตาลีเพื่อทดลองผักมิอุระ ดังนั้นในช่วงเย็นจึงได้เวลาของมากุโร่และซูชิทั้งหลายแล้ว!
เรามาที่ร้าน Sushi Kappo Hougyo ร้านขึ้นชื่อของเมืองที่โดดเด่นในเมนูซาชิมิ มีเชฟคอยพูดคุยและเตรียมอาหารชั้นยอดอยู่เสมอ
โดยจานแรกที่เราได้ชิมคือ ‘เครื่องเคียง’ ที่เสริฟมาพร้อมกับเบียร์ เป็นการรวมผักจากมิอุระและเยลลี่ที่เมื่อทานคู่กับเครื่องดื่มแล้วอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ!
เราสั่งชุดซูชิ 10 อย่าง ราคา 3,500 เยน พร้อมด้วยชาเขียวร้อน และซุปมิโซะ รสชาติต้องบอกเลยว่าสุดยอดมาก ! กินซูชิมาก็เยอะแล้ว แต่แทบไม่เคยกินซูชิอร่อยแบบนี้เลย
นอกจากเมนูที่เราสั่งแล้ว เมนูแนะนำของร้านก็มีอีกมากมาย เช่น ทูน่าสับใส่หัวหอม, สเต็กหัวปลา หรือแม้แต่อาหารจำพวกแฮมเบิร์ก และสลัดก็มีเช่นกัน
และนี่ก็คือบันทึกหนึ่งวันในมิอุระ สถานที่ใกล้ๆ กรุงโตเกียวที่พร้อมมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ลองมาเที่ยวกันดูนะ!
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยว Hayama เมืองตากอากาศและกิจกรรมสุดชิค!
– สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น – อเมริกาที่โยโกสุกะ (Yokosuka)
– ฟินกับซากุระก่อนใครได้ทั้งวันที่สถานี Miurakaigan
– ONE DAY TRIP (Kawasaki – Yokohama) เปิดประสบการณ์ใหม่ จากโตเกียวเพียง 40 นาที
#Miura #กรุงโตเกียว