เสน่ห์ของโอกินาว่า…ไม่ได้หยุดอยู่ที่เกาะใหญ่ หรือว่าที่เกาะ Ishigaki นะ! สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่คนญี่ปุ่นนิยมกันนั้นอยู่บนเกาะ “Iriomote” นอนที่เกาะอิชิงากิ แต่นั่งเรือไปเที่ยวอิริโอโมเตะแบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้น๊าาาา
เอาละค่ะ … ได้พักผ่อนนอนหลับกันอย่างเต็มที่หนึ่งคืนเต็มๆ ตื่นมายังไม่วายไปแช่ออนเซนแต่เช้าตรูมาซะอีก ผ่อนคลายสุดๆ เลยค่ะ ^^
สำหรับวันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ เกาะอิริโอโมเตะ (Iriomote) ทั้งวันเลยค่ะ
Iriomote นั้นก็อยู่ในหมู่เกาะยาเอยามะ (Yaeyama) เช่นเดียวกับเกาะอิชิงากิที่เราพักกันนั่นแหล่ะ แล้วก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมากด้วย เพราะถ้าอยากชมทะเลสวยๆ ธรรมชาติงามๆ ป่าโกงกางกว้างใหญ่ไพศาลในญี่ปุ่นแล้วละก็ เมื่อมาโอกินาว่า…ต้องนึกถึงเกาะนี้ด้วยอย่างแน่นอนจ้า
ตอนเช้าเราขึ้นรถบัส (Transferred bus) ร่วมกับแขกของโรงแรมท่านอื่นๆ ไปที่ท่าเรือกันค่ะ พอไปถึงก็ถ่ายรูปเล่นรอเวลาขึ้นเรือเฟอรี่กัน
ที่จริง… จะเที่ยวโอกินาว่าให้สนุก ส่วนตัวแล้วคิดว่าเราคงจะต้องนั่งเรือเฟอรี่จากเกาะนู้น ข้ามไปเกาะนี้ เที่ยวไปเรื่อยๆ ค่ะ น่าจะเจ๋งนะ
การเดินทางระหว่างเกาะของโอกินาว่า (และเกาะอื่นๆ ของญี่ปุ่น) ก็สะดวกสบายมากๆ เพียงแต่ว่า.. เราต้องหัดพูดภาษาญี่ปุ่นพอเอาตัวรอดกันสักหน่อย ไม่งั้นก็มีมึนตึบเหมือนกัน ฮะ ฮะ
สถานที่นั่งรอบางส่วนเองนะเนี่ย .. กว้างขวางเชียวแหล่ะ
ได้เวลาลงเรือแล้ว… ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ ประมาณครึ่งชั่วโมง กำลังเคลิ้มๆ ก็ถึงซะแล้ว (ทีจริง..ก็เคลิ้มไปลงหรอกค่ะ นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ เพลินดี เพราะไม่ได้มีแค่เพียงฟ้ากับทะเลเท่านั้น มีเกาะเล็ก เกาะน้อยที่เราแล่นผ่านไปหลายเกาะเลยค่ะ
เฉพาะในหมู่เกาะ Yaeyama เอง ก็มีเกาะน่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Iriomote, Taketomi, Kuroshima, แล้วก็ Hateruma เป็นต้น)
เอาหล่ะ! มาถึงกันแล้วจ้า เกาะอิริโอโมเตะ เพื่อนๆ ร่วมก๊วนแอบวิ่งไปส่ง Postcard กันที่ไปรษณีย์ แต่เราก็เก็บภาพบรรยากาศแถวๆ ท่าเรือดีกว่า
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อด้วยรถบัสจ้ะ ผ่านไปรษณีย์ที่พวกเพื่อนๆ วิ่งกันมาเมื่อกี้ แล้วไฟแดงแรกของเกาะแห่งนี้ด้วย (ว่ากันว่าเกาะมีแค่ 2 ไฟแดง… เพื่อให้ชาวเกาะอิริโอโมเตะเรียนรู้วิธีการข้ามถนนบริเวณสี่แยกไฟแดงเท่านั้น
เนื่องจากถนนเล็กๆ รถราก็ไม่พลุกพล่าน ที่จริงก็ไม่ต้องมีสัญญานไฟแดงเลยก็ยังได้)
โปรแกรมช่วงเช้า … เราจะไปล่องเรือชมป่าโกงกาง ความภาคภูมิของชาวโอกินาว่า เพราะมีคนญี่ปุ่นไม่มากที่เคยเห็นป่าแบบนี้ แล้วถ้าอยากเห็นป่าโกงกาง (ป่าชายเลน) ในญี่ปุ่นก็ต้องมากันที่โอกินาว่านี่แหล่ะ
แล้วที่เกาะอิริโอโมเตะ ก็มีกิจกรรมล่องเรือในแม่น้ำอุระอุจิ (Urauchi River) แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดโอกินาว่าโดยเฉพาะด้วย
เราใช้บริการของ Urauchigawa Kanko ที่มีบริการหลากหลาย ทั้งเรือล่องแม่น้ำ (Urauchi River Jungle Cruise) พายเรือคายัก (Utara River Kayak Tour) แล้วก็มีทัวร์เดินป่าอีกหลายเส้นทาง
วันนี้เราแค่ล่องเรือในแม่น้ำอุระอุจิ เพลินดีเหมือนกัน ล่องเรือชมธรรมชาติกันไปสักพัก เราก็มาถึงท่าเรือเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติ
มีน้ำตกสายเล็ก สายน้อย ให้เราได้รู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำของผืนป่าไปตลอดทาง เราเดินไปจนกระทั่งถึงจุดชมวิวน้ำตกมะริวโตะ (Mariyudu Falls) นั่งพัก เม้าท์มอย กันเล็กน้อย ก็เดินกลับกัน เพราะใกล้เวลาที่นัดเรือมารับแล้ว
ขากลับแอบเห็นฉลามด้วย!! พี่คนเรือบอกตั้งแต่ขาไปแล้วว่า บางทีก็มีพี่ฉลามเข้ามาว่ายน้ำเล่นที่ป่าชายเลนแถบนี้ด้วย ^^”
ต่อจากนั้นก็ไปร้านอาหารกลางวันกันต่อเลย ร้านที่เราเป็นทานกลางวันกันนี้ชื่อว่า KITCHEN inaba เป็นอาหารเซ็ตญี่ปุ่นแบบพื้นบ้านโอกินาว่า
ที่มีบรรยากาศสบายๆ อาหารอร่อยนะ แต่มีเวลาดื่มด่ำน้อยไปหน่อย เพราะเราอยากจะไปเห็นหาดทรายดาว แล้วก็ขี่เกวียนเทียมควายสไตล์โอกินาว่ากันต่อ ดังนั้นจึงต้องรีบกันนิดนึง
อีกหนึ่งเรื่องขึ้นชื่อของโอกินาว่า ก็คือ “หาดทรายดาว” ซึ่งที่จริงแล้วก็คือหาดทรายที่มีซากของสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่ตายแล้ว ถูกคลื่นซัดมากองกันอยู่บนชายหาดนั่นเอง
แต่ซากของสัตว์ทะเลชนิดนี้ดูๆ แล้วมีสีคล้ายทราย และลักษณะคล้ายกับรูปดาวเลย บางอันก็คล้ายพระอาทิตย์ น่าประหลาดดีนะ
นักท่องเที่ยวต่างถิ่นอย่างเราก็มัวแต่ก้มหน้าก้มตาหาเจ้าทรายดาว แต่คนแถวๆ นั้นกลับมาเล่นน้ำ ดื่มด่ำปะการังน้ำตื้นก้นอย่างน่าอิจฉา เพราะวิวก็สวย น้ำทะเลก็ใส แถมยังมีบริการห้องอาบน้ำจืดด้วย
เป็นอีกหนึ่งชายหาดที่เหมาะสำหรับการเล่นน้ำทะเล ไม่เพียงแต่แค่มาดูทรายรูปดาวเท่านั้น
แต่..ต่อให้อยากลงไปดำผุดดำว่ายกับชาวญี่ปุ่นเค้าแค่ไหน ก็คงจะไม่ได้ เรายังมีพี่ควายรอให้เราไปเยี่ยมกันอีก
สำหรับการนั่งเกวียนเทียมควายสำหรับบ้านเราก็อาจจะเป็นเรื่องที่รู้จักคุ้นเคยกันอยู่บ้าง (แม้เด็กๆ สมัยนี้บางคนอาจจะยังไม่เคยเห็นควายตัวเป็นๆ เลยก็ตาม) เพราะคงต้องเคยเรียนเกี่ยวกับวิถีชาวนา ชาวบ้าน ของไทยกันมาบ้าง ว่าแต่ก่อน เราใช้ชีวิตผูกพันกับวัวกับควายกันแค่ไหน …
สำหรับคนโอกินาว่านั้นก็ไม่ต่างกัน แม้ปัจจุบันควายเหล็ก หรือรถไถ รถจักรที่ใช้ในการเกษตร ถูกนำเข้ามาแทนที่การทำงานของควายกันหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอนุรักษ์ เลี้ยงดู และดูแลควายของพวกเขากันเป็นอย่างดี (ดีจนอึ้ง!)
(มาคิดได้ทีหลังว่าน่าจะซื้อมาฝากคนบางคนที่ขับรถบนถนน แล้วขัดใจอิฉันเป็นอย่างยิ่ง… บางทีก็รู้สึกว่าเค้าคิดว่าคนเดินถนนคนขี่จักรยาน รวมถึงคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วย เป็นขยะหรือไม่ก็อากาศธาตุ มองไม่ค่อยเห็น อยากจะขับเฉี่ยว ขับชน ยังไงก็ได้ ไฟขอทางไม่ค่อยจะมีให้เห็น (ก็เห็นชนกันเพราะอย่างนี้ทุกที) มีเงินซื้อรถราคาเป็นล้าน แต่ทำราวกับลืมซื้อไฟเลี้ยวมาด้วย… คนประเภทนี้แหล่ะ น่าซื้อมาฝาก เผื่อจะขับรถได้ดี มีมารยาทพอๆ กับที่ควายบังคับเกวียน)
ส่วนตัวแล้ว ตอนเด็กๆ เคยเห็นควายในระยะประชิดมาก่อน (ลูกอดีตชาวนาเหมือนกัน) โตขึ้นก็มีโอกาสได้เห็นบ้างเวลาไปต่างจังหวัด …
มันช่างไม่เหมือนกับควายที่โอกินาว่าเลย ไม่ใช่ว่ามันมีสองหาง สี่ตา หกเขา หรือแปดขาหรอกนะ แต่… มันตัวใหญ่ ดำขลับ และกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อย่างควายที่ได้รับการดูแลอย่างดี (ราวกับควายชาววัง ฮะ ฮะ)
เราว่าพวกมันเป็นควายที่สวยที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลยทีเดียว ทำให้รู้สึกชื่นชมคนที่เลี้ยงมันมากๆ ต้องใส่ใจจริงๆ นะ ถ้าเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย ก็คงไม่ดูสวยงาม งามสง่า ดูสมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้
ทึ่งหนักเข้าไปอีก ตอนที่นั่งรถเทียมเกวียน คุณควายเขาก็นอนหมอบชิลๆ ของเขาไป พวกเราสิบกว่าชีวิตก็ค่อยๆ ทยอยขึ้นไปนั่งบนเกวียน (เหมือนนั่งรถสองแถว) ในใจก็คิดว่าคนจะเยอะไปมั้ยเนี่ย พี่ควายจะไหวมั้ยหว่า…
แต่ตอนหลังคนคุมเกวียนก็ได้เฉลยมาว่า พี่ควายสามารถลากเกวียนที่บรรทุกคนได้กว่า 18 – 20 คน โอ้ว!!! จะทรมานกันไปมั้ย (หรือเป็นธรรมชาติของควายที่นี่หว่า)
พอเรานั่งกันครบพร้อมออกเดินทาง คุณลุงที่เป็นคนคุมเกวียน (เกวียนแต่ละคันจะเข้าคิวกันราวกับมอเตอร์ไซค์วินทีเดียว) ก็สั่งให้พี่ควายลุก มันก็ลุก แล้วก็เดินๆๆๆๆ เดินไปบนพื้นทราย ซึ่งถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้น มันก็คือการเดินข้ามทะเลนั่นเอง
แล้วคุณลุงก็มาชี้ชวน ถามว่าชอบเพลงอะไร มองหน้ากันไปมา ก็นึกกันออกแต่เพลงฮานะ (hana) พอบอกไปอย่างนั้น คุณลุงก็นำเครื่องดนตรีคู่กายออกมา เล่นเพลงที่ว่าให้พวกเราฟังกัน ร้องจบก็ถึงที่หมายพอดี นั่นคือเกาะ…. ที่พำนักของเหล่าพี่ควาย
พวกเราเดินชมเกาะ ซึ่งมีสวนผีเสื้อ คอกที่เลี้ยงดูพี่ควาย แล้วก็ช้อปปิ้งของฝากสไตล์ควายๆ กันเล็กน้อย ก็กลับไปที่วินพี่ควายอีกที ขากลับไม่ใช่คิวของพี่ควายตัวเดิม แต่คุณลุงคนคุมเกวียนก็เล่นดนตรีเพราะๆ ให้เราฟังอีกเช่นกัน
คุณลุงคนคุมเกวียน ไม่ต้องจับบังเหียน หรือคอยบังคับใดๆ พี่ควายเลยนะ แค่บอกให้ลุก พี่ควายก็ลุกและออกเดินเลย พอถึงที่หมาย ก็เลี้ยวโค้ง กลับลำ และจอด พร้อมกับลงไปนั่ง ให้พวกเราลงกันอย่างสะดวกๆ โดยไม่ต้องออกคำสั่ง หรือบังคับใดๆ ทั้งสิ้น
สรุปว่าคุณลุงทั้งหลายมีหน้าที่เล่นดนตรีให้พวกเราฟังเท่านั้นสินะ
สงสัยคนที่ไปเที่ยวทั่วเกาะมาทั้งวันอย่างพวกเราจะมีเยอะมาก คนญี่ปุ่นซึ่งมีนิสัยหอบหิ้วขยะกลับไปทิ้งบ้าน หรือทิ้งในที่ๆ ควรทิ้ง พวกเค้าจึงขนขวดเปล่ากลับมาทิ้งที่ท่าเรือ
แล้วก็นะ ถังด้านขวาของรูปเค้าก็ไม่ทิ้งกัน ว่างนะนั่นน่ะ แต่เค้าจะทิ้งขวดพลาสติกซึ่งต้องทิ้งที่ถังทางด้านซ้าย ตอนแรกก็ไม่ล้นอย่างนี้หรอก ยืนอยู่แค่นาทีเดียว มีคนเดินเอามาวางทีละคน ทีละขวด ทีละคน ทีละขวด เป็นอย่างนี้เกือบ 10 รอบ จนได้ภาพนี้มานั่นแหล่ะ … ญี่ปุ่นแท้ๆ เชียว
เอาหล่ะ การท่องเที่ยวเป็นเวลา 1 วันของพวกเราบนเกาะอิริโอโมเตะก็จบลงอย่างน่าประทับใจทีเดียว เราสลบไสลกันมาบนเรือที่พาพวกเรามุ่งหน้ากลับสู่เกาะอิชิงากิเท่าที่เวลาจะอำนวย
พอถึงท่าเรือก็มีรถบัสมารอพวกเราอยู่แล้ว พี่คนขับรถบัสพาเราไปส่งร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจาก Ishigaki Port Terminal (และเป็น Bus Terminal) ด้วยไม่ไกล จากนั้นก็ชิ่งไปเลย ฮะ ฮะ เพราะวันนี้พวกเราจะเดินชมเมืองอิชิงากิย่อยอาหารกันไปถึงโรงแรม Nikko Yaeyama ด้วยสองเท้าของพวกเรากันนั่นเอง
มื้อนี้เป็นเซ็ตเนื้อย่างอิชิงากิ (เนื้อวัววากิวขึ้นชื่อของจังหวัดโอกินาว่าเลยนะ) ลาภปากแท้ๆ นุ่ม.. ละลายในปากเลยทีเดียว
จากนั้นเราก็เดินเลาะเลียบไปตามถนนสู่ใจกลางย่านช้อปปิ้งของฝากของอิชิงากิ ได้ของติดไม้ติดมือกันมาคนละนิดละหน่อย แล้วก็วงแตก แยกกันเดิน ด้วยความง่วงก็เลยคิดว่ามุ่งหน้ากลับโรงแรมไปแช่น้ำร้อนจะดีกว่า
แต่ว่า… เหอๆ แผนที่ต่างๆ ไม่มี ทิศไหน เป็นทิศไหนก็ไม่รู้ ถนนสายเล็กสายน้อย ซอกซอยก็มากมาย จะเลี้ยวทางไหนให้รอดละทีนี้
ใช้เวลาคิด 10 วิเต็มๆ ก่อนจะมีหลอดไฟส่องแสงปิ๊งๆ โผล่ออกมา เนื่องจากถือไอโฟนไว้ในมือ เน็ตก็มี เปิด map ทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดอีก คีย์คำว่า “Nikko Yaeyama” เท่านั้นแหล่ะเส้นทางเริ่มต้นจากจุดที่เรายืนอยู่ ถึงโรงแรมนิกโก้ยาเอะยามะก็ขึ้นมาทันที
โอ๊ะๆ ไม่ไกลเลย ไม่ถึง 10 นาที เราก็มายืนอยู่หน้าโรงแรมแล้ว เป็นการใช้งาน map บนไอโฟนอย่างจริงจังครั้งแรก แอบประทับใจ อิ อิ
ค่ำนี้เราขอไปห้องแช่น้ำร้อนรวม แล้วจัดการแพ็คกระเป๋าเรียบร้อยก่อนล่ะ เพราะพรุ่งนี้เราจะเตรียมตัวย้ายบ้านไปนอนกันที่เมืองนารา ซึ่งเป็นจุดหมายต่อไปของพวกเราจ้าาาาา
ขอบอกก่อนเลยว่า… เป็นนาราในมุมที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยไปมาก่อน ก็คูลดีเหมือนกันนะ
สนับสนุนการเดินทางการเดินทางโดย :
Okinawa Convention & Visitors Bureau (www.visitokinawa.jp)
Nara Prefectural Government (www.pref.nara.jp)
Osaka Prefectural Government (www.pref.osaka.jp/)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– วันหยุดราชการญี่ปุ่นประจำปี 2014
– พาเที่ยวเกียวโต ฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari)
– รีวิวทริปเดียวเที่ยวทั้งโอซาก้า-นารา-โอกินาว่า : Ishigaki
– ดื่มด่ำร้านกาแฟ..หาที่นั่งชิลที่เกียวโต
– จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สถานีเกียวโต กับมือถือที่หายไป