Furusatokan หัวใจบริการบนเขาหิมะแห่งดวงดาว…วันนี้จะมาพูดถึง ふる里館 (Furusatokan) ที่พักบนเขาอุซึกุชิงะฮะระ จังหวัดนะงะโนะ ตั้งอยู่สูง 2,034 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ภูมิภาคชูบุ
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพาครอบครัวจากประเทศไทยมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยทริปนี้เราเน้นเที่ยวภูมิภาคชูบุ บนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคคันไซและคันโตที่ทุกคนคงคุ้นเคยกันดี ถึงแม้ว่าภูมิภาคนี้จะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายนัก แต่ที่นี่ก็มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง โดยประกอบไปด้วย 9 จังหวัด ได้แก่ กิฟุ, ชิซุโอะกะ, นะงะโนะ, นีงะตะ, โทะยะมะ, ฟุกุอิ, ยะมะนะชิ,อิชิกะวะ, ไอชิ
วันนี้จะมาพูดถึง ふる里館 (Furusatokan) ที่พักบนเขาอุซึกุชิงะฮะระ จังหวัดนะงะโนะ ตั้งอยู่สูง 2,034 เมตรจากระดับน้ำทะเล
รถไมโครบัส
หลังจากที่เราลงรถไฟที่สถานที่ Matsumoto แล้ว เราก็ลากกระเป๋าเดินทางข้ามสะพานลอยหน้าสถานี เพื่อเดินไปยังจุดนัดพบที่อยู่อีกฝากของสถานี เมื่อถึงเวลาก็มีรถไมโครบัสขนาด 20 ที่ มารับพวกเราที่รออยู่ ภายในรถเต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีสัมภาระอะไรมากมาย ต่างจากครอบครัวเราที่แบกกระเป๋าเดินทางใบเขื่องเนื่องจากเป็นทริปยาว 10 วัน
นอกจากคนขับรถของทางที่พักที่ช่วยยกของขึ้นรถแล้ว ก็มีผู้หญิงอีกท่านช่วยยกอย่างแข็งขัน ยังนึกชมในใจว่าพนักงานที่นี่ทำงานขยันขันแข็งมาก พอมาทราบภายหลังว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงท่านนั้นเป็น 1 ในผู้ที่มาพักเช่นเดียวกับเรา ก็รู้สึกว่าคนญี่ปุ่นช่างมีน้ำใจเหลือเกิน ไม่นานรถมินิบัสได้ออกเดินทางไปยังจุดรับคนจุดสุดท้าย จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง เพื่อเดินทางไปยังจุดมุ่งหมาย นั่นก็คือที่พักของเราในค่ำคืนนี้
ยินดีต้อนรับ
เมื่อถึงที่พัก พนักงานทั้งหมดออกมายืนต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส ก่อนลงจากรถคนขับรถได้แจ้งให้เราทราบว่า วันนี้ยอดแขกที่พักค่อนข้างเยอะ เพื่อให้การดูแลทั่วถึงและได้รับความสะดวกสบาย จึงขอแบ่งแขกในการไปชมพระอาทิตย์เป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มที่ดูพระอาทิตย์ตกดินในเย็นวันนี้ และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วทางที่พักก็ตัดสินใจนำรถอีกคันออกมา เพื่อให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินพร้อมกัน ถึงแม้ว่าหากไม่ได้นำรถอีกคันมาเสริม ก็ถือว่าเป็นการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างชาญฉลาด เพราะตามธรรมชาติของคน ชอบที่จะได้เลือกเองมากกว่าการถูกบังคับให้เลือก
ชีสเค้ก
หลังจากที่พนักงานช่วยยกกระเป๋าและแนะนำห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนออกจากห้องได้นำเสนอชีสเค้กโฮมเมดในตู้เย็น ซึ่งเป็นขนมต้อนรับการมาพักในครั้งนี้ ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ การที่ได้ทานขนมหลังจากที่เดินทางมายาวนาน ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขและสดชื่นมากๆ ขณะที่โนทานชีสเค้กไปได้ไม่กี่คำ สามีก็ชวนก๊วนเราไปรวมตัวกันที่ห้องพักที่คุณย่าและคุณยายพักอยู่
ระหว่างทางได้พบกับพนักงานท่านหนึ่ง เมื่อเขาเห็นว่าเรากำลังถือชีสเค้กก็ส่งยิ้มให้ เราจึงบอกว่าอร่อยและประทับใจมาก เพราะไม่มีที่พักที่ไหนที่ต้อนรับด้วยชีสเค้กแช่เย็นแบบนี้ เขาเลยบอกให้เราหยุดรอและได้วิ่งนำชีสเค้กมาเพิ่มให้อีกสองก้อน พร้อมกำชับว่าไม่ต้องบอกใคร
พระอาทิตย์ตกดิน
พักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว ก็มีเสียงประกาศผ่านลำโพงว่าถึงเวลาไปทำกิจกรรมแรกแล้ว นั่นก็คือชมพระอาทิตย์ตกดิน ระหว่างทางไปยังจุดชมวิวมองไปทางไหนหิมะก็ปกคลุมขาวโพลนไปหมด ทำให้เราตื่นตาตื่นใจมาก เมื่อถึงจุดชมวิวอากาศหนาวและลื่นง่าย ทำให้ต้องคอยระวังโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไปด้วย ส่วนวิวทิวทัศน์ช่างสวยงามสมกับที่รอคอย หลังจากถ่ายรูปที่ระลึกเสร็จแล้ว
ระหว่างทางกลับที่พักสามีถามถึงหอระฆังที่มักเห็นตามโปสเตอร์ของภูเขานี้ คนขับก็แวะให้อย่างไม่ลังเล ท้องฟ้าตอนนั้นเป็นสีชมพูกำลังสวยทำให้ผู้ร่วมทางท่านอื่นๆ ก็ลงมาเก็บภาพประทับใจไปด้วย รถอีกกลุ่มที่ตามหลังมาก็แวะมาถ่ายรูปเช่นเดียวกัน
ทานอาหารค่ำ
เมื่อกลับถึงที่หลังจากที่ทุกคนนำของไปเก็บและถอดเสื้อข้างนอกออกเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปยังห้องอาหาร ซึ่งจัดเป็นโต๊ะโดยมีเก้าอี้ตามจำนวนสมาชิกของครอบครัวนั้นๆ สิ่งที่ตกใจมากคือคนที่ขับรถพาเราไปชมพระอาทิตย์ตกดินเมื่อสักครู่ มาในชุดบริกรในห้องอาหาร ทำให้เราประทับใจว่าเขาใส่ชุดอะไรก็จะสวมบทบาทนั้นๆ ข้อดีคือทำให้เราคุ้นเคยกับพนักงานท่านนั้นๆ
ขณะเดียวในแต่ละโต๊ะก็มีพนักงานบริการประจำโต๊ะ โดย 1 คนดูแลประมาณ 2-3 โต๊ะขึ้นกับจำนวนคนของแต่ละครอบครัว ทำให้ใส่ใจและจำรายละเอียดของแขกได้เป็นอย่างดีว่าทานไหนชอบทานอะไร ไม่ทานอะไร หรือมีแพ้อะไร จึงตอบสนองความต้องการของแขกที่มาพักได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราถามถึงรายละเอียดของวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารมื้อค่ำนี้ ก็สามารถตอบได้อย่างละเอียดถูกต้องทันที นั่นแสดงถึงความพร้อมของการให้บริการที่ดี อีกทั้งการมีบทสนทนาต่างๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้ที่มาพักไม่เขินที่จะขอเติมข้าวและน้ำซุปเพิ่ม
ข้าวปั้นท้องร้อง
ก่อนจบมื้อค่ำเนื่องด้วยสถานที่พักบนเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถออกไปไหนได้ พนักงานจึงมานำเสนอข้าวปั้นท้องร้อง ซึ่งหมายถึงข้าวปั้นก้อนเล็กๆ เก็บไว้ทานยามท้องร้องตอนดึกๆ เนื่องจากการที่อากาศเย็นจะทำให้หิวบ่อยกว่าปกติ เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจมากยิ่งขึ้น จึงมีการถามเป็นรายบุคคลว่าอยากได้กี่ก้อนและอยากได้ไส้อะไรบ้าง คุณยายคนญี่ปุ่นของโนที่เคยมาพักแถบนี้จึงเสริมขึ้นว่า
“ที่พักอื่นก็มีข้าวปั้นท้องร้องนี้เหมือนกัน แต่จะวางไว้และให้หยิบเองตามจำนวนที่ต้องการ ทำให้ผู้สูงอายุอย่างคุณยายหยิบไม่ทันพวกกลุ่มวัยรุ่น”
จึงรู้สึกดีกับการบริการข้าวปั้นท้องร้องของที่นี่
กิจกรรมชมดาว
เวลาสองทุ่มมีกิจกรรมไฮไลท์ในทริปนี้คือการชมดาวและส่องดูดวงจันทร์ผ่านกล่องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ความหนาวบนเขาสูง 2,000 เมตรกว่าๆ จากระดับน้ำทะเลในเดือนกุมภาพันธ์นั้นติดลบสิบองศา ทำให้เสื้อหนาว หมวกและถุงมือที่เราเตรียมมาไม่เพียงพอ ที่พักจึงเตรียมที่ปิดหูมาเพิ่มสำหรับท่านที่ไม่ได้นำมา
เมื่อผู้พักออกมาครบแล้ว พนักงานคนเดิมที่เคยขับรถให้ เสิร์ฟอาหารให้ ขณะนี้ใส่ชุดหนาวและได้มาให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับดวงดาว มีเล่นมุกต่างๆ เพิ่มเสียงหัวเราะและสีสันในค่ำคืนที่เหน็บหนาว จากนั้นให้ทุกครอบครัวได้ถ่ายรูปด้วยกล้องโปรของที่พักและจะส่งอีเมล์มาให้ในภายหลัง ก่อนจะกลับไปยังห้องพักก็มีบริการมันเผาร้อนๆ หลังจากที่ออกไปต่อสู้กับความหนาวเย็นระหว่างชมดาว ทำให้ร่างกายและหัวใจอบอุ่นขึ้นมาทันที
ตำโมจิ
หลังจากที่ได้นั่งรถไปชมพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนมื้อเช้าทางที่พักจัดเตรียมกิจกรรมตำโมจิ โดยให้ผู้เข้าพักทุกท่านได้ร่วมกันทดลองตำ ถึงแม้ว่าระหว่างตำจะมีโฆษณาแฝงถึงซอสที่วางขายอยู่ในร้านขายของฝากของที่พักก็ดูไม่น่าเกลียดนัก นอกจากโมจิจะปรุงรส 2 รสคือรสหวานและรสเค็มให้ได้ทานกันหลังตำเสร็จใหม่ๆ แล้ว ยังมีการเตรียมกล่อง ตะเกียบและถุงสำหรับนำกลับบ้านได้ด้วย ถ้าไม่บอกก็คงจะเดาได้ว่าพนักงานก็เป็นพนักงานชุดเดิมกับหลายๆ กิจกรรมที่ผ่านมา
มื้อเช้าที่แสนอร่อย
เช้านี้ทางที่พักจัดเป็นมื้อเช้าแบบง่ายๆ แต่ที่ประทับใจคือแต่ละคนสามารถเลือกระดับความสุกของไข่ดาวได้ด้วยตัวเอง คือพอถึงจุดที่เราพอใจก็ใช้ตัวเหล็กกลมนี้ดับไฟได้
ขนมปังอร่อยทุกอย่าง แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ทานโมจิมาท้องก็ค่อนข้างแน่น ซึ่งเรายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป พนักงานก็นำถุงเปล่ามา และบอกว่าหากทานไม่ไหวสามารถนำกลับบ้านได้เช่นกัน ระหว่างบทสนทนาต่างๆ ขณะที่เสิร์ฟอาหารมื้อเช้า พนักงานประจำโต๊ะของเราซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เสิร์ฟมื้อค่ำเมื่อคืน ก็ได้ถามว่าคู่ของเราแต่งงานมานานหรือยัง จึงตอบไปว่าวันนี้ครบรอบ 2 ปีพอดี เขาทำหน้าตกใจมากว่าเป็นทริปครบรอบแต่งงานหรือ เราจึงได้แต่หัวเราะและบอกว่าเป็นความบังเอิญ
จานครบรอบ
แต่เรากลับตกใจยิ่งกว่า ขณะที่เก็บกระเป๋าเพื่อที่จะเดินทางกลับ จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะห้องและเมื่อเปิดประตูก็ได้เจอกับพนักงานพร้อมจานที่วาดรูปเราสองคนและมีข้อความอวยพรครบรอบแต่งงาน ซึ่งเป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ และหวังว่าหากมีโอกาสก็จะแนะนำท่านอื่นๆ ได้มาพักที่นี่ ถึงแม้จะเป็นที่พักบนเขาที่ไม่ได้มีอะไรเลิศหรู แต่การบริการในทุกๆ จุดสร้างความประทับใจมาก
เมื่อร่ำลากันเรียบร้อย ขณะที่รถไมโครบัสกำลังลงเขาเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีเดิม คุณพ่อของโนก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่พักตอนใส่รองเท้า เมื่อเราได้แจ้งกับคนขับรถ รถจึงจอดข้างทางและผ่านไปประมาณ 10 นาที พนักงานก็ขับรถนำมาให้
ที่พักแห่งนี้ถือเป็นที่พักที่ให้ความประทับใจจนวินาทีสุดท้ายของครอบครัวเรา แต่ก็แอบเกรงใจผู้ร่วมเดินทางเพราะมีเรื่องตารางเวลารถไฟที่จะไปต่อ เราจึงขอโทษทุกท่านที่สร้างความรบกวน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่พัก http://www.furusatokan.jp
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– ขยะล้นโลก แล้วญี่ปุ่นจัดการยังไง
– 9 สูตรอาหารญี่ปุ่นทำทานเองที่บ้านง่ายๆ
– สถานีริมทางหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น Michi no Eki Hota Shougakkou
– Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO คาเฟ่บ้านดินความฝันของนักเป่าแก้ว
– ทุ่งดอกมัสตาร์ดเหลืองกินดี ถ่ายรูปสวย สารพัดประโยชน์
#Furusatokan