ตอนที่แล้วป้าหมวยยยเล่าเหตุการณ์เจ็บป่วยจนต้องไปหาหมอตั้งแต่ต้นทริป แต่เหตุการณ์ระทึกเบา ๆ ยังไม่หมดแค่นั้นวันนี้จะมาเล่าสู่กันฟังแบบละเอียดยิบว่า เมื่อป้าเกิดอุบัติเหตุกับรถเช่าบนเกาะชนบทไกลพู้น แถมอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบจะรับมือกับสถานการณ์ยังไง และโดนตำรวจยิงคำถามอะไรบ้าง
สวัสดีค่ะ
ตอนที่แล้วป้าหมวยยยเล่าเหตุการณ์เจ็บป่วยจนต้องไปหาหมอตั้งแต่ต้นทริป แต่เหตุการณ์ระทึกเบา ๆ ยังไม่หมดแค่นั้นวันนี้จะมาเล่าสู่กันฟังแบบละเอียดยิบว่า เมื่อป้าเกิดอุบัติเหตุกับรถเช่าบนเกาะชนบทไกลพู้น แถมอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบจะรับมือกับสถานการณ์ยังไง และโดนตำรวจยิงคำถามอะไรบ้าง
ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของป้า ให้เป็นหนึ่งในแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาหากมีการขับรถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นก็แล้วกันนะคะ
ทริปนี้ป้าไปขับรถบนเกาะนาคาโดริและเกาะวาคามัตสึที่อยู่ทางเหนือของหมู่เกาะโกโต้ (五島列島 Goto Rettō) ที่อยู่สุดขอบตะวันตกของภูมิภาคคิวชู โดยเช่ารถของ Toyota Rent a Car โดยเลือกรถ Kei car 660 cc เพราะเห็นว่าแม้ราคาจะเท่ากับรถ Compact แต่ป้ามาคนเดียว ไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนผู้โดยสารและสัมภาระ และรถคันเล็กจะคล่องตัวกว่าบนถนนแคบ ๆ ที่มีอยู่มากมายบนเกาะนี้ค่ะ
ด้วยความที่ภูมิประเทศเกาะนี้เต็มไปด้วยภูเขาและมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ทำให้ถนนหนทางในหลายพื้นที่ที่ห่างไกลชุมชนค่อนข้างแคบ รถสวนกันได้แค่ทีละคัน และยังมีโค้งมากมายรวมทั้งโค้งหักศอก
บริษัทรถเช่าได้ทำป้ายเตือนให้ระวังการขับขี่บนเกาะ เช่น ระวังชนกวางและหมูป่า ระวังรถสวนทางแคบ ระวังอุบัติเหตุบนลานจอดรถโบสถ์ และระวังเบียดขอบคันหิน เป็นต้น รวมทั้งมอบแผนที่เตือนจุดทางแคบ จุดระวังรถสวน หรือจุดปิดทาง (ทางขาดเพราะดินถล่มจากไต้ฝุ่น) ให้แก่ผู้เช่ารถเพื่อเพิ่มความระมัดระวังหากต้องใช้เส้นทางนั้น
ป้ายเตือนให้ระวังอุบัติเหตุจราจรที่บริษัทรถเช่า

แผนที่เตือนจุดควรระวังทั่วทั้งเกาะ
จากกำหนดรับรถออกจากศูนย์เช่าเวลา 10:30 น. ป้าหมวยยยเริ่มออกเดินทางโดยแวะตามสถานที่ต่าง ๆ จากใต้ขึ้นเหนือเป็นระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร สถานที่สองสามแห่งแรกไม่มีปัญหาในการขับ แค่ปรับตัวให้คุ้นเคยกับรถในช่วงแรก ๆ เท่านั้น
จนมาถึงโบสถ์ฟุคุมิ (福見教会 Fukumi Kyōkai) เวลาประมาณ 13.00 น. โบสถ์นี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นรองแยกจากถนนหลวง ถนนสิ้นสุดตรงลานจอดรถริมฝั่งทะเลพอดี นั่นคือต้องขับย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปที่อื่นต่อค่ะ
ป้าหมวยยยจอดรถและเดินชมสถานที่ตามเวลาสมควร จนกลับมาที่รถเพื่อขับรถย้อนกลับทางเดิมไปยังสถานที่ถัดไป แต่ตอนออกตัวผิดพลาด ดันตาถั่วจนเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับขอบหินที่อยู่ริมทางจอดรถจนได้ค่ะ เป็นแผลถลอกยาวราว 15 ซม. ตรงกันชนล่างด้านหน้ารถ
แผลยาวเป็นคืบ กินลึกถึงเนื้อกันชน
ป้าก็ตกใจล่ะคะ อยู่คนเดียวเสียด้วย มองไปรอบ ๆ ไม่มีคนญี่ปุ่นเดินไปมาซักคน ดูท่าต้องช่วยเหลือตัวเอง รีบตั้งสติว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
ปกติการเช่ารถที่ญี่ปุ่นจะรวมประกันพื้นฐานอยู่แล้วค่ะ ลดความกังวลไปได้ แล้วก็มีประกันเสริมภาคสมัครใจ ซึ่งป้าก็จัดเต็มไว้ (เดี๋ยวจะขอพูดถึงรายละเอียดอีกที) แต่ขั้นตอนที่สำคัญคือ ต้องแจ้งตำรวจและแจ้งบริษัทเช่ารถ แม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีคู่กรณี มิฉะนั้นประกันจะไม่ครอบคลุม และบริษัทมีสิทธิเรียกเก็บค่าเสียหายจากผู้เช่าค่ะ
ป้าหมวยยยเอาโทรศัพท์มากดเบอร์สถานีตำรวจที่ทางบริษัทเช่ารถให้ไว้ คือ เบอร์ 0959-42-0110 ซึ่งเป็นเบอร์ของสถานีตำรวจชินคามิโกโต้ที่อยู่ที่อาริคาวะ แล้วส่งภาษาญี่ปุ่นง่าย ๆ เท่าที่เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว สรุปเหตุการณ์ให้ตำรวจหญิงปลายสาย
“เกิดอุบัติเหตุกับรถเช่าค่ะ” “รถชนเข้ากับก้อนหิน” “ตอนนี้อยู่ที่ลานจอดรถโบสถ์ฟุคุมิ” “ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่กันชนหน้ารถมีแผล”
ปลายสายสอบถามชื่อผู้แจ้งกับเบอร์มือถือ เป็นคนต่างชาติก็บอกสะกดชื่อกับเบอร์ทางโทรศัพท์ยากหน่อย ต้องค่อย ๆ ออกเสียงให้ชัด ๆ ไปทีละตัวอักษรค่ะ
ระหว่างรอตำรวจมา อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำคือ โทรแจ้งบริษัทเช่ารถเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ป้าโทรบอกรายละเอียดเหมือนกับตอนแจ้งตำรวจ แต่เพิ่มว่า “เรียกตำรวจแล้ว กำลังรออยู่” และทางบริษัทรถเช่าถามว่า รถยังสามารถขับต่อได้ไหม เพื่อถ้ามีปัญหาจะได้เข้าไปลากรถค่ะ
15 นาทีให้หลัง รถตำรวจญี่ปุ่นสีขาวดำคันน่ารักอย่างที่เห็นในการ์ตูน ข้างรถเขียนว่า “ตำรวจจังหวัดนางาซากิ” (長崎県警察 Nagasaki-ken Keisatsu) ก็มาถึง ป้าคิดว่าน่าจะเป็นตำรวจจากป้อมตำรวจนาราโอะที่ทางสถานีหลักวิทยุไปเรียก ตำรวจสองนายที่ลงมาจากรถเป็นคนหนุ่มกับคนสูงวัย
รถตำรวจนางาซากิ
คุณตำรวจขอเรียกดูเอกสารจากป้า ได้แก่
• พาสปอร์ต
• ใบขับขี่ไทย และใบขับขี่สากล
• เอกสารเกี่ยวกับรถ (เอกสารส่วนของบริษัทรถเช่า จำพวก พรบ. การชำระภาษี ประกันภัย ปกติจะเก็บอยู่ในลิ้นชักหน้ารถ)
• เอกสารหลักฐานการเช่ารถ
จากนั้นคุณตำรวจยิงคำถามใส่ป้ารัว ๆ เลยค่ะ
• เดินทางมาจากไหน มาที่เกาะได้ยังไง
• เช่ารถจากบริษัทไหน สาขาอะไร รับรถมาเมื่อไร จะคืนเมื่อไร คืนที่สาขาไหน
• มีกำหนดเดินทางไปที่ไหนบ้าง พักโรงแรมไหน
• เดินทางไปไหนมาก่อนจะมาที่นี่ (สถานที่เกิดเหตุ)
• มาถึงที่นี่เมื่อไร จอดไว้ยังไง
• เกิดเหตุตอนกี่โมง ขับชนได้ยังไง รู้ไหมขับชนอะไร ตรงไหน
• โทรแจ้งตำรวจตอนกี่โมง คุยนานกี่นาที ชนแล้วใช้เวลานานเท่าไรถึงจะโทรไป
• ได้โทรแจ้งบริษัทรถเช่าแล้วหรือยัง
โอ๊ย ถามละเอียดยิบจริง ๆ (คนอื่นที่เคยเจออุบัติเหตุเคยโดนถามขนาดนี้ไหมคะ)
นอกจากนี้ยังขอการออกเสียงชื่อ ขอที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และสอบถามกระทั่งสถานที่ทำงานในไทย ซึ่งตำรวจบอกว่าเป็นข้อมูลที่ต้องบันทึกไว้ค่ะ
คุณตำรวจสองคนช่วยกันใช้กล้องถ่ายรูปสถานที่ ตำแหน่งก้อนหินที่ชน รอยถลอกบนรถ และจดบันทึกยิก ๆ เลยทีเดียวค่ะ และบอกว่า จะมีการแจ้งเจ้าของพื้นที่ถึงอุบัติเหตุ หากมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ถึงตอนนั้นจะมีการติดต่อไปที่บริษัทรถเช่า
ป้าหมวยยยมองดูก้อนหินคู่กรณี หินยังอยู่ในสภาพเดิมไม่มีบุบสลาย มีแค่สีกันชนติดอยู่นิดหน่อย ช่างแข็งแกร่งจริง ๆ เลยนะคะ 555
ตำรวจใช้เวลาสอบสวนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง จากนี้บริษัทรถเช่ากับตำรวจจะประสานกันเองเกี่ยวกับเอกสารรับรองอุบัติเหตุจราจร (交通事故証明書 Kōtsū Jiko Shōmeisho) และหากไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ และรถยังวิ่งได้ก็ไปต่อได้เลยค่ะ
ตัวอย่างเอกสารรับรองอุบัติเหตุจราจร จาก https://www.jsdc.or.jp/
ในวันคืนรถเช่า ป้าหมวยยยเติมน้ำมันเต็มแล้วก็คืนรถตามปกติ เพราะทางสขาที่รับคืนได้รับแจ้งเกี่ยวกับอุบัติเหตุเรียบร้อยแล้ว และได้ซื้อประกันเสริมภาคสมัครใจไว้ด้วยทำให้การคืนรถราบรื่นไม่เสียเวลาค่ะ
อ้อ ป้าสงสัยว่า ถ้าซ่อมแผลถลอกตรงกันชนที่ญี่ปุ่นจะราคาประมาณเท่าไรเลยลองไปค้นดู ปรากฏว่าราคาคร่าว ๆ คิดเป็นเงินไทยแล้วแพงกว่าในไทย 2 – 3 เท่าทีเดียวนะคะ
• กรณีที่ 1 ซ่อมแผลและทำสีบางส่วนแบบไม่ถอดกระจังหน้าหรือกันชน
อู่ราคาถูก 15,000 – 25,000 เยน / อู่ทั่วไป 20,000 – 30,000 เยน / อู่ดีลเลอร์ไม่รับทำ
• กรณีที่ 2 ซ่อมแผลและทำสีบางส่วนแบบถอดกระจังหน้าหรือกันชน
อู่ราคาถูก 20,000 – 45,000 เยน / อู่ทั่วไป 25,000 – 50,000 เยน / อู่ดีลเลอร์ 40,000 เยนขึ้นไป
• กรณีที่ 3 ซ่อมแผลและทำสีทั้งหมดแบบถอดกระจังหน้าหรือกันชน
อู่ราคาถูก 35,000- 65,000 เยน / อู่ทั่วไป 40,000 – 70,000 เยน / อู่ดีลเลอร์ 60,000 เยนขึ้นไป
(ข้อมูลจาก http://satoucar-style.com/bumper-scratches-repair/)
สรุปว่า เคสอุบัติเหตุของป้าเป็นแบบเบา ๆ ไม่มีการบาดเจ็บแค่รถเสียหายนิดหน่อย และเหตุการณ์ไม่ซับซ้อน ไม่มีคู่กรณีจึงไม่ยุ่งยากค่ะ ยังดีที่ป้าได้ภาษาญี่ปุ่นเล็กน้อยพอจะสื่อสารกับตำรวจและบริษัทรถเช่าได้ด้วยตัวเอง แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องภาษาขอแนะนำให้พยายามหาผู้ช่วยเหลือจะดีกว่าค่ะ
มาพูดถึงเรื่องประกันรถเช่ากันค่ะ ป้าหมวยยยไม่ขอพูดถึงวิธีทำใบขับขี่สากล (International Driving Permit = IDP) การจองรถเช่า การรับและคืนรถนะคะ หาดูในเน็ตมีเยอะแยะ
ประกันรถเช่าในญี่ปุ่น
ปกติในการเช่ารถที่ญี่ปุ่นกับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องจะมีประกันอุบัติเหตุพื้นฐานพ่วงอยู่แล้ว ซึ่งเป็นประกันแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก (Excess / Deductible) คือถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนเกิดความเสียหายขึ้นกับทรัพย์สินของบุคคลที่สามและ/หรือรถยนต์ โดยผู้ขับขี่ที่ทำสัญญาเช่ารถเป็นฝ่ายผิด ผู้ขับขี่จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนนี้แก่บริษัทรถเช่าตามจริงแต่สูงสุดไม่เกินวงเงินที่กำหนด เช่น Toyota Rent a Car กำหนดไว้ที่ 50,000 เยนสำหรับทรัพย์สิน และ 50,000 เยนสำหรับความเสียหายของรถยนต์ (ถ้าเกิดความเสียหายทั้งสองอย่างก็เสียสูงสุดหนึ่งแสนเยน)
นอกจากนี้บริษัทรถเช่าอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกตัว คือ ค่า NOC (Non-Operating Charge) หรือค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ คือถ้ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ถูกโจรกรรม หรือเกิดความสกปรก ความเสียหาย หรือเหตุอื่น ๆ ที่ทางบริษัทรถเช่าพิจารณาแล้วว่า ต้องเอารถไปเข้าอู่ซ่อมหรือทำความสะอาดเพิ่มเติม ที่ทำให้นำรถไปให้ผู้อื่นเช่าต่อไม่ได้ กรณีนี้ผู้เช่าต้องชำระ 20,000 เยนในกรณีที่รถยังวิ่งได้และสามารถนำไปคืนที่ปลายทางได้ตามกำหนด หรือชำระ 50,000 เยน ในกรณีรถวิ่งไม่ได้หรือนำไปคืนที่ปลายทางไม่ได้
ดังนั้น แม้มีประกันรถยนต์พื้นฐาน ทางผู้เช่ามีโอกาสต้องเสียจำนวนเงินจำนวนไม่น้อยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากทำประกันเดินทางที่มีผลประโยชน์ชดเชยความเสียหายส่วนแรกสำหรับรถเช่าไว้ ก็สามารถเรียกร้องสินไหมของเงินคืนได้แต่อาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทรถเช่ามักเสนอให้ผู้เช่าเข้าร่วมโปรแกรมโดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจากค่าเช่ารถตามความสมัครใจค่ะ
“โปรแกรมยกเว้นค่าเสียหายส่วนแรก” หรือ Collision Damage Waiver (CDW) คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก และอาจมีวงเงินความคุ้มครองสูงกว่าประกันพื้นฐาน โดยจะคิดอยู่ขั้นต่ำที่ประมาณ 1,000 เยน + ภาษี/24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามบริษัทรถเช่าบางแห่งอาจไม่ยินยอมให้ผู้เช่าร่วมโปรแกรม CDW หากไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาของบริษัท เช่น มีใบขับขี่น้อยกว่า 1 ปี หรืออายุต่ำกว่า 21 ปี หรือมีประวัติอุบัติเหตุรุนแรงจากการละเลยกฏจราจร
“โปรแกรมยกเว้นค่า NOC” คือ ผู้เช่าไม่ต้องเสียค่าความเสียหายทางธุรกิจ เมื่อบริษัทรถเช่านำรถไปให้ผู้อื่นเช่าต่อไม่ได้ตามรายละเอียดข้างต้น คิดอยู่ที่ 500 เยน + ภาษี/24 ชั่วโมง
โปรแกรมทั้งสองแล้วแต่ความสมัครใจของผู้เช่าโดยมีชื่อแตกต่างกันไปตามบริษัทเช่ารถ แต่หลักการจะคล้าย ๆ กันค่ะ บางทีก็จะมีชื่อเฉพาะที่รวมทั้งสองโปรแกรมไว้ และมักครอบคลุมค่าซ่อมปะยางและฝาครอบล้อสูญหาย ซึ่งปกติจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบเอง
***กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองประกันและโปรแกรมที่เข้าร่วมจากบริษัทรถเช่า รวมทั้งข้อยกเว้นและข้อพึงปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง***
ป้าขอแนะนำให้ผู้เช่าเข้าร่วมโปรแกรมยกเว้นค่าใช้จ่ายทั้งสองตัวไปเลย จ่ายราว ๆ 500 บาท/วัน เพื่อลดโอกาสเสียเงินก้อนใหญ่และความยุ่งยากที่จะตามมาค่ะ
อย่างไรก็ตามมีอุบัติเหตุหลายกรณีที่ประกันจะไม่ครอบคลุมนะคะ เช่น
• เกิดอุบัติเหตุแต่ไม่ได้แจ้งตำรวจ (ไม่มีเอกสารรับรองอุบัติเหตุจราจร)
• อุบัติเหตุที่เกิดจากการละเมิดเงื่อนไขสัญญาเช่ารถ เช่น ให้บุคคลที่ไม่ได้แจ้งให้บริษัทรถเช่ารับทราบล่วงหน้าเป็นผู้ขับ หรืออุบัติเหตุที่เกิดในช่วงเช่ารถเกินเวลาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทรถเช่า หรือการละเลยข้อตกลงว่าด้วยการดูแลรถยนต์ในเงื่อนไขประกัน เป็นต้นว่า ละเลยเสียบกุญแจทิ้งไว้จนรถถูกขโมย
• อุบัติเหตุที่เกิดจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้ขับขี่ เช่น ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ การดื่มสุราขณะขับรถ ฯลฯ
สิ่งที่ต้องทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ขอสรุปคร่าว ๆ เมื่อเช่ารถขับที่ญี่ปุ่น สิ่งที่ต้องปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ คือ
ขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (ภาพจาก http://www.r-sinoka.co.jp)
1. ถ้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บก่อน (โทร 119 เพื่อเรียกรถพยาบาล)
2. โทรแจ้งตำรวจ ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถจนกว่าตำรวจจะมา
3. โทรแจ้งบริษัทเช่ารถถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
เนื้อหาที่ควรแจ้งรถพยาบาล ตำรวจ และบริษัทรถเช่า
ก่อนโทรเรียกรถพยาบาล ตำรวจและบริษัทเช่ารถ ขอให้ตั้งสติ ตระเตรียมเนื้อหาที่ต้องแจ้งล่วงหน้า เวลาเขาถามจะได้ไม่ลนลานนัก ถ้าพอจะหาคนญี่ปุ่นแถว ๆ นั้นช่วยเหลือได้ยิ่งดี เพื่อลดปัญหาการสื่อสารทางโทรศัพท์ หรือบริษัทรถเช่าบางแห่งอาจมีบริการล่ามให้ความช่วยเหลือในเวลาทำการ
• อธิบายเหตุการณ์ย่อ ๆ
• มีผู้บาดเจ็บหรือไม่ อาการเป็นอย่างไร ช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างไรไปแล้ว
• สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน
• ความเสียหายของทรัพย์สินและรถยนต์เบื้องต้น (เมื่อแจ้งตำรวจและบริษัทรถเช่า)
• ได้แจ้งใครไปแล้วบ้าง (รถพยาบาล/ตำรวจ/บริษัทรถเช่า)
• ชื่อผู้แจ้ง เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ติดต่อได้ (ถ้าเป็นเบอร์มือถือของไทย อาจต้องแจ้งรหัสประเทศ +66 ด้วย)
เอกสารที่ควรเตรียมเพื่อแสดงให้ตำรวจ
ระหว่างรอตำรวจมาถึง ให้เตรียมเอกสารหลักฐานไว้ ทั้งของผู้ขับหลักและผู้ขับสำรอง ได้แก่
• พาสปอร์ต (ตำรวจอาจร้องขอดูพาสปอร์ตของผู้โดยสารด้วย)
• ใบขับขี่ไทย
• ใบขับขี่สากล
• เอกสารเกี่ยวกับรถที่อยู่ในลิ้นชักหน้ารถ
• เอกสารหลักฐานการเช่ารถ
สำหรับใบขับขี่ไทย หลายท่านบอกว่าไม่ต้องเอาไปก็ได้เพราะบริษัทรถเช่าไม่ดู แต่ป้าหมวยยยยแนะนำว่า ให้เอาไปด้วยค่ะ เพราะโดยหลักการแล้ว ใบขับขี่สากลจะต้องใช้ควบคู่กับใบขับขี่ตัวจริงที่ออกในประเทศที่ผู้ถือมีถิ่นที่อยู่ ดังนั้นถ้าบริษัทรถเช่าหรือตำรวจร้องขอแต่ไม่มีให้ดูอาจเป็นปัญหาได้นะคะ
ใน Wikipedia หัวข้อ International Driving Permit ระบุไว้ว่า “To be valid, the IDP must be accompanied by a valid driving license issued in the applicant’s country of residence.”
ตัวอย่างคำถามที่ตำรวจอาจสอบถาม
ขอให้ตั้งสติ เรียบเรียงเหตุการณ์และช่วงเวลาเพื่อเตรียมอธิบายให้ตำรวจ สำหรับรถยนต์ ควรจอดคงลักษณะที่เกิดเหตุไว้อย่างนั้นก่อน จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากตำรวจให้เคลื่อนย้ายรถ
• บริษัทรถเช่า สาขาและวันที่รับกับคืนรถ
• กำหนดการเดินทางคร่าว ๆ สถานที่พักแรม
• สถานที่ไปก่อนหน้าจะมายังสถานที่เกิดเหตุ
• เวลาที่เดินทางมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ลักษณะรถก่อนเกิดเหตุ
• เวลาที่เกิดเหตุ รายละเอียดเหตุการณ์
• เวลาที่โทรแจ้งตำรวจ ระยะเวลาที่คุย หลังเกิดเหตุการณ์นานเท่าไรจึงจะโทรไป
• การติดต่อแจ้งบริษัทรถเช่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุ
ที่ตำรวจถามละเอียด ทั้งนี้เพื่อบันทึกข้อเท็จจริง และตรวจสอบการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ๆ เช่น สิทธิพำนักในญี่ปุ่นของผู้ขับขี่ การถือใบอนุญาตขับรถ การฝ่าฝืนละเลยกฎระเบียบจราจร ฯลฯ และจะบันทึกเหตุการณ์เพื่อออกเอกสารรับรองอุบัติเหตุจราจร ซึ่งทางบริษัทรถเช่าจำเป็นต้องใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับประกันและระบบชดเชยความเสียหายค่ะ
นอกจากนี้ หากเอากล้องติดหน้ารถยนต์ไปด้วยก็เป็นความคิดที่ดี นอกจากเก็บบรรยากาศทิวทัศน์ขณะขับรถแล้ว ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดปัญหาการสื่อสารเมื่อต้องอธิบายเหตุการณ์ได้ด้วย
การติดตั้งกล้องติดรถยนต์เป็นความคิดที่น่าสนใจเวลาไปขับรถที่ญี่ปุ่น
เอาประสบการณ์ระทึกเบา ๆ ของป้าหมวยยยมาแชร์ให้อ่านกันแล้ว ถ้ามีแผนจะขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นก็อย่าเพิ่งกลัวจนถอดใจนะคะ พึงศึกษารักษากฎ ระมัดระวัง และมีมารยาทในการขับรถที่ดีไว้ อย่าให้มีอุบัติเหตุ ก็สามารถมีความสุขกับประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์ที่แตกต่างจากการใช้รถสาธารณะได้ค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– เล่าเรื่องเมื่อป้าหมวยยยป่วยที่ญี่ปุ่น
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 6 : อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น (ภาคปลาย)
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 6 : อนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ 26 นักบุญมรณสักขีแห่งญี่ปุ่น (ภาคต้น)
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 5 : สัมผัสเรือเจ็ตฟอยล์ นิทรรศการเลโก้ และพิพิธภัณฑ์นักบุญกอลเบ
– เหงื่อโชกชมโบสถ์มรดกโลกนางาซากิ ตอนที่ 4 : ขับรถเที่ยวทั่วเกาะฟุคุเอะ (ภาคต้น)
ข้อมูลจาก
-https://www.kicc.jp/en/living/troubles/accident
-https://www.angloinfo.com/how-to/japan/transport/driving/road-accidents
-https://www.jsdc.or.jp/en/tabid/145/Default.aspx
-https://rent.toyota.co.jp/global_eng/guide/insurance.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/International_Driving_Permit
#ขับรถเช่า #Self-drive #รถเช่าญี่ปุ่น