เช่ารถเที่ยวภูมิภาคชูบุ ทัวร์จุใจครบทุกโซนเด็ด
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวภูมิภาคชูบุของญี่ปุ่นกันค่ะ
หากพูดถึงภูมิภาคชูบุ ทุกคนก็คงนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวทรงเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดถ่ายรูปหรืออาหารแสนอร่อย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่เราแนะนำกันในครั้งนี้เป็นจุดที่เดินทางไปโดยรถไฟได้ยาก เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนเช่ารถไปเที่ยวกันค่ะ
หากใช้บริการ Central Nippon Expressway Pass จะสามารถท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุได้อย่างหนำใจ
เว็บไซต์ >> https://hayatabi.c-nexco.co.jp/cep/en/
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับคอร์สท่องเที่ยวแบบ 5 วัน 4 คืนด้วยรถยนต์เช่า รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวแนะนำในเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะ, เมืองนาโกย่าและเมืองโอคาซากิในจังหวัดไอจิ ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำของจังหวัดมิเอะกันเลย ดังนั้นโปรดติดตามจนจบนะคะ
– วันแรก –
สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Nagoya Chubu Centrair Airport)
เทอมินอล 1
หากใครจะมาเยือนภูมิภาคชูบุ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นการท่องเที่ยวตั้งแต่มาถึง “สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์” เลยค่ะ เพราะสนามบินแห่งนี้มีไฮไลต์อยู่ที่ชั้น 4 นั่นคือจุดชมวิวที่ชื่อว่า Sky Deck ซึ่งทุกคนสามารถมองเห็นเครื่องบินได้จากตรงนี้ค่ะ
สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เป็นสนามบินที่มีบรรยากาศสวยงาม ทันสมัย แถมยังมีชั้นช้อปปิ้งที่ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ยุโรปอีกด้วยค่ะ
ส่วนร้านอาหารที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองทานดูสักครั้ง ก็คงเป็นที่ “Sekai no Yamachan” ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านชื่อดังที่มีเมนูจานเด็ดอย่างปีกไก่ทอด ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูระดับ B คิวกูร์เมต์ อันเป็นดั่งตัวแทนของเมืองนาโกย่าเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งร้านที่ควรค่าแก่การแวะไปทานมากๆ เพราะตัวร้านเองก็ตั้งอยู่ในชั้น 4 ของสนามบินเหมือนกันค่ะ
นอกจากนี้ในชั้นเดียวกันยังมีร้านกาแฟ Starbucks กับคาเฟ่แนวญี่ปุ่นอยู่ด้วยค่ะ และยังมีร้านค้าปลอดภาษีที่นำเหล้าทั่วญี่ปุ่นมาให้เลือกซื้อด้วยนะ
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ขากลับลองเดินทางมาที่สนามบินตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วพักผ่อนชิลล์ๆกันให้เต็มอิ่มก่อนเดินทางกลับดีไหมล่ะคะ
FLIGHT OF DREAMS
ก่อนถึง Terminal 2 ของสนามบิน จะมีอาคารชื่อว่า “FLIGHT OF DREAMS” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราอยากแนะนำให้แวะไปค่ะ
อาคารแห่งนี้มีอีเวนต์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้ เช่น งานจัดแสดงเครื่องบินโบอิ้ง 787 ลำแรก หรือกิจกรรมจำลองการบิน โดยเราสามารถลองขับเครื่องบินได้ที่นี่ค่ะ
โดยธีมของอีเวนต์ก็คือ “เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นเมืองต้นกำเนิดของเครื่องบินโบอิ้งนั่นเอง
นอกจากนี้ ภายในงานเรายังสามารถอิ่มอร่อยกับ “ฟิชแอนด์ชิปส์” ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองซีแอตเทิลได้อีกด้วย
– Google Map >> https://goo.gl/maps/ZUTNDbKJwTw6cXtG7
– Website >> https://www.centrair.jp/th/
เมื่อเดินทางออกจากสนามบินแล้ว หากจะไปยังเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำให้ใช้ทางด่วนค่ะ
ทางขึ้น IC:Centrair Higashi IC
ทางลง IC:Okazaki IC
เมืองโอคาซากิ จังหวัดไอจิ
เมืองโอคาซากิ เป็นที่ตั้งของปราสาทโอคาซากิ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของโชกุน “โทคุกาวะ อิเอยาสึ” โดยโชกุนท่านนี้เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1542 (ตามปฏิทินจันทรคติ)
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ ภายในเมืองโอคาซากิจึงมีร่องรอยและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปกครองของตระกูลโทคุกาวะหลงเหลืออยู่ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพาวเวอร์สปอตอีกมากมาย
โรงงานมิโซะมารุยะ
“Maruya Hatcho Miso” เป็นโรงงานมิโซะที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1337 โดยตั้งอยู่บนทางหลวง Tokaido ใกล้กับแม่น้ำยาฮากิ กรรมวิธีของการทำ ‘ฮัทโจมิโซะ’ ของที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ในอดีต โดยในกระบวนการทำทางโรงงานจะนำถั่วเหลือง น้ำ และเกลือใส่ลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่ แล้วปิดด้วยหินหนักกว่า 3 ตัน หินเหล่านี้จะเรียงซ้อนกันขึ้นไปคล้ายพีระมิด จากนั้นจึงปล่อยให้เกิดการหมักตามธรรมชาติ นับได้ว่านี่คืออาหารหมักตามธรรมชาติที่ปราศจากสารเติมแต่ง อันเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน
Google Map >> https://goo.gl/maps/zhiDhZUxxtyPyeHi8
ปราสาทโอคาซากิและสวนโอคาซากิ
ปราสาทโอคาซากิ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 2006
นอกจากนี้ ภายในปราสาทยังถูกสร้างให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้ โดยแต่ละชั้นจะถูกตกแต่งตามหัวข้อที่แตกต่างกัน หัวข้อของชั้น 2 คือ “การบริหารและการปกครองแคว้น”, ชั้น 3 คือ “วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมในเมืองนอกเขตปราสาท”, และชั้น 4 คือ “ปราสาทและเจ้าของปราสาท” และเราก็สามารถชมวิวเมืองโอคาซากิอันงดงามได้จากชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดและเป็นจุดชมวิวของปราสาทแห่งนี้ค่ะ
สำหรับสวนโอคาซากิที่อยู่ใกล้กับปราสาทนั้น เป็นสวนที่ถูกเลือกให้เป็น “1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระของญี่ปุ่น” ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมเยือนในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี เพราะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระ
– Google Map >> https://goo.gl/maps/gUq57yXYPk1xssyP8
– Website >> https://okazaki-kanko.jp/okazaki-park/feature/okazakijo/top
ร้านขนม Izumiya
Izumiya เป็นร้านขนมญี่ปุ่นของเมืองโอคาซากิที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานของเจ้าของร้าน ขนมร้านนี้จึงมีรสชาติอร่อยเลิศ และยังมีขนมญี่ปุ่นเฉพาะฤดูกาลให้ได้เลือกทานกันอีกด้วย
แต่ขนมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือ “มิตาราชิดังโกะ” ถ้ามีโอกาสแวะไปโอคาซากิ ต้องลองไปชิมให้ได้นะคะ
– Google Map >> https://goo.gl/maps/CPMVTDJXNw93TCH9A
– Website >> https://izumiya-okazaki.com/index.php
สวนคาโกดะ (Kagoda Park)
‘สวนคาโกดะ’ เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโอคาซากิ สวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้คนในละแวกนั้น แต่ยังเป็นพื้นที่จัดงานอีเวนต์มากมายด้วยค่ะ และเนื่องจากมีทั้งเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและน้ำพุ สวนแห่งนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของครอบครัวที่มีเด็กมาด้วยค่ะ เราขอแนะนำให้ทุกคนลองซื้ออาหารกล่องมาลองนั่งทานชิลล์ๆในสวนกันดูนะคะ
– Google Map >> https://goo.gl/maps/CdmTZMGpfxrFuqpq9
– Website >> https://www.city.okazaki.lg.jp/1100/1103/1112/p008834.html
แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 1
Grand Inn Higashi-Okazaki
หากกำลังมองหาที่พักในเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำโรงแรม “Grand Inn Higashi-Okazaki” ค่ะ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีบรรยากาศภายนอกที่เงียบสงบ และมีห้องพักให้เลือกหลากหลายประเภท ห้องพักที่เราอยากแนะนำก็คือ “ห้องพักวิวแม่น้ำ” ซึ่งสามารถเปิดระเบียงออกไปชมวิวแม่น้ำได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนรีสอร์ตค่ะ
– Google Map>> https://goo.gl/maps/GeZdbNUKPGWnoELN9
– Website>> https://www.grand-okazaki.jp/grand-inn/en/
– วันที่ 2 –
เวิร์กชอปทำเทียน MATSUI JAPANESE-STYLE CANDLE ATELIER
เราขอแนะนำโรงงานผลิตเทียนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1907 ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของที่นี่จะถูกทำขึ้นด้วยมืออย่างพิถีพิถัน
การทำเทียนสไตล์ญี่ปุ่นนั้นใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิม โดยใช้มือทำขึ้นมาทีละชิ้น คุณสมบัติของเทียนแบบนี้คือแม้จะมีลมพัดก็ดับได้ยาก นอกจากนี้เราสามารถจองเทียนสไตล์ญี่ปุ่นไว้ล่วงหน้าสำหรับทดลองวาดรูปลงบนแท่งเทียนด้วยตัวเองได้อีกด้วย การวาดลายเทียนนั้นใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับดีไซน์หรือรูปที่เราต้องการวาด ระยะเวลาวาดเทียนจะอยู่ที่ประมาณ 40-45 นาที เมื่อสีแห้งเราก็นำเทียนที่วาดลายเองกลับบ้านได้ด้วยค่ะ
ราคาของกิจกรรมวาดรูปบนแท่งเทียนสไตล์ญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 3,500 เยน และยังมี “ชุดทำเทียนสไตล์ญี่ปุ่นสำเร็จรูป” ให้ซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือเอาไว้วาดเองที่บ้านก็ได้เช่นกัน โดยภายในเซ็ตจะมีเทียนและอุปกรณ์วาดรูปให้ค่ะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/yvk6e2X6QtX4hbvP7
Okazaki Ctiy Website >> https://okazaki-kanko.jp/th
หากต้องการเดินทางจากเมืองโอคาซากิไปยังเมืองฮามามัตสึ ขอแนะนำให้ใช้ทางหลวงดังต่อไปนี้
ทางขึ้น IC : Toyota Higashi IC
ทางลง IC : Hamamatsu Nishi IC
เมืองฮามามัตสึ
เมืองฮามามัตสึ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ และเป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีรถไฟชินคันเซ็นวิ่งผ่านอีกด้วย นอกจากนี้ เมืองฮามามัตสึยังมีชื่อเสียงในฐานะ “เมืองแห่งเครื่องดนตรี” โดยสำนักงานใหญ่ของบริษัทผลิตเครื่องดนตรีชื่อดังอย่างยามาฮ่า คาวาอิ และโรแลนด์ก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วยค่ะ
Hamanako Service Area (EXPASA Hamanako)
‘Hama-Tei’ เป็นร้านข้าวหน้าปลาไหลที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดพักรถของ Hamanako Service Area และอยู่ใกล้กับฟู้ดคอร์ท อีกทั้งยังเป็นร้านที่ใช้ปลาไหลจากทะเลสาบฮามานะ 100%
ร้านนี้ถือเป็นร้านยอดนิยมที่คนในท้องถิ่นและผู้ใช้บริการทางด่วนแวะเวียนเข้ามากันเป็นจำนวนมาก เมนูข้าวหน้าปลาไหลของที่นี่ก็มีหลายราคา อย่างข้าวกล่องที่เราได้ทานเป็นมื้อกลางวันนี้ ราคาจะอยู่ที่ 4,500 เยนค่ะ
ที่จุดพักรถแห่งนี้ ทุกคนสามารถแวะซื้อของฝากท้องถิ่นสุดขึ้นชื่ออย่างพายปลาไหลซึ่งเป็นของฝากยอดฮิตได้ และในตลาดสดเล็กๆที่อยู่ใกล้กันนั้น เราสามารถเลือกซื้อผักผลไม้ตามฤดูกาลได้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ เรายังเดินเล่นรอบจุดพักรถที่ทั้งวิวสวยและอากาศดี แถมยังมองเห็นทะเลสาบฮามานะอย่างชัดเจนได้ด้วยนะคะ
โรงงานผลิตขนมพายปลาไหล
“ขนมพายปลาไหล” หรือ “ขนมอุนางิพาย” มีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองฮามามัตสึ ซึ่งโรงงานผลิตขนมพายปลาไหลนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เพื่อผลิตขนมขึ้นชื่อของจังหวัดชิซูโอกะ
โรงงานแห่งนี้สามารถเข้าเยี่ยมชมข้างในได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยภายในโรงงานจะมีวิดีทัศน์เกี่ยวกับกระบวนการผลิตให้ชมกันด้วย โรงงานแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนแวะเวียนเข้ามากันเป็นจำนวนมาก ในปี ค.ศ. 2017 มีผู้เข้าชมโรงงานแห่งนี้กว่า 7 แสนคนในหนึ่งปีเลยทีเดียวค่ะ
นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีร้านขายของฝากซึ่งจำหน่ายสินค้ามากมายที่หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้ อย่างไรก็ดี ก่อนกลับอย่าลืมแวะไปทานพาเฟ่ต์พายปลาไหลกันด้วยนะคะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/TZEkxQYoXbXLLKFq6
Website >> https://www.unagipai-factory.jp/
SWEETS BANK
SWEETS BANK เป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดในปี 2021 ด้วยความร่วมมือของบริษัทผู้ผลิตขนมพายปลาไหล Shunkado และ Hamamatsu Iwata Bank อาคารของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว โดยออกแบบมาในธีมของการรำลึกและการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ลักษณะของตัวอาคารจะเป็นรูปทรงของโต๊ะอาหารและเก้าอี้ พร้อมถุงช้อปปิ้งขนาดยักษ์วางข้างๆ
ภายในอาคารแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านขนมและคาเฟ่ต่างๆ อีกทั้งยังมีคอมมูนิตี้สเปซสำหรับพบปะพูดคุยกันอีกด้วย นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังมีธนาคารอยู่ภายในอาคารด้วยนะคะ
สำหรับสินค้าขายดีอันดับหนึ่งของที่นี่ก็คือ ‘เอแคลร์’ นั่นเอง นอกจากรสชาติทั่วไปแล้วก็ยังมีรสชาติที่ทำออกมาเฉพาะฤดูกาลให้เราได้ลิ้มลองกันด้วย ด้านในเอแคลร์จะมีครีมหวานๆอัดแน่นมาให้อย่างจุใจ ชนิดที่ว่าถ้าใครชอบขนมหวานก็ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
ส่วนขนมอีกชิ้นเป็นเอแคลร์สตรอว์เบอรี ความหวานของครีมและสตรอว์เบอรีนั้นเข้ากันมากเลยค่ะ เมื่อทานพร้อมกับกาแฟหรือชาสักแก้วก็เรียกได้ว่าลงตัวสุดๆ
นอกจากนี้ที่ SWEETS BANK ยังมีจุดให้เราได้แวะถ่ายรูปอีกมากมายด้วยค่ะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/x4ysn1bN2Zr46SXe9
Website >> https://sweetsbank.jp
Bentenjima Seaside Park
Bentenjima Seaside Park เป็นสวนสาธารณะในเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะ จากที่นี่เราสามารถมองเห็นเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านเหนือทะเลสาบฮามานะได้ สวนแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยอดฮิตที่ผู้คนมากมายชอบมาแวะเที่ยวและถ่ายรูปด้วย
พื้นที่ของสวนแห่งนี้จากทิศตะวันออกจนถึงทิศตะวันตก รวมแล้วจะมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ทำให้เหมาะแก่การเดินเล่นสบายๆค่ะ นอกจากนี้ ตรงบริเวณเสาโทริอิที่เรียกว่าอิคาริเสะนั้นก็เป็นจุดที่สามารถตกปลาได้หลากหลายสายพันธุ์ เราสามารถล่องเรือหรือลงไปเดินเล่นตามแนวโขดหินเพื่อตกปลาได้ ที่นี่จึงเป็นจุดท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการตกปลาค่ะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/CXAYX41jHG6S1fqV7
แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 2
Hotel Concorde Hamamatsu
Hotel Concorde Hamamatsu เป็นโรงแรมทำเลทองซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ JR Hamamatsu เพียง 5 นาที (โดยรถยนต์) อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับย่านใจกลางเมือง โดยใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 5 นาทีจากปราสาทฮามามัตสึค่ะ
ที่นี่มีห้องพักให้เลือกหลายประเภท (มีทั้งห้องเดี่ยวและห้องสำหรับสามคน) ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเลยค่ะ แถมหลายๆห้องยังมีหน้าต่างที่มองออกไปเห็นปราสาทฮามามัตสึได้ด้วยนะคะ
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุมขนาดเล็ก-ใหญ่ รวมเป็นจำนวนกว่า 19 ห้อง ซึ่งสามารถรองรับแขกได้เป็นจำนวนมาก และที่ชั้น 1 ก็มีร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่เราสามารถเลือกทานได้ทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตกด้วยค่ะ
– Google Map >> https://goo.gl/maps/9X3UcybeJ1zmsKjm9
– Website >> https://hpdsp.jp/hotel-concorde/en/
– วันที่ 3 –
ปราสาทฮามามัตสึ
ปราสาทฮามามัตสึเป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หลังจากช่วงฟื้นฟูประเทศในสมัยเมจิได้มีคำสั่งให้ทำลายปราสาทออกมา ทำให้ปราสาทแห่งนี้เคยถูกทำลายไปแล้วหนหนึ่ง
แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1958 ปราสาทก็ได้ถูกสร้างใหม่อีกครั้งบนฐานหินเดิมค่ะ
– Google Map >> https://goo.gl/maps/YUZmZe28mZHkYiL56
– Website >> https://www.entetsuassist-dms.com/hamamatsu-jyo/en/
ร้านน้ำชา Shouintei
หากใครมาเที่ยวเมืองฮามามัตสึแล้วมองหาร้านเครื่องดื่มไว้นั่งเล่น เราแนะนำให้ไปที่สวนฮามามัตสึค่ะ ภายในสวนจะมีร้านน้ำชาชื่อดังตั้งอยู่ ร้านน้ำชาแห่งนี้มีชื่อว่า Shouintei
Shouintei เป็นร้านน้ำชาที่มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ เราสามารถนั่งจิบชาเพลินๆ พร้อมกับชมบรรยากาศของสวนสไตล์ญี่ปุ่นและดอกไม้ที่บานสะพรั่งในแต่ละฤดูกาล ดีงามสุดๆไปเลยค่ะ
– Google Map >> https://g.page/shouintei?share
– Website >> http://www.shouintei.jp/
– Hamamatsu Ctiy Website >> https://www.hamamatsu-japan.com/th/
Ise-wan Ferry
Ise-wan Ferry เป็นเรือข้ามฟากที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 โดยวิ่งระหว่างท่าเรือโทบะในเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ ไปจนถึงท่าเรืออิราโกะในเมืองทาฮาระ จังหวัดไอจิ เรือลำนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาที ใน 1 วันจะมีรอบเรือไป-กลับทั้งหมด 7 รอบด้วยกัน
※ ถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่นจะมีการเพิ่มรอบเรือ สามารถเช็ครอบเรือที่เว็บไซต์ได้เลยค่ะ
เรือข้ามฟากลำนี้รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 500 คน ห้องโดยสารจะมีทั้งแบบธรรมดาและแบบ VIP สำหรับห้องแบบ VIP/First Class ต้องจ่ายเพิ่มอีก 400 เยน หากเป็นช่วงเวลาที่คนใช้บริการไม่มาก จริงๆที่นั่งชั้นปกติก็นั่งสบายอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีคนขึ้นเรือเยอะแล้วเราอยากได้พื้นที่กว้างหน่อย ขอแนะนำให้นั่งชั้นพิเศษ (แบบ VIP/First Class) เพราะเราจะได้ที่นั่งที่แบ่งเป็นสัดส่วนมากขึ้นค่ะ
ทั้งนี้ เรือ Ise-wan Ferry สามารถบรรทุกรถยนต์ได้ด้วย ดังนั้นถ้าใครต้องการนำรถยนต์ข้ามฝั่งไปด้วยก็สามารถทำได้นะคะ
นอกจากนี้บริเวณท่าเรือโทบะก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือร้านอาหาร ในการเดินทางระหว่าง 2 เมืองนี้ เรือเฟอร์รี่นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีเดินทางที่สะดวก เพราะใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ แถมในระหว่างทางเรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวรอบข้างได้ด้วย โดยเราจะได้ชมเกาะเล็กเกาะน้อยที่ตั้งอยู่กลางอ่าวอิเสะค่ะ
Website >> https://www.isewanferry.co.jp/en/publics/index/
Mie Side Google Map:https://goo.gl/maps/Ce1ufGZLe9KYu2rY9
Aichi Side Google Map:https://goo.gl/maps/jRw8Mxn9ZWDrkDAB7
Shinju no Sato
Shinju no Sato หรือ หมู่บ้านไข่มุก “Pearl Studio Pearl Village” เป็นฟาร์มไข่มุกในจังหวัดมิเอะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอ่าวอาโกะอันเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยทะเลและภูเขา
ฟาร์มไข่มุกแห่งนี้เปิดทำการเมื่อปี ค.ศ. 2009 ดำเนินการโดยบริษัท Yamamoto Fisheries ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำฟาร์มไข่มุกมานานกว่า 65 ปี
ที่นี่จะมีการสาธิตขั้นตอนการเลี้ยงไข่มุกให้ชมกัน (ช่วงนี้จะเปิดเป็นวิดีโอให้ชมค่ะ) และยังมีเวิร์กชอปแกะไข่มุกออกจากเปลือกให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และลองทำอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่เลยค่ะ นอกจากนี้ เรายังนำไข่มุกที่แกะได้ไปทำเครื่องประดับเป็นของตัวเองได้อีกด้วย เป็นกิจกรรมที่ได้ทั้งความสนุกและความรู้อย่างเต็มเปี่ยมแน่นอนค่ะ
“Pearl Studio Pearl Village” เปิดดำเนินการมาแล้ว 12 ปีและได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะที่นี่มีสภาพอากาศที่ดี มีน้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเป็นสถานที่ตกปลาด้วยค่ะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/UvC4YD3tSUxoX5XCA
Ama Hut Satoumi-an
“อามะจัง” หมายถึงผู้หญิงที่ทำอาชีพประมงแบบพื้นบ้านด้วยการดำน้ำจับหอย และนำหอยที่จับได้ไปประกอบอาหาร อาชีพนี้นับว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดมิเอะเลยค่ะ
“อามะจัง” เป็นอาชีพประมงที่มีมานานตั้งแต่สมัยโบราณและยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ในทุกๆวันเหล่าอามะจังจะดำน้ำเพื่อหาของสดจากทะเล ก่อนจะนำมาย่างให้ทานกันแบบสดๆ หากไปเที่ยวกระท่อมอามะจัง เราสามารถทานอาหารพร้อมทั้งพูดคุยกับอามะจังไปด้วยได้ค่ะ
กระท่อมอามะจังจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ โดยเราสามารถเลือกได้ตอนที่ทำการจองค่ะ
– แบบที่ 1 กระท่อมพร้อมเสื่อทาทามิสไตล์ญี่ปุ่น
– แบบที่ 2 กระท่อมพร้อมโต๊ะโคทัตสึ
– แบบที่ 3 กระท่อมพร้อมโต๊ะนั่ง
ปัจจุบันกระท่อมอามะจังได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในหมู่ชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น เนื่องจากผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจในเรื่องราวของอาชีพประมงแบบดั้งเดิมนี้ รวมถึงรสชาติอาหารทะเลสดๆของที่นี่ด้วย
นอกจากนี้ กระท่อมอามะจังยังได้รับเลือกให้เป็น COOL JAPAN AWARD และได้รับ Certificate of EXCELLANCE จาก Tripadvisor ในปี 2019, 2010, และ 2021 อีกทั้งยังได้รางวัล Travelers’ Choice จาก Tripadvisor ถึง 2 ปีซ้อนอีกด้วยค่ะ
Google Map >> https://g.page/satoumian?share
แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 3
มิยาโกะรีสอร์ต โอคุชิมะอควาฟอเรสต์ (Miyako Resort Okushima Aqua Forest)
มิยาโกะรีสอร์ต โอคุชิมะอควาฟอเรสต์ เป็นรีสอร์ตริมทะเลขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติอิเสะชิมะ (Ise-Shima National Park) และทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่าวอาโกะ (Ago)
คอนเซ็ปต์ของโรงแรมแห่งนี้คือ “ให้แขกทุกท่านสามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง” ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่จึงออกแบบมาให้เราสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติ เช่น บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ “โทยามะ โนะ ยุ” ที่เราสามารถแช่น้ำร้อนเพลินๆ พลางชมวิวธรรมชาติโดยรอบได้
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่า “สระว่ายน้ำอควาพาเลซ (Aquapalace Pool)” ซึ่งเป็นโซนสระว่ายน้ำที่มีห้องซาวน่าและอ่างจากุซซี่ให้เราเข้าไปใช้บริการได้
และสำหรับใครที่ชอบดูดาว ที่นี่ก็มี “หอดูดาวเท็นมงคัง (Tenmonkan)” ซึ่งมีกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ซม. ให้เราได้เพลิดเพลินไปกับการดูดาวอย่างเต็มที่!
ส่วนห้องพักนั้นก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท ซึ่งหากมองออกไปนอกหน้าต่างเราก็สามารถชมวิวได้อย่างเต็มอิ่ม เพราะในช่วงกลางวันเราสามารถดูวิวทะเลแสนสวยตรงหน้าได้เลย และในช่วงกลางคืนก็สามารถชมหมู่ดาวบนท้องฟ้าได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง
สำหรับอาหารค่ำของที่นี่ก็จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ให้เราสามารถอิ่มอร่อยกันได้เต็มที่เลยค่ะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/D24Rb4QiaMXPJJPb7
– วันที่ 4 –
Toba Observatory
Toba Observatory เป็นจุดพักรถและจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนยอดเขา Hakoda เราสามารถมองเห็นวิวสวยๆของภูเขาจากที่นี่ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ โดยเฉพาะในวันที่อากาศดี หากโชคดีเราจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะคะ
จุดพักรถแห่งนี้มีที่จอดรถกว้างใหญ่มาก โดยสามารถรองรับรถยนต์ได้มากถึง 250 คัน ตอนไปที่นี่เราเห็นรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ที่มากันเป็นหมู่คณะจอดอยู่เต็มจุดพักรถแห่งนี้เลยค่ะ
อาหารสุดพิเศษของที่นี่ที่เราอยากจะแนะนำก็คือ “โทเบอร์เกอร์” ซึ่งเป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากกุ้งอิเสะ เราสามารถซื้อไปนั่งทานข้างนอกได้ด้วยค่ะ
Google map : https://goo.gl/maps/YsCwhzch5rvM79Uc7
Website : https://www.toba-tenboudai.co.jp/english
Wakamatsuya
วากามัตสึยะ เป็นร้านคามาโบโกะเก่าแก่ที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปี 1905
วัตถุดิบที่ใช้ทำคามาโบโกะคือเนื้อปลาสดและเกลือ คามาโบโกะของที่นี่มีรสชาติหวานสดใหม่ เมื่อกินเข้าไปจะรู้สึกได้ถึงเนื้อแน่นเด้งอันเป็นจุดเด่นค่ะ
ที่สาขาหลักในเมืองคาวาซากิจะมีกิจกรรมเวิร์กชอปที่เราสามารถทดลองทำคามาโบโกะได้ด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาประมาณ 60 นาที
การนำวัตถุดิบคามาโบโกะมาวางลงบนถาดเล็กที่ใช้เป็นถาดรองนั้นค่อนข้างยาก ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร หลังจากนำเนื้อปลาคามาโบโกะมาวางและจัดแต่งทรงแล้ว ทางร้านจะนำเนื้อปลาไปนึ่งร้อนให้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นเราก็สามารถรอรับกลับบ้านได้เลย
ระหว่างที่รอ ทางร้านจะมีคามาโบโกะที่ย่างเสร็จแล้วมาเสิร์ฟให้เราได้ลองทานกันแบบร้อนๆด้วยค่ะ
ค่าทดลองทำคามาโปโกะ : 1,500 เยน
Wakamatsuya kawasaki shop
Google Map >> https://goo.gl/maps/ArdmaZFE7hjNwU6R7
ศาลเจ้าอิเสะชั้นนอก (Geku)
ศาลเจ้าอิเสะมีอาคารหลัก (Shogu) 2 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ชั้น อันประกอบไปด้วยชั้นนอก (Geku) และชั้นใน (Naiku)
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเรียกว่า “บ้านเกิดของหัวใจชาวญี่ปุ่น” ด้วยค่ะ
บริเวณศาลเจ้าอิเสะชั้นนอกนั้นเป็นศาลแห่งเทพเจ้าโทโยเกะ (Toyouke-Ōmikami) ซึ่งเป็นเทพแห่งเครื่องนุ่มห่ม อาหาร และที่อยู่อาศัย หากใครต้องการสักการะศาลเจ้าอิเสะจะต้องเริ่มจากส่วนนอกก่อนค่ะ
ทั้งนี้ ภายในศาลเจ้ามีบริเวณที่ห้ามถ่ายรูปอยู่หลายจุด ทุกคนอาจจะต้องระวังเรื่องนี้เวลาเข้าไปสักการะด้วยนะคะ
Google Map >> https://goo.gl/maps/3WhJWSDTML8PQcAR8
การเดินทางจาก Takichyou ไปยัง Ise-shi เราขอแนะนำให้ใช้ทางด่วน
ทางแยกต่างระดับขาออก : Ise-nishi IC
ทางแยกต่างระดับปลายทาง : Taki Vision smart IC
※ หมายเหตุ : เส้นทางนี้เป็นทางแยกต่างระดับที่ต้องใช้บัตร ETC Card
VISON
VISON เป็นรีสอร์ตเปิดใหม่ที่ไม่ได้เป็นเพียงที่พักเท่านั้น แต่ยังเป็นรีสอร์ตเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่อีกด้วย รีสอร์ตแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองทากิ (Taki) บริเวณใจกลางของจังหวัดมิเอะซึ่งโอบล้อมไปด้วยขุนเขา
VISON เป็นสถานที่ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างครบครัน ณ ที่แห่งนี้อาหารและวัฒนธรรมอันหลากหลายได้ถูกรวบรวมเอาไว้แล้ว โดยแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาด ร้านอาหาร ร้านค้าท้องถิ่น ออนเซ็น รวมไปถึงโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ภายในพื้นที่ของ VISON จะไม่ค่อยมีการติดป้ายรบกวนสายตา และยังมีการปรับระบบแสงไฟเพื่อให้เราเห็นดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทุกๆสิ่งก็ล้วนถูกจัดวางอย่างเป็นสัดเป็นส่วน นอกจากนี้ยังมีการปูพื้นลานจอดรถและทางเดินด้วยกรวดแทนยางมะตอย เพื่อให้บรรยากาศดูกลมกลืนกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
Google Map >> https://goo.gl/maps/Dc21riicy3pikJKk8
การเดินทางจาก VISON ไปยัง Nabana no Sato ขอแนะนำให้ใช้ทางด่วน
ทางแยกต่างระดับขาออก : Seiwataki
ทางแยกต่างระดับปลายทาง:Nagashima IC
Nabana no Sato
“Nabana no Sato” (นาบานะ โนะ ซาโตะ) เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ของเมืองคุวานะ จังหวัดมิเอะ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 300,000 ตารางเมตร เราสามารถชมความสวยงามของดอกไม้นานาพรรณได้ที่นี่ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ ทิวลิป ซากุระ ไฮเดรนเยีย คอสมอส ดอกบ๊วย ไอริส และอื่นๆอีกมากมาย
ไฮไลต์ของที่นี่คือในช่วงฤดูหนาวจะมีการจัดแสดงไฟประดับสุดตระการตา เป็นอีเวนต์ที่โด่งดังระดับประเทศเลยทีเดียว โดยอีเวนต์นี้จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่มีทัศนียภาพอันงดงาม เป็นที่เที่ยวยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ
Google Map >> https://g.page/nabananosato?share
Website >> https://www.nagashima-onsen.co.jp/nabana/index.html
Mie Prefecture Website >> https://linktr.ee/visitmie_th
แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 4
Nikko Style Nagoya
เมื่อมาเที่ยวนาโกย่าก็ต้องมาพักที่นี่เลย! “Nikko Style Nagoya”
Nikko Style Nagoya เป็นโรงแรมที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมีสไตล์ เข้ากับความต้องการของเหล่านักท่องเที่ยว เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป เราก็จะได้ยินเสียงของความผ่อนคลายเลยค่ะ
ล็อบบี้โรงแรมถูกออกแบบให้ดูโล่งกว้าง มีพื้นที่ให้นั่งทำงานสำหรับคนที่พกคอมฯมา เมื่อนั่งลงบนโซฟา เราจะเกิดความรู้สึกมีไฟในการทำงานขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ภายในห้องพักที่มีขนาดกว้างตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป เราสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างสบายใจเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักของชั้นพรีเมียร์ก็เป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังจากประเทศไทยอย่าง PAÑPURI ด้วย
ส่วนเตียงนอนในห้องพักก็มีหลากหลายรูปแบบ โดยเราสามารถเลือกได้เองเลยค่ะ (King, Twin, Triple, Hollywood Twin) ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ทุกคนก็สามารถเลือกห้องที่ตรงตามความต้องการได้ค่ะ
และเนื่องจากโรงแรมแห่งนี้อยู่ใกล้กับดองกิโฮเต้ เราจึงสามารถเดินออกไปซื้อของฝากตอนดึกๆได้ด้วยค่ะ
– Google Map >> https://g.page/NikkoStyleNagoya?share
– Website >> https://nagoya.nikkostyle.jp/en
– วันที่ 5 –
Arimatsu Narumi Tie-Dyeing Museum
Arimatsu Narumi Tie-Dyeing Museum ตั้งอยู่ในเมืองอะริมัตสึ (Arimatsu) เขตมิโดริ เมืองนาโกย่า ที่นี่เป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำผ้ามัดย้อมตั้งแต่สมัยโบราณของญี่ปุ่น โดยมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้และสาธิตผลิตภัณฑ์เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมนี้ให้คงอยู่สืบไป
“อะริมัตสึชิโบริ” หรือ “ผ้ามัดย้อมอะริมัตสึ” เป็นศิลปะการย้อมผ้าที่สืบทอดกันมายาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ หรือเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน ซึ่งที่นี่จะมีการจัดแสดงเทคนิคและวัสดุที่ใช้ทำผ้ามัดย้อมให้เราได้เข้าชมและศึกษา
เราจะได้เพลิดเพลินไปกับการชมการสาธิตทำผ้ามัดย้อมโดยช่างฝืมือท้องถิ่น พร้อมกับชมประวัติความเป็นมาของการทำผ้ามัดย้อมผ่านวิดีโอ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อมหลายชนิดวางจำหน่ายด้วย
เราสามารถทดลองทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเองได้ โดยมีอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำผ้ามัดย้อมมาสอนให้ ระยะเวลาในการทำผ้ามัดย้อมจะอยู่ที่ประมาณ 45-60 นาที โดยมีค่าใช้จ่าย 1,800 เยน
Google Map >> https://goo.gl/maps/igKCN2S1WTCkobzQ6
เดินเล่นแถวนาโกย่าซาคาเอะ
สวนสาธารณะฮิซายะโอโดริ (Hisayaodori) เป็นสวนที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2020 และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของชาวนาโกย่า
ภายในพื้นที่เปิดโล่งอันแสนสดชื่นของสวนสาธารณะฮิซายะโอโดริ มีร้านค้าหลากหลายประเภทตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา ร้านอาหาร เราจึงสามารถเดินเล่นในสวนสาธารณะแห่งนี้ได้อย่างชิลล์ๆเพลินๆ
นอกจากนี้ ใจกลางสวนสาธารณะยังมี “Chubu Electric Power MIRAI TOWER” หรือสถานที่จัดไฟตอนกลางคืนอันสวยงามให้ได้ชมกัน แถมใกล้ๆยังมี Oasis 21 ที่เหมาะสำหรับการไปเดทด้วยนะคะ
Google Map>> https://goo.gl/maps/b5mthjziXqVidY1p9
Website>> http://www.nagoya-tv-tower.co.jp
Nagoya City Website >> https://www.nagoya-info.jp/th/
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนก็คงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า “เราจะได้ไปเที่ยวชูบุเมื่อไหร่กันนะ?” ดังนั้นลองมาวางแผนท่องเที่ยวชูบุไว้ล่วงหน้ากันเลยดีไหมคะ เผื่อว่าถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นในปี 2022 จะได้พร้อมเที่ยวเลย!
อ่านเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับภูมิภาคชูบุได้ที่เว็บไซต์นี้ : https://japanallpass.com
#เช่ารถเที่ยวภูมิภาคชูบุ ทัวร์จุใจครบทุกโซนเด็ด