คุณเหมาะกับที่ไหน ในรอบนอกของเกียวโต
เกียวโต เมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่หลายคนรู้จักกันดี นอกจากวัดวาอารามที่งดงามและแหล่งช็อปปิ้งสุดคึกคักในตัวเมือง รอบนอกของเกียวโตยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะโซนทะเล โซนป่า โซนชา หรือโซนไผ่
ลองมาดูกันดีกว่า ว่าสถานที่ไหนในเกียวโตที่เหมาะกับคุณที่สุด โดยการตอบคำถามไปทีละข้อ เริ่มจากจุด Start ว่าคุณชอบเที่ยวแนวไหน?
หากเลือกคำตอบที่ตัวหนังสือสีฟ้า ก็ไปตามลูกศรสีฟ้า
หากเลือกคำตอบที่ตัวหนังสือสีชมพู ก็ไปตามลูกศรสีชมพู
แล้วตอบคำถามข้อต่อๆ ไป จนค้นพบสถานที่ที่เหมาะกับคุณ
พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย !
เอาละ มาดูกันว่าคำตอบที่ได้เป็นสถานที่แบบไหนกัน
1. หมู่บ้านประมง อิเนะ
อิเนะเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่แสนสงบเงียบ ตั้งอยู่เกือบบนสุดของเกียวโตโซนติดทะเล ที่แห่งนี้เหมาะกับการมาเดินเล่นชมวิว มาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์และมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงที่มีมาแต่โบราณ ภายในหมู่บ้านจะมีบ้านโบราณคลาสสิกที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของอิเนะ เรียกว่าฟุนายะ (Funaya) เป็นบ้านสองชั้น ชั้นแรกไว้สำหรับจอดเรือประมง ส่วนชั้นสองคือที่อยู่อาศัย ถึงจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็ใช้เวลาสำรวจได้ทั้งวัน เพราะหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้มีบ้านอยู่ทั้งหมดประมาณ 230 หลังที่ตั้งรายล้อมอ่าวอิเนะเป็นรูปตัว U นั่นหมายถึง ไม่ว่าเดินไปทางทิศไหนของอ่าวก็จะเจอกับบรรดาบ้านแบบฟุนายะที่เรียงรายงดงาม บอกได้เลยว่าถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด
ใครอยากทำกิจกรรม ที่นี่มีจักรยานให้เช่าปั่น หรือจะล่องเรือชมอ่าวอิเนะพร้อมให้อาหารนกก็สนุกดี สรุปแล้วอิเนะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะได้มาสัมผัสวิถีชีวิตและฟินธรรมชาติ ลองนึกภาพเดินชมสำรวจหมู่บ้านชาวประมง ถ่ายรูป แวะคาเฟ่ สูดอากาศสดชื่น ลมพัดเย็นสบาย ขณะเดินเล่นได้ยินเสียงคลื่น เพียงเท่านี้ก็ฟินมีค่าพลังความสุขล้นกลับไทยแน่นอน
2. ตัวเมืองเกียวโต
ตัวเมืองเกียวโตพลุกพล่าน คึกคัก แต่ก็ยังคงมนต์สเน่ห์ของความเป็นเมืองหลวงเก่าไว้ ตัวเมืองมีสถานที่เที่ยวรวมทั้งสถานที่ช้อปปิ้งมากมาย สถานที่เที่ยวในตัวเมืองที่ดังๆ ก็เช่น ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ มีเสาโทริอิสีแดงนับหมื่นต้น , วัดคิโยมิซุ(วัดน้ำใส) , วันคิงคะคุจิ(วัดทอง) , ย่านกิออนถนนสายท่องเที่ยว ฯลฯ คนอาจจะคิดว่าเกียวโตคือเมืองเก่าติดภาพว่าน่าจะมีแต่สถานที่โบราณซึ่งไม่จริง เกียวโตนี่ครบรส แหล่งช้อปปิ้งมากมายละลายทรัพย์ไม่แพ้โตเกียวเลย แนะนำตลาดนิชิกิ ถนนที่รวมร้านค้ากว่า 100 ร้าน ตลอดระยะทางยาวกว่า 400 เมตร , ถนนคนเดินชินเคียวโกคุและเทระมาจิ เป็นตรอกเล็กๆ จำหน่ายสินค้าหลากหลายเช่น คาเฟ่ ร้านรองเท้า เสื้อผ้า เกมเซ็นเตอร์ มากมายเขียนไม่หมด , เกียวโตแฮนดิคราฟต์เซ็นเตอร์ ตลาดรวมสินค้าหัตถกรรมแบบดั้งเดิม รวมไปถึงย่านถนนชิโจ แหล่งรวมห้างชื่อดัง สวรรค์ของคนรักการช้อปปิ้งชัดๆ กลับไปแบบตัวเบาแน่นอน
3. วัดโชจูอิน
วัดโชจูอินนี้ตั้งอยู่ที่เมืองอุจิตะวาระ เมืองแห่งชาที่เกียวโตนี่แหละ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อายุ 800 กว่าปีแล้ว แต่ช้าก่อนหากคุณไม่ใช่สายประวัติศาสตร์ก็สามารถหลงรักวัดนี้ได้ไม่ยาก เพราะวัดนี้มุ้งมิ้งกิงก่องแก้วมาก เป็นที่รู้จักเพราะเรือนรับรองภายในวัดมีหน้าต่างหัวใจ ที่ีทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ฤดูใบไม้ผลิเห็นดอกซากุระสีชมพู ฤดูร้อนเห็นยอดไม้สีเขียว ฤดูใบไม้ร่วงใบไม้สีส้ม และฤดูหนาวต้นไม้ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว บนเพดานมีศิลปะรูปวาดดอกไม้ที่วาดโดยจิตรกรชาวญี่ปุ่นรวมทั้งหมด 160 ภาพเต็มเพดานห้องโถง คุณสามารถไปนอนหงายหายใจเข้าลึกๆ ขณะชมภาพศิลปะบนเพดานเป็นความเพลิดเพลินอีกรูปแบบ วัดโชจูอินอยู่ห่างจากเกียวโต 40 กม. หากเช่ารถขับเที่ยวจะสะดวกกว่า
4. มิยามะ คายาบูกิโนะซาโตะ
หมู่บ้านหลังคามุงจากโบราณคายาบูกิ โนะ ซาโตะ ตั้งอยู่ในเขตเกียวโตป่าห่างจากตัวเมืองเกียวโต 56 กม. ล้อมรอบไปด้วยนาข้าว ภูเขาและแม่น้ำ ในหมู่บ้านนี้มีคนอาศัยอยู่จริง บางหลังก็ปรับโฉมเปลี่ยนร่างเป็นโฮมสเตย์สำหรับค้างแรมแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ จะไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับก็ได้ หรือจะค้างคืนตื่นมาเจอบรรยากาศอยู่ภายในเขาก็ฟินไปอีกแบบ
ภายในหมู่บ้านยังมีมีพิพิธภัณฑ์ Kayabuki no Sato Folk Museum ที่รวบรวมของแปลกๆ ของหายากมาตั้งแสดงมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์การเกษตร พูดง่ายๆ คือเหมือนได้มาสัมผัสดูว่าคนที่นี่มีวิถีชีวิตอย่างไร ใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมยิ่งไม่ควรพลาด ส่วนเมนูอาหารขึ้นชื่อที่มาถึงคายาบูกิ โนะ ซาโตะ แล้วห้ามพลาดคือ “โซบะปลานิชิน” ซึ่งแวะลิ้มลองได้ที่ร้านอาหารท้องถิ่นบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน
ที่นี่เที่ยวได้ทุกฤดูเลยนะ สีสันต้นไม้รอบๆ ภูเขาให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน ช่วงหน้าหนาวปลายกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีงานเทศกาลโคมไฟหิมะ หมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะประดับประดาโคมไฟหลายร้อยโคม งานเทศกาลแบบนี้หาในไทยไม่ได้ เป็นประสบการณ์ที่น่าปักหมุดจดลงลิสต์ที่เที่ยวไว้อีกที่
5. วัดเบียวโดอิน
©Byodoin,All Rights Reserved.
มาวัดทั้งทีต้องไม่ใช่วัดธรรมดา วัดนี้มีชื่อว่า “วัดเบียวโดอิน”(Byodoin Temple) ความพิเศษคืออาคารฟินิกซ์ที่เป็นอาคารหลักของวัดอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น แถมยอดของหอฟีนิกซ์ยังถูกใช้ในธนบัตร 10,000 เยน ยังไม่หมดแค่นั้นยังเป็นวัดที่ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของญี่ปุ่นอีก ไม่ธรรมดาจริงๆ นะ ไฮไลท์อีกอันคือตัวโถงฟินิกซ์ล้อมรอบไปด้วยน้ำในสระที่เงาของอาคารสะท้อนกับผืนน้ำทำให้มองเห็นเหมือนมีอาคารสองหลังสวยงามมาก วัดเบียวโดอินก็เหมือนวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่นที่เคยได้รับความเสียหายแต่ก็มีการบูรณะ สร้างใหม่ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งห้องโถงฟินิกซ์นับเป็นหนึ่งในอาคารไม้เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ รู้แบบนี้ การเข้าไปชมในห้องโถงฟินิกซ์จึงควรค่าแก่การชมอย่างยิ่ง วัดเบียวโดอินเป็น 1 ในวัดญี่ปุ่นที่ควรมาเยือนสักครั้งจริงๆ ถึงจะบอกว่าเกียวโตรอบนอก แต่วัดเบียวโดอินอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 กม. ตั้งอยู่ในเขตเกียวโตชา ข้างๆ วัดมีแม่น้ำอุจิและมีถนนช้อปปิ้งโอโมะเตะซันโดให้เดินซื้อของเกี่ยวกับชาด้วย
6. ป่าไผ่ ทาเคะโนะมิจิ
เมื่อนึกถึงเกียวโต นอกจากวัดแล้ว หลายคนก็นึกถึงบรรยากาศของป่าไผ่ และหากใครชอบการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติเงียบสงบตัดขาดจากความวุ่นวาย ต้องมาที่นี่เลย ทาเคะ โนะ มิจิ ป่าไผ่แห่งเมืองมุโค อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเกียวโต ซึ่งเป็นแหล่งหน่อไม้ที่ขึ้นชื่อ ป่าไผ่แห่งนี้เรียกว่าเป็นสถานที่ลับก็ได้ เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม ถ่ายรูปมุมไหนก็ได้ภาพสวย ไม่ติดคนอื่นในเฟรมแน่นอน ทาเคะ โนะ มิจิ ถูกสร้างขึ้นในปี 2000 เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติ มีระยะทางยาวถึง 1.8 กิโลเมตร ให้เดินชมต้นไผ่สูงชะลูด ฟังเสียงลมพัดผ่าน และปล่อยจิตใจให้ผ่อนคลาย ระหว่างเดินไปตามทาง วิวของต้นไผ่ในแต่ละช่วงจะเปลี่ยนไปตามชนิดของไผ่อีกด้วย
7. รถไฟสายโรแมนติก
รถไฟสายโรแมนติกซากาโน่ หรือ รถไฟซากาโน่ โทรอคโค เป็นรถไฟโบราณขนาดเล็กมีเพียง 5 โบกี้ เพราะเป็นรถไฟขบวนเล็ก จึงพาเราเข้าไปลัดเลาะผจญภัยในหุบเขา สัมผัสวิวทิวทัศน์อย่างใกล้ชิด รถไฟวิ่ง 4 สถานี จากอาราชิยาม่า ที่สถานี Torokko-Saga ไปสิ้นสุดที่สถานี Torokko-Kameoka เมืองคาเมะโอกะ ทั้งสองข้างทางจะมีวิวภูเขา แม่น้ำ และสีสันของต้นไม้ในแต่ละฤดู จะมาฤดูไหนก็สวยงามโรแมนติกสมชื่อแน่นอน แต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีความพิเศษหน่อย ด้วยการประดับตกแต่งไฟ ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะเก็บภาพไม่ทัน รถไฟจะวิ่งอย่างช้าๆ บางช่วงจะมีการชะลอให้ได้ถ่ายรูปกันจนหนำใจ สถานีระหว่างทางยังมีสถานที่หลากหลายให้แวะเที่ยวได้ด้วย มีรอบรถไฟชั่วโมงละเที่ยว ทั้งขาไปและขากลับ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น ผู้ใหญ่ราคา 630 บาท เด็ก 320 บาท
8. ไร่ชาวาสึกะ
เมืองแห่งชา “วาสึกะ” สายดื่มชาน่าจะรู้จักชาเขียว “อุจิ” ชาเขียวคุณภาพสูงที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเมืองวาสึกะนี่แหละที่เป็นพื้นที่หลักในการผลิตชาอุจิได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นเมืองต้นกำเนิดชาเขียว วาสึกะมีภูมิทัศน์ล้อมรอบด้วยป่าไม้และภูเขา เห็นแบบนี้แต่จริงๆ วาสึกะอยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตเพียง 45 กม. หลายปีมานี้เมืองวาสึกะถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ไร่ชาบางแห่งมีการจัดโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมไร่ เก็บชา หลายแห่งเปิดคาเฟ่ให้คนเข้าไปทานขนม จิบชา โดยมีทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นไร่ชากว้างสุดลูกหูลูกตา หรือแม้กระทั่งการสอนชงชาสไตล์ญี่ปุ่น มีคอร์สการให้ความรู้ของใบชาและยังสามารถดื่มชาเปรียบเทียบรสชาติของชาแต่ละประเภทอีกด้วย
9. ล่องเรือแม่น้ำโฮซุกาวะ
ล่องเรือในแม่น้ำโฮซุกาวะ กิจกรรมที่พาเราไปสัมผัสทิวทัศน์รอบนอกเกียวโตที่เต็มไปด้วยป่าเขา และยังสามารถมองเห็นวิวของรถไฟสายโรแมนติกซากาโน่ที่วิ่งผ่านรอบภูเขา ตลอดระยะทางกว่า 16 กิโลเมตร เรือจะล่องผ่านหุบเขาจากเมืองคาเมะโอกะไปจนถึงอาราชิยาม่า รวมเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยมีเรือสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเป็นยานพาหนะ ล่องผ่านเส้นทางที่ท้าทาย ทำให้เห็นฝีมือการพายเรืออันช่ำชองของเจ้าหน้าที่พายเรือ แถมเจ้าหน้าที่ยังคอยเล่าเรื่องสร้างความสนุกสนานตลอดทางอีกด้วย จุดขึ้นเรืออยู่ใกล้สถานีรถไฟคาเมะโอกะ นั่งจากสถานีเกียวโตเพียง 20 นาที สามารถมาล่องเรือได้ตลอดปี ช่วงที่คนนิยมมาล่องแม่น้ำโฮซุกาวะกันมากที่สุด คือฤดูใบไม้ร่วงที่หุบเขาถูกย้อมเป็นสีส้มแดง ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม และช่วงที่ซากุระผลิบานตอนปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน เป็นความงดงามที่ใครๆ ต่างหลงเสน่ห์ นอกจากชมวิวแล้ว ลองซื้อปลาหมึกย่างหรือโอเด้งร้อนๆ จากเรือขายของกินที่ผ่านระหว่างทาง มากินไปด้วย รับรองว่าได้บรรยากาศสุดๆ
10. อามาโนะฮาชิดาเตะ
อามาโนะฮาชิดาเตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ สะพานสู่สรวงสวรรค์ ตั้งอยู่ในเมืองมิยาสึ เมืองชายฝั่งทะเลที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต จากสถานีเกียวโตนั่งรถบัสหรือรถไฟ ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง อามาโนะฮาชิดาเตะนับเป็น 1 ใน 3 วิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นสันทรายทอดยาวคดเคี้ยวบนอ่าวมิยาสึ หาดทรายยาวกว่า 3.6 กิโลเมตร ที่พาดผ่านทะเล เรียงรายไปด้วยต้นสนนับหลายพันต้น ราวกับธรรมชาติที่สวรรค์สร้าง จนมีตำนานเล่าขานว่าเทพเจ้าได้ลงมาสร้างบันไดไว้ แต่บันไดนั้นพังทลายลงมา จึงกลายเป็นหาดทรายทอดยาวอย่างที่เห็น สามารถชมวิวจากมุมสูง เดินเล่นบนหาดทราย ขี่จักรยาน นั่งเรือชมวิว หรือเล่นน้ำ และสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ อามาโนะฮาชิดาเตะแห่งนี้ถูกยกให้เป็นสถานที่สำคัญมากมายทั้งทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์
11. ยูโนะฮานะ ออนเซ็น
ไม่มีอะไรผ่อนคลายไปกว่าการแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางธรรมชาติ ยูโนะฮานะ ออนเซ็น เป็นแหล่งน้ำพุร้อนตามธรรมชาติตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาในเมืองคาเมะโอกะ นั่งรถไฟจากสถานีเกียวโต 20 นาที มาลงสถานีคาเมะโอกะ แล้วต่อ Shuttle Bus 15 นาที ลงที่ออนเซ็น ที่นี่โดดเด่นด้วยธรรมชาติสวยงามที่โอบล้อมไว้ ทำให้เราได้ผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ การแช่น้ำร้อนที่นี่ยังช่วยบำบัดรักษาโรค โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับไขข้อ กล้ามเนื้อ รวมถึงระบบย่อยอาหาร จะมาพักแรมในเรียวกังสักคืน พร้อมมื้ออาหารสไตล์เกียวโต หรือแวะมาแช่ออนเซนเฉยๆ ก็ได้
เห็นไหมล่ะ เกียวโตมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แถมแต่ละสถานที่ก็มีเสน่ห์ไม่ซ้ำกันอีกด้วย ทั้งทะเล แม่น้ำ หุบเขา ป่าไผ่ ไปจนไร่ชา หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักกับมุมต่างๆ ของเกียวโตมากขึ้น และค้นพบเกียวโตที่เหมาะกับตัวเอง แต่ถ้าใครตัดสินใจไม่ได้ ต้องลองไปค้นหาด้วยตัวเอง ลองไปสัมผัสให้ครบทุกสไตล์ อาจจะค้นพบเกียวโตในแบบของคุณเอง ไปพร้อมกับค้นพบมุมใหม่ๆ ของตัวคุณเองไปด้วยก็ได้ ซึ่งนอกจากสถานที่ที่แนะนำมา เกียวโตยังมีอะไรอีกเยอะเลย ไปรอบเดียวไม่พอจริงๆ
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยือนหมู่บ้านสุขสงบ หิมะ แสงไฟ และเรื่องเซอร์ไพรส์!?
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ดื่มด่ำความเข้มข้นของเมืองแห่งชาเขียว!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ท่องป่าไผ่ลับรสชาติเผ็ดร้อน!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยี่ยมเมืองแห่งการประมง ที่ทั้งอิ่มใจและอิ่มท้อง!
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 1
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 2
#คุณเหมาะกับที่ไหน ในรอบนอกของเกียวโต