วันนี้จะพามาทำความรู้จักกุมารทองญี่ปุ่นพร้อมกับแนะนำหนึ่งในโรงแรมที่ได้ชื่อว่ามีตำนานของ Zashiki-warashi ชื่อ Hotel Shojuen
ทุกคนเคยทราบกันไหมคะ ว่าตำนานกุมารทองนั้นไม่ได้มีเฉพาะที่บ้านเราเท่านั้น แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็มีความเชื่อเรื่องกุมารทองเช่นกัน คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า Zashiki-warashi (座敷童子) โดยถูกจัดให้เป็นภูติผีปีศาจที่มาดี ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน
วันนี้จะพามาทำความรู้จักกุมารทองญี่ปุ่นพร้อมกับแนะนำหนึ่งในโรงแรมที่ได้ชื่อว่ามีตำนานของ Zashiki-warashi ชื่อ Hotel Shojuen อยู่ในเมืองมินาคามิ จังหวัดกุนมะ ทั้งนี้ทั้งนั้นถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น หากไม่เชื่อก็ไม่ควรที่จะหลบหลู่ท่านนะคะ
ที่มาของ Zashiki-warashi
ว่ากันว่าตำนานกุมารทองญี่ปุ่นนี้ เริ่มแรกอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะ จากนั้นก็ค่อยๆ กระจายไปยังอาโอโมริ มิยางิ อาคิตะ และจังหวัดต่างๆ ในโทโฮขุ
คำว่า Zashiki-warashi มาจากการรวมกันของคำว่า Zashiki (座敷) ที่แปลว่า ห้องที่มีเสื้อทาทามิในบ้านญี่ปุ่นโบราณเอาไว้ต้อนรับแขก กับคำว่า Warashi (童子) ที่แปลว่า เด็ก ซึ่งเป็นภาษาโบราณของภูมิภาคโทโฮขุนั่นเอง โดยถือเป็นเทพารักษ์ หากไปอยู่บ้านหลังไหนจะมีความเชื่อว่าให้โชคลาภมหาศาล พร้อมทั้งความมั่งคั่งมายังผู้อยู่อาศัย
ลักษณะของ Zashiki-warashi
คนญี่ปุ่นเชื่อว่า Zashiki-warashi จะอยู่ในรูปร่างของเด็กอายุราวๆ 3-15 ปี ผมสีแดงทรงบ๊อบแต่ก็จะแตกต่างไปตามบ้านที่อาศัยอยู่ มีทั้งเพศชายและเพศหญิง หากเป็นเด็กผู้ชายจะสวมชุดกิโมโนสีดำลายทาง ส่วนเด็กผู้หญิงจะสวมกิโมโนสีแดง ชอบวิ่งเล่นส่งเสียงหัวเราะ คอยป้องกันภัยอันตรายรวมถึงสิ่งชั่วร้ายที่เข้ามายังบ้าน มักจะเลือกอยู่ตามบ้านที่ค่อนข้างเก่า และจะมีห้องโปรดหรือมุมที่ชอบอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ในบ้านหนึ่งหลังสามารถอยู่ได้มากกว่า1ตน
ตำนานโรงแรม Shojuen
เจ้าของโรงแรมคุณนามาซึเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนช่วงที่บรรพบุรุษของเขาอาศัยอยู่ที่นี่มีมาเข้าฝันว่าใต้บริเวณนี้มีเงินมีทองอยู่ในไหให้ไปลองขุด พอไปขุดจริงๆ ก็มีสมบัติฝังอยู่จริง หลังจากนั้นจึงได้สร้างเป็นศาลเจ้าฮะจิมันในบริเวณพื้นที่ของโรงแรมเพื่อเป็นการสักการะบูชามาจนถึงปัจจุบันค่ะ หากมาพักที่โรงแรมนี้เราควรที่จะมาทำความเคารพที่ศาลเจ้านี้ก่อนค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นในห้องพักของโรงแรมจะมีการเตรียมแผ่นป้ายไม้เอมมะ ซึ่งเป็นป้ายที่เขียนคำขอพรต่างๆ ได้ หลังจากที่เราเขียนเสร็จแล้วก็สามารถมาแขวนป้ายที่บริเวณศาลเจ้านี้ได้ค่ะ
สำหรับตำนาน Zashiki-warashi ของโรงแรมนี้ เดิมทีไม่ทราบมาก่อนว่าท่านอยู่ จนกระทั่งแขกที่มาพักก็เล่าให้ฟังว่าได้เจอ โดยมีทั้งหมด 3 ตนด้วยกัน เป็นเด็กผู้หญิง 1 ตนมักจะเล่นอยู่บริเวณศาลเจ้า ส่วนเด็กผู้ชาย 2 ตนจะอยู่ในบริเวณที่พัก
ส่วนอีกที่ที่มักจะพบบ่อยๆ คือบริเวณตู้กดน้ำอัตโนมัติที่อยู่ภายในโรงแรม โดยคนที่เจอมาพักเล่าให้ฟังว่ากำลังยืนลังเลอยู่ว่าดื่มอะไรดี แล้วท่านมากระซิบว่า “น้ำอัดลม” ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มาจะได้เห็นหรือได้ยินกุมารทองญี่ปุ่นง่ายๆ นะคะ แต่ต้องเป็นท่านที่มีโชคลาภเท่านั้นถึงจะได้พบเจอค่ะ
ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น
ในส่วนของห้องพักนั้น ค่อนข้างกว้างขวาง มีทั้งโซนห้องนอนที่เจ้าหน้าที่จะมาปูฟูกนอนให้ โซนนั่งเล่นทานขนมจิบชาและโซนดูโทรทัศน์ หากเปิดหน้าต่างก็จะพบกับสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นด้วยค่ะ สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือ โดยปกติแล้วหากไปพักตามโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น มักจะมีขนมประจำถิ่นนั้นๆ วางต้อนรับ
แต่ที่นี่จะเป็นมะเขือเทศสดๆ ที่เจ้าของปลูกและเก็บทุกเช้า โดยจะเป็นพันธุ์ที่รูปทรงคล้ายกับสตรอเบอร์รี่ รสชาติออกหวานอร่อยมากๆ เลยค่ะ สำหรับช่วงนี้ที่โควิดยังระบาดอยู่ทางโรงแรมมีมาตรการการป้องกันที่ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ของทุกอย่างมีการซิลถุงหมดและหากมีใครมาพักแล้วในวันที่เช็คอินออกไปจะทำการฆ่าเชื้อและเว้น1วันก่อนที่จะให้พักที่ห้องนั้นได้ด้วยค่ะ
ออนเซ็นส่วนตัว
เนื่องจากภายในห้องพักจะมีเพียงอ่างล้างมือกับห้องน้ำเท่านั้น หากต้องการอาบน้ำและแช่ออนเซ็นเราจะต้องไปใช้บริการในส่วนรวม ซึ่งเราคนไทยอาจจะไม่ชินหรือเขินอายที่จะไปอาบน้ำร่วมกันคนอื่นที่ไม่รู้จัก หรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงที่เราไปทริปด้วยกัน ที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์มากๆ เพราะจะมีส่วนของออนเซ็นส่วนตัวที่สามารถไปใช้บริการได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่จะไม่ได้เป็นระบบจองล่วงหน้า คือจะมีป้ายแขวนอยู่หน้าห้อง หากไม่มีใครใช้อยู่เราก็สามารถไปใช้บริการได้ทันที ทั้งนี้มีทั้งหมด 2 ห้อง 2 บรรยากาศให้เลือกตามชอบค่ะ
มื้ออาหารแสนอร่อย
บรรยากาศโดยรวมของโรงแรม ที่พักและออนเซ็นเป็นที่น่าประทับใจแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจมากๆ ก็คงจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากมื้ออาหารแสนอร่อย สำหรับมื้อค่ำที่นี่จะมีให้เลือกว่าทานเป็นเนื้อวัววากิวหรือเนื้อหมูแบรนด์ขึ้นชื่อของจังหวัดกุนมะ เสิร์ฟปลาแซลมอนดิบที่มีชื่อเสียง อีกทั้งหม้อชาบูร้อนๆ หอมส้มยุซึ หากมีอาหารที่ทานไม่ได้ หรือแพ้ สามารถแจ้งล่วงหน้าตอนจองได้เลยค่ะ ทางโรงแรมจะจัดอาหารที่เหมาะกับผู้พักทุกๆ ท่านเลยค่ะ
ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่พักที่ใส่ใจรายละต่างๆของลูกค้ามากๆ และหากต้องการจะไปขอพร อย่างมีบุตรหรืออยากเจอกุมารทองญี่ปุ่นเพื่อความมงคลก็อย่าลืมพกขนมหรือของเล่นติดไม้ติดมือไปด้วยนะคะ ทั้งนี้ในส่วนของขนม ของทาน ทางโรงแรมจะนำไปบริจาคต่อให้กับสถานสงเคราะห์เด็ก ส่วนของเล่นหรือของใช้จะนำไปเผาที่ศาลเจ้าตามเทศกาลประจำปีด้วยค่ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บโรงแรม (ภาษาอังกฤษ)
https://shojuen.com/EN/
เรื่องแนะนำ :
– สาเกที่อยากให้ผู้ดื่มมีความสุขที่สุด
– เกษตรกรแนวใหม่คิดนอกกรอบ
– ทุ่งดอกทานตะวัน 2 แสนต้นที่มากกว่าแหล่งท่องเที่ยว
– 1 วันแสนสนุกในเมืองมินาคามิ
– พายคายัคที่ฟินที่สุดในชีวิตที่เมืองมินาคามิ จังหวัดกุนมะ
#Hotel Shojuen โรงแรมตำนานกุมารทองญี่ปุ่น