ด้านล่างบริเวณฐานของโตเกียว สกาย ทรี จะเป็นส่วนที่เรียกว่า TOKYO SKYTREE Complex กินพื้นที่กว่าครึ่งกิโลเมตร เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ Oshiage และ สถานี Nirihirabashi ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ Kitajukken และสวน Shinsui Park
ใกล้เข้ามาแล้วสินะ การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ โตเกียว สกาย ทรี (Tokyo Skytree)หอคอยแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว วันที่ 22 พฤษภาคม 2012 นี้ คงจะเป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นตื่นเต้นกันไม่น้อย ไม่เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกแม่น้ำสุมิดะ และชาวกรุงโตเกียวเท่านั้น…
เหตุเพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวันๆ ทำให้ โตเกียว ทาวเวอร์ (Tokyo Tower) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นมานานกว่า 50 ปีของกรุงโตเกียว (ตั้งแต่ปี 1958) ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดส่งสัญญาณอะนาล็อก เพื่อการสื่อสาร วิทยุ และโทรทัศน์ให้คนเมืองกรุงมานาน จำเป็นต้องปลดระวางหน้าที่นี้ โดยโตเกียว สกาย ทรี จะมารับหน้าที่กระจายสัญญาณแทนในระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ

โครงการโตเกียว สกาย ทรี ของกลุ่มบริษัทโทบุ ถือว่าเป็นเมกะโปรเจคหนึ่งก็ถูกจับตามองมาตลอด จนเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2008 ก็เริ่มถูกพูดถึงบ่อยขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เพราะยิ่งโครงการมีความก้าวหน้ามากขึ้น หอคอยมีความสูงมากขึ้น สายตาจำนวนมากก็เริ่มจับจ้อง
ก่อนหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ 11 มีนาคม 2011 มีผู้คนแวะเวียนมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปโตเกียว สกาย ทรี วันละกว่า 500 คน
แม้กระแสจะจางลงไปบ้างหลังเหตุการณ์พิบัติภัย แต่เมื่อถึงเทศกาลวันหยุดยาวประจำปีของญี่ปุ่น Golden Week (ปลายเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม) ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาชมและถ่ายรูปที่นี่กันวันละกว่า 1,000 คน ทั้งๆ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ

เจ้าสิ่งก่อสร้างชิ้นพิเศษนี้ชักจะฮ็อตขึ้นเรื่อยๆ และคงจะร้อนแรงแซงหน้า Tokyo Tower ในไม่ช้า…
โตเกียว ทาวเวอร์ อาจจะมีความโดดเด่น แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับไอเฟลของกรุงปารีสอยู่มาก ซึ่งต่างกับโตเกียว สกาย ทรี ซึ่งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง
แม้จะสร้างด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย กลับสะท้อนบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ (Shitamachi) เอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ทั้งสีสันที่เลือกใช้ และแนวคิดในการออกแบบ

นาย Tadao Ando สถาปนิกโครงการนี้ และช่างศิลป์ชาวญี่ปุ่นมากมาย ใส่ความคิดแบบอนุรักษ์นิยมผนวกกับความทันสมัยเข้าไปจนได้ดีไซน์เก๋ไก๋อย่างที่เห็นกันอยู่ตอนนี้
พวกเขานำเอารูปทรงเลขาคณิตอย่างสามเหลี่ยมและวงกลมธรรมดาๆ มาเรียงร้อยกันเป็นหอคอยทรงสูงตระหง่าน และเลือกใช้สีขาว (Sky Tree White) ซึ่งสะท้อนศิลปะการย้อมครามแบบโบราณของญี่ปุ่นเอาไว้ (อันที่จริงพัฒนามาจากสีขาวที่อ่อนที่สุดในการย้อมคราม จึงออกมาเป็นสีขาวอมฟ้า) และสีนี้ยังช่วยสะท้อนแสงเงาทุกอย่างในท้องฟ้าของกรุงโตเกียวได้ ทั้งฤดูกาลและวิถีชีวิตในเขตเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยนี้ แถมยังเป็นสีที่สื่อถึงความสะอาดบริสุทธิ์ของหิมะบนยอดเขาฟูจิ บ่งบอกเอกลักษณ์และประกาศความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่นด้วย

นอกจากดีไซน์ที่สวยและมีความหมายมากมายแล้ว การก่อสร้างใดๆ ในญี่ปุ่นนั้นก็ต้องคำนึงถึงมาตรฐานการป้องกันแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวด้วย ซึ่งโตเกียว สกาย ทรี ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านล่างบริเวณฐานของโตเกียว สกาย ทรี จะเป็นส่วนที่เรียกว่า TOKYO SKYTREE Complex กินพื้นที่กว่าครึ่งกิโลเมตร เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ Oshiage และ สถานี Nirihirabashi ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ Kitajukken และสวน Shinsui Park ส่วนด้านบนหอคอยมีจุดชมวิว 2 จุด
จุดแรกคือ First Observatory อยู่ที่ความสูง 350 เมตร
จุดที่ 2 คือ Second Observatory อยู่ที่ความสูง 450 เมตร เหนือขึ้นไปจะเป็นส่วนของเสากระจายสัญญาณดิจิตอล โดยมีจุดที่สูงที่สุดอยู่ที่ 634 เมตร ในภาษาญี่ปุ่นนั้น คำว่า 6-3-4 นั้นออกเสียงว่า “มุซาชิ” ก็ได้ ซึ่งมุซาชิเป็นชื่อดั้งเดิมของจังหวัดในละแวกนี้ ซึ่งกินพื้นที่จังหวัดโตเกียวในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ของจังหวัดไซตามะ และบางส่วนของจังหวัดคานางาวะ

สัญลักษณ์แห่งใหม่ของกรุงโตเกียว “โตเกียว สกาย ทรี” นี้ ได้เข้าไปอยู่ในจิตใจของชาวญี่ปุ่นมาสักพักแล้ว นับตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง จนสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น และมีโครงสร้างสูงสมบูรณ์แบบในปัจจุบัน (คงราวกับว่า..เฝ้าดูลูกหลานเติบโตกันเลยทีเดียว)

อดใจรอกันอีกสักนิด สำหรับการตกแต่งภายใน และเก็บรายละเอียด เพื่อความพร้อมให้พวกเราได้ขึ้นไปยลโฉมภายในหอคอย และได้ชื่นชมวิวอันน่าประทับใจของกรุงโตเกียวจากด้านบน สามารถเข้าชมสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงโตเกียวแห่งนี้กันได้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

ข้อมูลทั่วไป
ชื่อ | โตเกียว สกาย ทรี (Tokyo Sky Tree 東京スカイツリー) ได้มาจากการโหวตของประชาชน และประกาศใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2008 |
เจ้าของ | Tobu Railway Co., Ltd. & Tobu Tower Sky Tree Co., Ltd. |
ที่ตั้ง | เขตสึมิดะ (Sumida Ward) |
ออกแบบ | Tadao Ando |
ความสูง | 634 เมตร (เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 บันทึกโดยกินเนสบุ๊ค) |
มาสคอต | Sora Kara Chan 「ソラカラちゃん」 |
เปิดบริการ | 22 พฤษภาคม 2012 |
เวลาทำการ | 08.00 – 22.00 น. |
ค่าเข้าชมปกติ | First Observation ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 2,000 เยน Second Observation ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน |
บัตรเข้าชม | มี 3 ประเภท คือ Reserved Ticket (จองล่วงหน้าระบุวันและเวลา เริ่มจองได้ 22 มีนาคม 2012) Reserved Ticket (จองล่วงหน้าระบุวัน เริ่มจองได้ 22 มีนาคม 2012) Same Day Ticket (เริ่มจำหน่ายวันแรก 11 กรกฎาคม 2012) |

เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– เที่ยวโอซาก้า : HACOSTADIUM OSAKA
– App iPhone/iPad ตัวช่วยสำหรับคนเที่ยวญี่ปุ่นเอง Part 2
– มนต์เสน่ห์แห่ง ธีมพาร์ค Hakone Kowakien Yunessun
– วันเด็กผู้หญิง หรือวันเทศกาลตุ๊กตาฮินะ (Hina Matsuri)
– Hello Kitty’s Guide to Japan
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ:
http://www.tokyo-skytree.jp
http://www.sorakara-chan.jp
#Tokyo Skytree