มาติดตามเส้นทางท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุกันต่อเลยจ้า ซึ่งครั้งนี้เราจะมาแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว มาดูกันสิว่าหน้าหนาวของโทโฮขุ มีสถานที่ท่องเที่ยวไหน น่าสนใจกันบ้างงงงง
มาติดตามเส้นทางท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุกันต่อเลยจ้า ซึ่งครั้งนี้เราจะมาแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว มาดูกันสิว่าหน้าหนาวของโทโฮขุ มีสถานที่ท่องเที่ยวไหน น่าสนใจกันบ้างงงงง
สำหรับเส้นทางที่จะแนะนำในครั้งนี้ จะเหมาะกับนักท่องเที่ยวสายแข็งนึดนึง คือชอบการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เช่ารถขับได้ และไม่หวั่นกับเส้นทางที่โรยไปด้วยเกล็ดหิมะ (^^)” อันที่จริง… นั่งรถไฟไปก็ได้ นั่งรถบัสไปก็ดี แต่เส้นทางนี้.. ถ้าขับรถเที่ยวเอง จะสะดวกสุดๆ ไปเลย!
แต่ก็ขอย้ำว่า ต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการขับรถท่องเที่ยวเองหน่อยนะ สำหรับมือใหม่ไม่แนะนำให้ขับ นั่งรถบัสหรือรถไฟแล้วต่อรถเอาจะดีกว่า เพราะช่วงฤดูหนาว ถนนหนทางก็จะดูแปลกไป แถมถนนก็อาจจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่สูง แค่อยากแนะนำว่า เส้นทางนี้ ถ้าขับรถไป มันสะดวกกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ชิลมากกว่า ถ้าทำได้ มันคือดี!!!
ถ้าใครจะเช่ารถขับ เริ่มเช่าจากที่ Fukushima แล้วขับเที่ยวตามเส้นทางที่แนะนำนี้ ขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ก่อนจะคืนรถ แล้วขากลับก็นั่งรถไฟกลับมาที่ Tokyo ได้นะ จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป และวิธีค้นหาเส้นทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น ก็ใช้วิธี search “Mapcode” ระบุสถานที่ลงไปในเครื่องมือที่มากับรถที่เราเช่าได้เลย ง่ายมากๆ
ค้นหา Mapcode ได้ที่นี่เลยนะ (^^) >> https://japanmapcode.com/en
ส่วนใครไม่ถนัดขับรถเที่ยว ก็เดินทางตามเส้นทางรถไฟไปด้วยกันเลยจ้า เอาล่ะ! ไปลุยกันเล้ย!!
Tadami Bridge
Credit Photo: ©kenkou hoshi/©JNTO
มาเริ่มกันที่ทางตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮขุ จุดชมวิวเก๋ๆ ของจังหวัด Fukushima บริเวณแม่น้ำ Tadami มีสะพาน Tadami Bridge เป็นจุดไฮไลท์ในฤดูหนาวที่สวยแบบว่า.. โรแมนติกมากๆ ยิ่งเวลาที่มีรถไฟวิ่งผ่านด้วยนะ วิวชวนฝัน เหมาะสำหรับคนช่างเพ้ออย่างเรามากๆ (ที่จริงแล้ว ฤดูอื่นๆ จุดนี้ก็สวย ขอบอก! แฟนคลับรถไฟ ไม่ควรพลาด)
สะพาน Tadami หรือ Daiichi Tadami River Bridge เป็นสะพานยาว 174 เมตร ของเส้นทางเดินรถไฟท้องถิ่นสาย JR Tadami Line ซึ่งวิ่งผ่านหุบเขา Tadami วิวธรรมชาติสองข้างทางจึงงดงาม เป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์มากๆ และในช่วงฤดูหนาว เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสายสำคัญมากสำหรับคนที่นี่ เพราะเส้นทางคมนาคมอื่นๆ จะเข้าถึงได้ยาก เนื่องจากปริมาณหิมะที่ตกหนักในบริเวณนี้นั่นเอง
สำหรับผู้ที่จะมาเที่ยวชมสะพานแห่งนี้ ก็แนะนำให้แวะไปที่ No.1 Tadami River Bridge Viewpoint เพราะจากจุดนี้ จะมองเห็นสะพาน Tadami และวิวธรรมชาติรอบๆ แบบเต็มๆ ตา ช่างภาพจากทั่วโลกก็จะไม่พลาดมาถ่ายรูปกันที่มุมนี้แหล่ะ
นอกจากช่างภาพจากทั่วโลกแล้ว แฟนพันธุ์แท้รถไฟก็จะรู้จักมุมนี้กันเป็นอย่างดี เนื่องจากเวลาที่เงาของสะพานนี้สะท้อนเป็นมุมโค้งสวยรับกับแม่น้ำ ตอนที่เนินเขาโดยรอบถูกปกคลุมด้วยหิมะ แล้วมีรถไฟวิ่งผ่าน มันสมบูรณ์แบบ และเท่มากๆ เลยล่ะ จะดูให้สวย ก็ต้องมาที่จุดนี้!
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Kawai, Mishima, Onuma, Fukushima
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี JR Aizu-Wakamatsu (Tadami Line) มาลงที่สถานี JR Aizu-Miyashita แล้วนั่งรถบัสจากสถานีไปลงที่ป้าย Michi-no-Eki Ozekaido Mishima-juku (เป็นจุดพักรถที่สะดวกสบายมากๆ) แล้วเดินประมาณ 10 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว
Mapcode (ขับรถเอง) : 397 201 873*14 (Viewpoint) / 397 230 718*28 (Bridge)
เว็บไซต์ : https://okuaizu.net/
Ouchi Juku Snow Festival (Minamiaizu-gun, Fukushima)
Credit Photo: https://www.tif.ne.jp/houjin/photo/index.html
ฤดูไหนๆ ในญี่ปุ่น ก็จะขาดงานเทศกาลไปไม่ได้!
มาเที่ยวโทโฮขุในฤดูหนาว เราก็ต้องแวะไปเที่ยวเทศกาลหิมะกันหน่อยสิจ้ะ และที่ Fukushima นั้น ก็มี Ouchi Juku Snow Festival ให้เราได้เที่ยวกัน โดยงานนี้จะจัดขึ้นราวๆ สุดสัปดาห์ที่สองของเดือนก.พ. ดังนั้นเส้นทางท่องเที่ยวฤดูหนาวที่เราแนะนำในครั้งนี้ก็ควรเดินทางกันในช่วงสัปดาห์นั้นนั่นแหล่ะ (^^)
ที่หมู่บ้านโบราณ Ouchi Juku แห่งนี้ ในสมัยเอโดะเคยเป็นจุดพักค้างแรมที่คอยต้อนรับนักเดินทางทุกชนชั้น (เฟื่องฟูมากในศตวรรษที่ 17) และในปี พ.ศ. 2524 ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ จึงยิ่งเป็นจุดดึงดูดใจนักท่องเที่ยว
ในช่วงที่เทศกาลหิมะนี้ถูกจัดขึ้น ภายในหมู่บ้านมีกิจกรรมที่หลากหลาย และมีอาหารอร่อยๆ มาให้เลือกลิ้มลองมากมาย แถมตกค่ำยังมีแสงเทียนที่ถูกจุดในโคมไฟหิมะมาประดับประดาให้ดูโรแมนติกยิ่งขึ้น ในวันเสาร์ (วันแรกของการจัดงาน) ก็มีการจุดดอกไม้ไฟให้ชมด้วย ยิ่งกลายเป็นงานที่ได้รับความนิยมเข้าไปอี๊กกกก
เอาเป็นว่า ในช่วงเทศกาล ที่นี่เหมาะมากๆ ที่จะมาเดินเล่นชมเมืองตอนกลางวันกับแก๊งค์เพื่อน ส่วนยามค่ำคืนก็เหมาะสุดๆ กับการควงแขนเดินเล่นกับคนรัก หุๆ (^^)
ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : Shimogo-machi Ouchi, Minamiaizu-gun, Fukushima
วันจัดงาน : สุดสัปดาห์ที่สองของเดือนก.พ.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ถ้ามารถไฟก็สามารถนั่งสาย Aizu Line จากสถานี JR Aizu-Wakamatsu ไปลงที่สถานี Yonokami Onsen แล้วต่อแท็กซี่จากสถานีไป (ประมาณ 15 นาที) เพราะช่วงเดือนธ.ค. – มี.ค. ไม่มีรถเมล์บริการไปที่หมู่บ้าน Ouchi Juku จ้า
(ช่วงเทศกาลจะมีบริการรถ Shuttle bus สาย Saruyu 「猿遊号」)
Mapcode (ขับรถเอง) : 433 583 408*25
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_10056.html
Zao Fox Village
Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1004604.html
จากจังหวัด Fukushima เราสามารถขับรถต่อขึ้นไปยังจังหวัดทางตอนเหนือที่อยู่ติดกัน นั่นก็คือจังหวัด Miyagi และที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจคนที่ชอบความน่ารัก มุ้งมิ้งอยู่ด้วย นั่นก็คือหมู่บ้านของเจ้าจิ้งจอก (Zao Fox Village) ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตสุดน่ารัก เจ้าจิ้งจอกนั่นเอง (^^)
ที่นี่ มีน้องจิ้งจอก 6 สายพันธุ์ ที่ถูกปล่อยให้อาศัยอยู่อย่างอิสระกว่า 100 ตัว เวลาที่เราเดินเล่นอยู่ที่นี่ ก็จะเห็นเจ้าจิ้งจอกขี้สงสัยเหล่านี้คอยแอบดูเราบ้าง คอยสะกดรอยตามเราบ้าง น่ารักมากๆ เลย
โดยเฉพาะเจ้าจิ้งจอกแดงขนฟูฟ่อง ที่ดูโดดเด่นมากยามที่ออกมาเดินอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน ใครเห็น ใครก็รัก ถือเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนแถบโทโฮขุในช่วงหน้าหนาว
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 11-3 Kawarago, Fukuokayatsumiya, Shiroishi, Miyagi
เปิดบริการ : กลางมี.ค. – พ.ย. เปิด 09.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 16.30 น.) / ธ.ค. – ม.ค. เปิด 09.00 – 16.00 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 15.30 น.) / ก.พ. – กลางมี.ค. เปิด 09.00 – 16.30 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 16.00 น.)
หยุดทุกวันพุธ (แต่ถ้าพุธเป็นวันหยุดราชการ ก็จะเปิดบริการ) และเปิดทุกวันในเดือนก.พ. และส.ค.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็กต่ำกว่า 12 ขวบ เข้าชมฟรี
การเดินทาง : จุดนี้ถ้ามาจากสถานี Sendai ก็นั่งมาลงสถานี Shiroishi (Tohoku Line) แล้วต่อแท็กซี่ประมาณ 25 นาที หรือถ้าเป็นวันอังคารและวันศุกร์จะมีรถ Castle Kun Bus วิ่งมาจากสถานี Shiroishi ด้วย
Mapcode (ขับรถเอง) : 569 139 481*63
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1239.html
Zao Snow Monsters
Credit Photo: marumura
ไปต่อที่จังหวัด Yamagata ซึ่งอยู่ข้างเคียงกับจังหวัด Miyagi เพราะถ้าพูดถึงฤดูหนาวของภูมิภาคโทโฮขุ ก็ต้องไปชมปีศาจหิมะ/ปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monsters หรือ Ice Monsters) ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Juhyo” และจุดที่สามารถชม Snow Monsters ได้แบบแจ่มๆ แถวนี้ ก็ต้องเป็นที่ Mt. Zao (Miyagi Zao และ Yamagata Zao) หรือ Zao Snow Monsters นั่นเอง ซึ่งว่ากันว่าจุดนี้ โดยเฉพาะช่วงต้นก.พ. มีให้ชมเยอะมากๆ เลยนะ!
Juhyo หรือปีศาจหิมะนั้นก็คือรูปร่างของต้นไม้ (ต้นสน) ที่ถูกทับถมด้วยหิมะ จนมีลักษณะประหลาด คล้ายกับปีศาจ ถ้าบริเวณไหนมีต้นสนเยอะ ก็จะมีปีศาจหิมะอยู่กันเป็นกองทัพเลยทีเดียว เป็นทัศนียภาพที่แปลกตา หาชมได้เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น และถ้าวันไหนฟ้าเปิด มีแสงแดดส่องมากระทบเหล่าปีศาจหิมะ ก็จะยิ่งดูสวยมากๆ เลยล่ะ
สำหรับการชม Snow Monsters เราก็จะต้องนั่ง Zao Ropeway ขึ้นไปชมภูเขา แต่ถ้าเพื่อนๆ ท่านใด บ้าพลัง จะเดินเล่นชมปีศาจแบบ Trekking ก็ได้ มีคอร์สให้เลือกเดินแบบ 4 ชั่วโมงรวมที่พักอีกด้วย จัดไปตามที่ชอบเลยจ้า >> http://toocotton.jp/taiken_winter.html#XC
แล้วถ้ามีเวลาเที่ยวได้จนถึงช่วงหัวค่ำ (ธ.ค. – ปลาย ก.พ.) ที่นี่ ก็จะมี Light-up ปีศาจหิมะก็จะยิ่งดูเหมือนจริงเข้าไปอีก (โดยปกติแล้วจะมี Light-up ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รายละเอียดเพิ่มเติมและเดือนอื่นๆ ต้องเช็ควันในเว็บไซต์ >> https://zaoropeway.co.jp/winter/juhyo.php)
จุดนี้มีที่เล่นสกี สโนว์บอร์ด พวกกีฬาฤดูหนาวด้วยนะ ใครชอบ..ก็น่าเล่นอยู่ วิวดีทีเดียว และบริเวณใกล้ๆ กัน ก็คือ Zao Onsen ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนยอดนิยมของ Yamagata มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,900 ปี มีชื่อเสียงเรื่อง “บ่อน้ำแร่แห่งความงาม” ตามคุณสมบัติของน้ำแร่จากแหล่งนี้ การแวะพักค้างแรมที่นี่ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเชียวล่ะ (ไปดู Light-up สะดวกเลยทีนี้) ก็ใส่ลงไปในแผนการเดินทางกันได้! 😉
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Zao Onsen, Yamagata
เปิดบริการ : ตลอดปี
ค่าเข้าชม : ค่าขึ้น Ropeway จากสถานี Zao Sanroku ถึงสถานี Jizo Sansho (เที่ยวเดียว) ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 800 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yamagata แล้วต่อรถบัสจากสถานีมาลงที่ป้าย Zao Onsen (ประมาณ 45 นาที) หรือจะนั่ง Highway Bus จากสถานี Sendai มาก็ได้ ลงที่ป้าย Zao Onsen เหมือนกัน (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
Mapcode (ขับรถเอง) : 569 573 848*00
เว็บไซต์ : http://www.zao-spa.or.jp/english/
Ginzan Onsen
Credit photo: ©Daisuke Yatsui/©JNTO
นอกจาก Zao Onsen แล้ว ถ้าอยากจะสำรวจเมืองออนเซนกันต่อ แนะนำให้ขับรถขึ้นไปทางตอนบนของจังหวัด Yamagata อีกสักนิด เราจะได้พบกับเมืองออนเซนเก่าแก่ มีชื่อเสียง มีตำนาน น่าสนใจมากๆ อยู่ท่ามกลางหุบเขา ชื่อของเมืองนี้ก็คือ Ginzan Onsen ในจังหวัดยามากะตะ
กลุ่มของอาคารไม้เก่าแก่สไตล์ไทโชโรมัน (ส่วนใหญ่เป็นที่พัก) ที่เรียงรายกันอยู่สองฝั่งแม่น้ำ Ginzan ในเมืองออนเซนแห่งนี้นี่เองที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมือง
ยามค่ำจะมีแสงไฟนวลๆ ส่องลอดออกมาจากตัวอาคาร เป็นบรรยากาศที่โรแมนติก ละมุนละไม และมีมนต์ขลังมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวที่มีสีขาวๆ ของหิมะให้เห็นเป็นฉาก อยู่ตามเนินและป่าเขารอบๆ รวมทั้งบนหลังคาของหมู่อาคารไม้เหล่านั้นด้วย
มาใส่ชุดยูกาตะ เดินชมวิวเมืองออนเซนท่ามกลางหิมะที่มีเสน่ห์ สัมผัสลมหนาวในขณะที่แช่ออนเซนกลางแจ้ง… คือดีมากๆ เลยนะ
และ Ginzan Onsen นี้ยังเป็นฉากของละคร ภาพยนตร์ และเป็นแรงบันดาลใจในอนิเมชั่นของญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง ที่แน่ๆ ก็คือละครเรื่อง “โอชิน” ซึ่งเป็นละครย้อนยุค สู้ชีวิต (พล็อตมาจากเรื่องจริงด้วย) อยากให้ลองไปหาชมกันดูจริงๆ เรียกน้ำตาดีนักแล
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Ginzan Onsen, Obanazawa-shi, Yamagata
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : ฟรี (ส่วนค่าที่พักและค่าอาหาร ก็เลือกจากตามใจชอบได้เลย ที่พักดีๆ เพียบ!)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Oishida (Yamagata Shinkansen Line) นั่งรถบัสที่ระบุปลายทางว่า Ginzan Onsen มาประมาณ 40 นาที ไม่ต้องกลัวหลง เพราะลงป้ายสุดท้ายเลย สะดวกมากๆ
Mapcode (ขับรถเอง) : 720 859 092*25
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1265.html
Yokote Kamakura Snow Festival
Credit photo: https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_10012.html
ขยับขึ้นเหนือไปอีกหน่อย ไปกันที่จังหวัด Akita ที่นี่ก็มีเทศกาลหิมะเก๋ๆ ให้เที่ยวชมกันจ้า ชื่อว่า Yokote Kamakura Snow Festival
“Kamakura” ก็คือกระท่อมหิมะ/กระท่อมน้ำแข็ง หรืออิกลู (igloo) ที่ชาว Inuit (ชาวเอสกิโม) เรียกกันนั่นเอง พออธิบายแบบนี้ ก็คงจะนึกภาพกันออก ว่าเทศกาลหิมะนี้ เด่นเรื่องกระท่อมหิมะ
เทศกาลนี้มีมานานกว่า 400 ปี เกิดจากประเพณีที่ชาวเมืองสร้าง Kamakura เล็กๆ ขึ้นมา (สร้างเยอะเลยล่ะ) เป็นแท่นบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ เพื่อขอพรให้เมือง Yokote แห่งนี้มีน้ำกิน น้ำใช้ อุดมสมบูรณ์ ทำมาค้าขึ้น เก็บเกี่ยวได้ผลดี นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง Kamakura ขนาดใหญ่ ที่คนสามารถเข้าไปได้จริงๆ ด้วย
ในช่วงเทศกาลนี้ นักท่องเที่ยวอย่างเรา ก็เลยได้โอกาส สามารถเข้าไปสัมผัสประสบการณ์การนั่งเล่น จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ (Amasake) หรือกินอะไรร้อนๆ (โมจิย่าง) ภายใน Kamakura ได้ด้วย
ขอแอบกระซิบดังๆ ว่า… หากใครไม่ได้มาในช่วงเทศกาล Yokote Kamakura Snow Festival ก็สามารถไปชม Kamakura กันที่ Kamakurakan Hall แทนได้ ที่นี่จะเก็บรักษากระท่อมหิมะไว้ 2 หลัง ตลอดทั้งปี! ในห้องอุณหภูมิ -10 องศา นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสเห็นของจริงกัน
แต่ถ้ามาในช่วงเทศกาล มีการประดับแสงเทียน เห็นฉากหลังเป็นปราสาท Yokote มีกระท่อมหิมะมากมาย เป็นทุ่ง Kamakura เลยทีเดียว ก็จะดูสวยกว่า เราก็จะอินมากกว่าด้วย ว่ามะ?
ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : Komyoji Park, Chuomachi, Yokote, Akita
วันจัดงาน : 15 – 16 ก.พ. ของทุกปี
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Akita (JR Ou Main Line) มาลงที่สถานี Yokote แล้วนั่ง Shuttle Bus มาแป๊บเดียว (บริการฟรี เฉพาะในวันเทศกาล ตั้งแต่เวลา 17.40 – 21.00 น.) แต่ถ้าเดินมาจากสถานี ก็ประมาณ 10 นาที
Mapcode (ขับรถเอง) : 28 381 635*63
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_10012.html
Iwate Snow Festival
Credit Photo: marumura
แต่ถ้าพูดถึงงานเทศกาลหิมะ ก็ไม่ควรพลาด Iwate Snow Festival หรืองานเทศกาลหิมะของจังหวัด Iwate (อิวาเตะ) นั่นเอง
จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี แต่เดิมใช้พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของฟาร์มชื่อดังประจำจังหวัด “Koiwai Farm” ในการจัดงาน แต่ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป จะมีพื้นที่จัดงานรวมถึง 8 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมือง Shizukuishi หนึ่งในนั้นก็ยังเป็น Koiwai Farm แต่สถานที่จัดงานหลักก็คือที่ Iwate Kogen Snow Park
ภายในงาน มีรูปปั้นหิมะและคามาคุระ (kamakura) หรือกระท่อมหิมะ ให้ถ่ายรูปเล่นเยอะแยะ แต่ละปีก็จะมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ เขาวงกตที่สร้างจากกำแพงหิมะ มีแพยางที่ใช้สโนว์โมบิลลาก (คล้ายๆ บานาน่าโบ๊ท) อย่างสนุก! และคิวยาวมากๆ มีกิจกรรมบนเวทีที่คึกคักโดยตลอด มีรถไฟหิมะ มีรถม้าลากเลื่อน ฯลฯ แล้วก็ยังมีการจุดดอกไม้ไฟด้วยนะ (กรุณาตรวจสอบวันที่จุดดอกไม้ไฟล่วงหน้า เพราะไม่ได้จุดทุกวันจ้า)
ไฮไลท์หนึ่งอย่างของเทศกาลนี้ก็น่าจะเป็น ลานเล่น sledge (เลื่อน) ซึ่งได้รับความนิยมสุดๆ และแม้คิวจะยาวเหยียดกว่าแพยางที่ใช้สโนว์โมบิลลาก แต่การบริหารจัดการดีมาก เรื่องความปลอดภัยก็ได้รับการใส่ใจตลอด โดยเฉพาะเด็กๆ ไม่สามารถเล่นคนเดียวได้ ต้องให้ผู้ปกครองนั่ง sledge ลงมาด้วยเท่านั้น
ที่สำคัญ! ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มเพียบ!!! น่ากินมากๆ ถ้าอยากลองชิมอาหารหมดทุกซุ้ม ก็รับรองเลยว่าจุกแน่ๆ เพราะซุ้มอาหารที่งานนี้เยอะจริงๆ แล้วยังมีการย่างบาร์บีคิวในคามาคุระ (กระท่อมหิมะ) ให้รวมแก๊งค์กันไปกินอีกด้วย เก๋ๆ ค่าาาาา
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Iwate Kogen Snow Park (Main venue), Iwatesan, Nagayama, Shizukuishi-cho, Iwate-gun, Iwate
เปิดบริการ : 09.00 – 18.00 น. (ขึ้นอยู่กับกำหนดการของแต่ละปีด้วย)
ค่าเข้าชม : ส่วนใหญ่เข้าฟรี แต่จะมีค่ากิจกรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละจุด (กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการล่วงหน้า)
การเดินทาง : ในวันงานมีบริการ Free Shuttle Bus ไปยังจุดต่างๆ จำนวน 4 เส้นทาง ซึ่งจะมีเส้นทางหลักที่มุ่งหน้าไปสถานีรถไฟ Shizukuishi ด้วย โดยสามารถต่อรถไฟเพียงประมาณ 4 นาที ก็จะถึงสถานีรถไฟ Morioka
เว็บไซต์ : https://visitiwate.com/article/4769
Oirase Gorge [Winter Oirase Gorge Ice Fall Night Tour]
Credit Photo: © Aomori prefecture
ลำธารโออิราเสะ (Oirase Gorge) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัด Aomori เช่นเดียวกับทะเลสาบ Towada ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
Oirase Gorge แห่งนี้เป็นลำธารท่ามกลางแมกไม้เขียวชอุ่ม ความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร ที่จะขับรถเลียบลำธารคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ ก็ได้ จะลัดเลาะไปตามเส้นทางเดินป่าก็ดี แถมยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ อยู่เพียบ! ดีงามจนได้สองดาว!! จากมิชลินกรีนไกด์เจแปนเลยทีเดียว
ที่นี่ นอกจากจะดูชุ่มฉ่ำ ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นในช่วงฤดูร้อนแล้ว สีสันสวยงามในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็โดดเด่นไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ และสำหรับฤดูหนาว จุดไฮไลท์ของลำธารแห่งนี้ก็คือการจัดแสดงแสงไฟ Illumination (กลางมกราคม – กลางมีนาคม) ที่ทำให้งานประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ รอบๆ บริเวณนี้ มีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
Oirase Gorge ยามที่หิมะปกคลุมพื้นดิน โขดหิน และกิ่งไม้… ยามที่น้ำในลำธารเย็นยะเยือกและบริเวณน้ำตกหยุดนิ่งกลายเป็นน้ำแข็ง… เมื่อจัดแสงไฟประดับลงไป สีสันแปลกตาที่สะท้อนกับน้ำแข็งวิววับ ก็ทำให้ได้ทัศนียภาพที่น่าตื่นตะลึงไม่น้อย ซึ่งสิ่งนี้ก็กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาเยี่ยมชมกันในยามค่ำคืนของฤดูหนาว
โดยนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดและจองทัวร์ร่วมชม illumination ลำธารน้ำแข็ง Oirase Gorge กันได้ที่ Towada Dentetsu Travel Co., Ltd. (โทร. 0176-24-3006 หรือ https://store.towada.travel/) ในราคาคนละ 3,000 เยน โดยจะมีไกด์ท้องถิ่นนำเราเดินทางไปด้วยรถบัส พร้อมกับเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ
เริ่มต้นทัวร์ที่ป้าย Towadashi Central (Towadashi Chuo Bus Stop) และจะรับนักท่องเที่ยวที่จองไว้ในจุดอื่นๆ ด้วย จากนั้นจะแวะให้เราเที่ยวชมจุดไฮไลท์ต่างๆ ของ Oirase Gorge ที่ได้ประดับไฟ Illumination ไว้ในรูปแบบต่างๆ กัน จำนวน 5 แห่ง ซึ่งจะใช้เวลาทัวร์ประมาณ 3.10 ชม. (กรุณาตรวจสอบเวลาเริ่มทัวร์แต่ละรอบ ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง)
นอกจากนี้ยังมีจุดสำหรับขึ้นรถบัสทัวร์ Winter Oirase Gorge Ice Fall Night Tour ที่ “Towada Art Center” โดยถ้ามาจากสถานี Hachinohe (ทางออกฝั่ง West) ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้ามายัง Towada Lake (สาย Oirase) ซึ่งเป็น JR Bus ที่สามารถใช้ JR East Pass ขึ้นได้ด้วย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที มาลงที่ป้าย Towada Art Center เพื่อขึ้นรถบัสทัวร์ได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Towada Dentetsu, 15-3 Inaoicho, Towada City, Aomori 034-0011
เปิดบริการ : (ใช้เวลาทัวร์ประมาณ 3.10 ชม.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็กประถม 1,500 เยน เด็กเล็กฟรี!
การเดินทาง : จากสถานี Hachinohe ทางออกฝั่ง East เดินไปที่จุดขึ้นรถบัสหมายเลข 5 เพื่อขึ้นรถบัส Towada Kankou Dentetsu ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองโทวาดะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วลงรถที่ป้าย Towadashi Chuo (http://www.toutetsu.co.jp/jikoku/towada-hachinohe.html)
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_2006.html
Gala Yuzawa
Credit Photo: marumura
มีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์แห่งหนึ่งในช่วงฤดูหนาว ซึ่งอยากจะขอแนะนำ นั่นก็คือ กาล่า ยูซาว่า (Gala Yuzawa) หนึ่งในลานสกีดังของเมืองยูซาว่า จังหวัด Niigata ด้วยความที่เมืองนี้เป็นแหล่งเล่นสกี สโนว์บอร์ด และกีฬาฤดูหนาวอื่นๆ หิมะคุณภาพดี เป็นปุย นุ่ม เบา น่าสัมผัส เหมาะกับการมาเที่ยวเล่นในช่วงฤดูหนาวเป็นที่สุด อยู่ใกล้แหล่งออนเซน แถมยังเดินทางจากกรุงโตเกียวได้อย่างสะดวกสบายโดยรถไฟชิงกันเซน โดยใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง ที่นี่จึงเป็นลานกิจกรรมในช่วงฤดูหนาวของชาวกรุงโตเกียว ฮ็อตฮิตมากจริงๆ
ที่นี่มีคอร์ส (เส้นทาง) สำหรับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดที่หลากหลาย มือใหม่ก็เล่นได้สนุก มืออาชีพก็มาท้าทายกันได้ มีอุปกรณ์พื้นฐานในการเล่นครบครัน นอกจากนี้ยังมีคอร์สสอนกับครูฝึกอย่างใกล้ชิด (เรียนเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษก็ได้)
ภายในรีสอร์ทก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีก อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องออนเซน เป็นต้น ดังนั้นหากเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดจนเมื่อยล้า จะแวะไปพักผ่อนให้คลายความหนาวกันสักนิด แล้วจึงกลับไปเล่นกันต่อก็ยังได้ หรือจะไปทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น สโนว์โมบิล เลื่อนหิมะ ห่วงยางสไลด์ มีพาไปฟาร์มสตรอเบอร์รี่ ด้วยนะ
อ้อ! และถ้ามาถึงที่ Gala Yuzawa ก็ห้ามลืม.. แวะไปสั่นระฆัง Bell of Love ขอพรให้สมหวังในความรัก ขอเรื่องความรักปังๆ กันไปเลยนะจ๊ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 1039-2 Ooaza Yuzawa Aza Kayabira, Yuzawa, Minamiuonuma, Niigata 949-6101
เปิดบริการ : กลางเดือนธ.ค. – ต้นเดือนพ.ค. (ฤดูหนาวเปิดเวลา 08.00 – 17.00 น. / ฤดูใบไม้ผลิเปิดเวลา 08.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ตั๋วลิฟต์ 1 วัน กลางฤดูหนาว ผู้ใหญ่ 5,200 เยน เด็ก 2,600 เยน / ต้นฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ ผู้ใหญ่ 4,200 เยน เด็ก 2,100 เยน)
การเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟชิงกันเซน (Joetsu Shinkansen) มาลงที่สถานี Gala Yuzawa ซึ่งอยู่ด้านหน้าลานสกี Gala Yuzawa ได้เลย (หากบางขบวนไปไม่ถึงสถานี Gala Yuzawa ก็สามารถลงที่สถานี Echigo-Yuzawa แล้วต่อรถบัสไปไม่ถึง 5 นาที ซึ่งในช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมี Free Shuttle Bus ให้บริการ)
เว็บไซต์ : https://gala.co.jp/winter/thai/
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุในช่วงฤดูหนาว ในครั้งนี้เราก็จะมาแนะนำกันแต่เพียงเท่านี้ก่อน
แต่ถ้าใครอยากจะหาที่เที่ยวต่อ… ภูมิภาคโทโฮขุในฤดูหนาว ยังมีจุดน่าสนใจอีกเพียบ! ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> WINTER PLAY
จะเห็นว่า… ช่วงฤดูหนาว ภูมิภาคโทโฮขุยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและงานเทศกาลเจ๋งๆ อีกเพียบ! ถ้าใส่ในแผนเดินทางท่องเที่ยวทุกสิ่งที่อยากทำ ทุกที่ที่อยากไป รับรองว่าล้นแน่ๆ ดังนั้นก็ค่อยๆ เลือกเสพกันไปนะจ้ะ
แล้วมาพบกันใหม่ กับเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ในญี่ปุ่นจ้า (^^)/
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ใบไม้ผลิทั้งที มีดีที่ไหนบ้าง
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 3
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 2
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 1
ขอบคุณข้อมูล :
https://www.tohokukanko.jp/zh_th/index.html
https://tohoku-japan.jp/th/
https://www.tohokukanko.jp/en/
#เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน สัมผัสมนต์เสน่ห์ฤดูหนาว #ฤดูหนาว