การเที่ยวโตเกียวด้วยรถไฟ ถือเป็นทางเลือกชั้นยอดของการเดินทางในเมืองหลวงของญี่ปุ่น ซึ่งก็มีทั้งรถไฟใต้ดินสายต่างๆ (Tokyo Metro Line และ Toei Line) และรถไฟบนดิน (JR)
คนเดินถนนคนหนึ่งที่เงินในกระเป๋าอาจจะไม่มากมาย (หรืออาจจะมีเยอะ แต่ก็อยากประหยัด) จะไปไหนมาไหนในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นแถมยังเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงลิบลิ่วแล้วละก็ ถ้าไม่ออกแรงเดิน ก็ต้องออกแรงปั่น (จักรยาน) ด้วยสองเท้าของตัวเอง
แต่ว่า…หากจุดหมายปลายทางอยู่ไกลสักหน่อย พึ่งจักรยานก็คงจะยังไม่ไหว น่องอาจจะระเบิดก่อนจะถึงที่หมาย และถ้าอยู่ไกลมากเกินไปจะโบกแท็กซี่ กระเป๋าตังค์ก็อาจจะฉีกเหมือนกัน เพราะที่นี่ค่าโดยสารรถแท็กซี่จัดว่าโหด…
ดังนั้นทางเลือกชั้นยอดของการเดินทางในกรุงโตเกียว ก็คงหนีไม่พ้นบรรดารถไฟสายต่างๆ ทั้งใต้ดิน (Tokyo Metro Line และ Toei Line) และบนดิน (JR) ซึ่งนอกจากจะไม่แพงหฤโหดแล้ว ยังรวดเร็วทันใจ ตรงต่อเวลาเป็นที่สุด และไปได้เกือบทุกที่ทั่วทั้งเมือง (แถมยังเชื่อมต่อจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียน… เพราะยังมีรถไฟของบริษัทเอกชนมาช่วยเชื่อมต่อเส้นทางอีกเพียบ)
คุณๆ ที่เคยใช้รถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT ในกรุงเทพฯ ถือว่ามีประสบการณ์ที่จำเป็นพอสมควรแล้ว หากต้องมาใช้รถไฟในกรุงโตเกียว เพราะการซื้อตั๋วรถไฟก็สามารถซื้อกับตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้เหมือนบ้านเรา (เราน่าจะเหมือนเขามากกว่า ฮะ ฮะ)
ซึ่งส่วนใหญ่จะมีภาษาอังกฤษให้เลือกตอนซื้อตั๋ว และแผนผังบอกสถานี ป้ายบนชานชาลา รวมถึงป้ายบนรถไฟเขาก็พยายามเพิ่มภาษาอังกฤษให้เราได้พอสบายใจไปได้บ้าง แต่เพื่อตัดปัญหาเราก็มักจะติดชื่อสถานีที่จะลง และสถานที่ที่จะไป ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นติดตัวไว้ด้วย ขอบอกว่า..ช่วยได้โขเลย
และถ้าไม่มั่นใจกับจุดหมายปลายทาง หรือราคาที่จะต้องจ่ายเพื่อซื้อตั๋วรถไฟ เราก็สามารถเลือกซื้อตั๋วในอัตราที่ต่ำที่สุดไปก่อน พอไปถึงสถานีที่เราจะลง ก็จะมีตู้ปรับราคาให้เรานำตั๋วไปเช็คเพื่อจ่ายเงินเพิ่มตามจริงได้ด้วย สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญช่วงเวลาเร่งด่วน ประมาณสักเจ็ดโมงถึงเก้าโมงครึ่งในตอนเช้า และห้าถึงหกโมงเย็น ถ้าไม่อยากเป็นปลากระป๋องที่โดนอัดเข้าไปในม้าเหล็กฉบับโตเกียวแล้วละก็ ไปหาที่เดินเล่นชิวๆ ช้อปปิ้งหรือกินข้าวเย็นซะ จะแฮปปี้กว่าเยอะ^^
ส่วนใหญ่รถไฟที่โตเกียวจะให้บริการประมาณตีห้าถึงเที่ยงคืนเท่านั้น จึงไม่แปลกถ้าจะเห็นคนตกรถไฟ (ขึ้นเที่ยวสุดท้ายไม่ทันน่ะ) เลือกที่จะไม่กลับบ้าน แล้วหาที่นอนเอาแถวๆ นั้น หรือไม่ก็นอนตามโรงแรมแคปซูล เพราะถ้าบ้านอยู่ไกล ค่าแท็กซี่ก็น่าจะแพงกว่าค่าที่พักน่ะแหล่ะ
ส่วนใครไปไหนไม่ถูก หรือยังไม่ได้วางแผนว่าจะเที่ยวที่ไหน ลงสถานีอะไรบ้าง แนะนำให้ลองศึกษาเส้นทางรถไฟ JR สายสีเขียว (JR Yamanote Line) สายยอดนิยม และถือเป็นไม้ตายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เพราะสายนี้จะวิ่งเป็นวงกลม เริ่มต้นที่สถานีไหนก็แล้วแต่ ถ้าอยากจะกลับมาสถานีเดิมก็ขึ้นสายนี้แหล่ะ จัดว่าชัวร์สุดแล้ว
แถมสายนี้ยังวิ่งผ่านแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่สำคัญๆ ของกรุงโตเกียวทั้งนั้น จนแทบจะอยากลงทุกสถานีเลย ประมาณว่า…เที่ยวได้ทั้งวันไม่มีหมด

แถมบริษัทรถไฟในโตเกียวยังมีบัตรรถไฟให้เลือกใช้หลายประเภทตามความเหมาะสม ที่น่าสนใจก็มี…
Tokyo One-Day Free Ticket (Tokyo Free Kippu) – เรียกว่าเป็น “บัตรรวมมิตร” ก็คงได้ เพราะในหนึ่งวันสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินของ Toei และของ Tokyo Metro แล้วยังใช้ได้กับรถไฟบนดินของ JR ด้วย ซื้อได้ที่สถานีรถไฟทั่วไป
ราคา 1,580 เยน
Suica – เป็นบัตรเติมเงินที่นอกจากจะใช้แทนบัตรรถไฟ JR ได้แล้ว ยังใช้กับรถไฟใต้ดิน รถบัสโดยสาร และซื้อของตามร้านสะดวกซื้อได้ด้วย เพียงแค่แตะบัตรที่เครื่องอ่านเท่านั้น และสามารถเติมเงินได้เรื่อยๆ
ราคา 2,000 เยน (รวมมัดจำ 500 เยน)
PASMO Card – เป็นบัตรเงินสดที่สามารถใช้ได้กับรถไฟใต้ดิน รถไฟบนดินสายเอกชน และรถบัสโดยสาร แค่แตะที่เกท เงินค่าโดยสารก็จะถูกตัดไปจากบัตร ใช้ได้เทียบเคียงกับบัตร Suica ของ JR เลยนั่นแหล่ะ หาซื้อได้ตามสถานีต่างๆ ของรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro แล้วก็เติมเงินได้เรื่อยๆ เหมือนกัน
ราคา 1,000 – 10,000 เยน (รวมมัดจำ 500 เยน)
รถไฟบนดิน (JR)
Tokyo Metropolitan District Pass (Tokunai Pass) – ใช้ได้กับรถไฟฟ้าบนดิน (JR) เป็นเวลาหนึ่งวัน แต่จะซื้อแล้วใช้วันไหนก็เลือกได้เอง ซื้อได้ที่เครื่องขายตั๋วตามสถานี JR
ราคา 730 เยน
รถไฟใต้ดิน (ของ Tokyo Metro)
Tokyo Metro 1-Day Open Ticket – ถ้าจะใช้รถไฟใต้ดินของ Tokyo Metro ทั้งวัน แนะนำให้ใช้บัตรนี้ ซื้อได้ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติของสถานีต่างๆ ของ Tokyo Metro
ราคา 710 เยน
[For Vacationers] Special 1-Day Open Ticket – บัตรโดยสารเฉพาะนักท่องเที่ยว ซึ่งหาซื้อได้สะดวกที่สนามบินนาริตะ
ราคา 600 เยน
[For Vacationers] Special 2-Day Open Ticket – สำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนกัน ใช้ได้สองวัน ซื้อได้ที่สนามบินนาริตะ เคยใช้แล้วคุ้มสุดๆ นั่งแค่สายสีส้ม (Ginza Line) ไปช้อปปิ้งกินซ่า อากิฮาบาร่า ชิบุย่า อูเอโน่ และอีกมากมาย เป็นสองวันที่แสนจะคุ้มค่า
ราคา 980 เยน
รถไฟใต้ดิน (ของ Toei Line)
Toei One-Day Economy Pass (Toei Marugoto Kippu) – ใช้โดยสารรถไฟใต้ดินสาย Toei รวมทั้งรถบัสของ Toei ด้วย
ราคา 700 เยน
บริษัทรถไฟต่างๆ ของกรุงโตเกียว เขาก็พยายามอำนวยความสะดวกให้เต็มที่แหล่ะนะ การใช้บริการรถไฟของเขาจึงไม่ยากเย็นจนเกินความสามารถ จริงๆ แล้วแค่ไปยืนสังเกตสักแป๊บ เดี๋ยวก็เป็นไปเอง เขาหลิ่วไปทางไหน เราก็พยายามหลิ่วตามมั่ง แค่อย่าเผลอหลิ่วตามสาวๆ กระโปรงสั้นๆ จนลงผิดสถานีก็พอ^^
คนไทยทั้งหลาย ถ้าได้มีโอกาสมาทดลองใช้รถไฟทั้ง JR และ Subway ที่นี่แล้วหล่ะก็ รับรองว่าจะต้องแอบคิดถึงรถไฟที่กรุงเทพฯ ขึ้นมาตะหงิดๆ กันอย่างแน่นอน แต่จะคิดถึงกันในแง่มุมไหน ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลแล้วละนะ หึ หึ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– เที่ยวเกียวโต : Aoi Matsuri (葵祭)
– เที่ยวฮอกไกโด : ฤดูใบไม้ผลิฮอกไกโด
– Kodomo No Hi (วันเด็กญี่ปุ่น)
– Golden Week
– เที่ยวโตเกียว : ซันจะ มัตสึริ (Sanja Matsuri)
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.wikipedia.org
http://www.jreast.co.jp/e/index.html
http://www.tokyometro.jp/en/index.html
http://www.kotsu.metro.tokyo.jp/eng/index.html
#เที่ยวโตเกียวด้วยรถไฟ