มาถึงตอนสุดท้ายของทริปเที่ยวเกาะคิวชูของเราแล้ว ครั้งนี้เราขออาสา พาทุกๆ ท่าน แปลงร่างเป็นชาวเกาะ ตามหาหัวใจที่ อามามิโอชิมะ (Amami Oshima) กันค่ะ
เมื่อใจเซ ทะเลคือคำตอบ มาถึง Ep. 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของทริปเที่ยวคิวชูของเราแล้ว ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามกันทุก Ep. นะคะ
ใน Ep. 4 นี้เราขออาสา พาทุกๆ ท่าน แปลงร่างเป็นชาวเกาะ ตามหาหัวใจที่ อามามิโอชิมะ (Amami Oshima) กันค่ะ
จากที่ได้ไปเที่ยวมา แม้ว่าครั้งนี้จะไปในช่วงฤดูหนาวที่ไม่ใช่ไฮซีซั่นของเกาะนี้ ยังรู้สึกประทับใจมากๆ ทั้งความงดงามของเกาะ และความใส่ใจ ความน่ารักอบอุ่นเป็นกันเองของผู้คนบนเกาะนี้จริงๆ จนต้องสัญญากับตัวเองว่า เราจะต้องกลับไปอีก กลับไปหาเกาะที่ได้ชื่อว่า “ใกล้เคียงกับสรวงสวรรค์ที่สุด” แห่งญี่ปุ่น
เราใช้เวลาบนเกาะนี้ 2 วัน 1 คืน โดยเริ่มเส้นทางจากจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) ขากลับบินตรงเข้าโตเกียวสนามบินฮาเนดะ ดังนั้นถ้าใครทำแพลนเที่ยวภูมิภาคคันโต แต่อยากขยับออกเที่ยวโซนอื่นๆ ด้วยก็สามารถตามรอยพวกเรามาเที่ยวกันได้สบายๆ เลยค่ะ…
อามามิโอชิมะ (奄美大島 / Amami Oshima) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคิวชู (Kyushu) เป็น เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอามามิ ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดสองจังหวัด คือคาโกชิม่า (Kagoshima) และโอกินาว่า (Okinawa)
เกาะนี้เป็นที่โด่งดัง รู้จักกันดีของชาวญี่ปุ่นว่า มีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังและสัตว์น้ำ เป็นอีกเกาะที่คนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการเที่ยวทะเลใฝ่ฝันจะได้มาเยือนเพื่อสัมผัสความงามของท้องทะเลเป็นอย่างมากกันทีเดียวแหล่ะ
นอกจากจะโด่งดังเรื่องชายหาดที่งดงามแล้ว เกาะนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรมทางจิตวิญญาณแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น และอื่นๆ อีกเยอะเลยค่ะ
โดยมีกิจกรรมเยอะมาก หลักๆ ก็คือทางน้ำ เช่น SUP ดำน้ำดูปะการัง/ดูเต่าทะเล เล่นเจ็ทสกี เดินเทรคกิ้ง กางเต้นท์ริมทะเล ฯลฯ และที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ อีกอย่าง ก็คงไม่พ้นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พายเรือแคนูชมป่าต้นโกงกางดึกดำบรรพ์ และที่เป็นจุดฮ็อตมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยววัยรุ่นในตอนนี้ก็คือ
โขดหินฮาร์ดร็อค ที่เชื่อว่าจะช่วยให้สมหวังในเรื่องความรัก แน่นอนเราไม่พลาดที่จะไปที่นี่ค่ะ…
บนเกาะนี้ มีทัวร์ไกด์นำเที่ยวให้บริการหลายที่เลยค่ะ ครั้งนี้เราก็ใช้บริการเช่นกัน ซึ่งก็แนะนำมากๆ เลย เพราะการเดินทางบนเกาะ ไม่ค่อยมีรถสาธารณะเยอะเหมือนในเมืองใหญ่ๆ มีไกด์ มีรถพาเที่ยวจะสะดวกมากกว่าค่ะ
เครดิตรูป https://amamikke.com/basic_en/
การเดินทางสู่เกาะอามามิโอชิมะ ไม่ยากเลยค่ะ มีเที่ยวบินทั้งจากสนามบินนานาชาติฮาเนดะ/สนามบินนาริตะ และจังหวัดอื่นๆในญี่ปุ่นหลายจุดเลย
ครั้งนี้เราเดินทางกันจากสนามบิน Fukuoka ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที มาลงที่สนามบิน Amami
อากาศค่อนข้างอบอุ่นตลอดทั้งปีค่ะ ถ้าใครอยากเที่ยวแบบเน้นทำกิจกรรมทางน้ำ แนะนำให้มาช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน
*ดูข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://amamikke.com/basic_en/
เครดิตรูป https://amamikke.com/basic_en/
เนื่องจากเกาะนี้เป็นเกาะที่ใหญ่มากๆ อีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น หากไม่นับสี่เกาะหลัก (ฮอกไกโด ฮอนชู ชิโกกุ คิวชู) ก็จะใหญ่เป็นอันดับ 3 รองลงมาจากเกาะโอกินาวะ เกาะซาโดะ(จังหวัดนีงาตะ) เราควรวางแผนเที่ยวให้ดีๆ ตาม Area ต่างๆ จะได้ประหยัดเวลาในการเดินทางในเกาะค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว ตามเราออกเที่ยวกันเลยค่ะ
Day 1 in Amami Oshima FUKUOKA AIRPORT TO AMAMI AIRPORT ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ จากสนามบิน Fukuoka ด้วยสายการบิน Japan Airlines เที่ยวบินที่ JL3681 แค่ 1 ชั่วโมง 20 นาที เราก็มาถึงสนามบิน Amami กันแล้วค่ะ
1. Amami Airport ในสนามบินมีการตรวจคัดกรอง มีจุดวางแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ใส่แมสก์กันทุกคน แน่นอนว่าพวกเราก็เที่ยวกันอย่างระมัดระวังตัวตลอดค่ะ
2. “หาดโทโมริ ” (土盛海岸/Tomori Beach) ที่เป็นอันล่ำลือ ว่ามีหาดสวยน้ำใสเป็นอันดับต้นๆ ของที่นี่
ช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว และอากาศครึ้มนิดๆ ถึงน้ำจะไม่ใสแบบที่ตั้งใจอยากดู แต่ก็ถือว่าบรรยากาศดีมากๆ ห่างจากสนามบินไปทางเหนือ ขับรถแค่ 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ
พิกัด : https://www.amami-tourism.org/en/scenery/764/
3. ร้านคอนวีเนียนสโตร์ “Shima jin mart สาขาริมหาดชายฝั่งโยอัน” (島人mart 笠利店) ออกมากันแต่เช้าตรู่ ขอแวะซื้อของอร่อยๆ รองท้องกันซักหน่อย
ร้านนี้อยู่ทางผ่านจุดต่อไปของเราพอดีค่ะ เจ้าของร้านน่ารักมากๆ มีน้องแมวที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ มาแอบเนียนทำตัวเป็นเจ้าของร้าน คอยออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยนะ น้องเชื่องมากๆ ร้องอ้อนขอขนมตลอดเลย ใครไปแล้วอย่าลืมแวะทักทายน้องด้วยนะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/ddo7o6NtHA8hSbMHA
บรรยากาศร้านอยู่ในทำเลที่ดีมากๆ ค่ะ ด้านหลังจะเป็นหาดสวยๆ เดินไปถ่ายรูปได้นะ หรือถ้าใครไม่รีบ ก็ซื้อขนม ซื้อกาแฟจากร้านมานั่งชิลๆ ตรงที่นั่งข้างๆ ร้านได้เลย
เมนูแนะนำ ใครมาแล้วเจอข้าวปั้นแบบนี้ รีบซื้อให้ไว มันอร่อยมากกก คนที่นี่เรียก ลันจอง ランチョン แต่คนไทยหลายๆ ท่านอาจคุ้นกับชื่อ ข้าวปั้นหมูบดและไข่ (Pork Tamago Onigiri) ที่เป็นเมนูยอดนิยมของทางเกาะโอกินาว่าค่ะ
มันคือข้าวปั้นแบบแบนๆ สอดไส้ไข่ทอดญี่ปุ่นนุ่มๆ และหมูบดกระป๋อง SPAM บางร้านก็จะมีแซมๆ ผักเข้าไปด้วยนะ อันนี้แล้วแต่กิมมิคเลย
4. Yamato Village ขับรถกินลมชมวิวอ้อยอิ่งกันมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงหมู่บ้านยามาโตะ (Yamato Village) ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เล็กที่ว่าที่สุดในเกาะอามามิโอชิมะเลย โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยอย่างมีเอกลักษณ์ เงียบสงบ ไม่มีร้านสะดวกซื้อ ไม่มีร้านอาหารหรูๆ ใหญ่ๆ แต่เป็นจุดที่ทำให้เราหลงรัก
และที่นี่แหละคือจุดที่ทำให้เราสัญญากับตัวเองว่า จะต้องกลับไปอีกให้ได้….
พิกัด : http://www.vill.yamato.lg.jp.e.aea.hp.transer.com/kikaku/kanko/access.html
หมู่บ้านยามาโตะ มีประชากรประมาณ 1,500 คน ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเกาะอามามิโอชิมะ
ในสมัยยุคยามาโตะที่นี่เคยเป็นที่จอดเรือที่รุ่งเรือง ผ่านไปนานหลายปี ได้มีการรวมตัวของชุมชุนทั้ง 11 แห่งในละแวกนี้ ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านยามาโตะในปีเมจิที่ 41 และมีการเฉลิมฉลองครบรอบการก่อตั้งหมู่บ้าน 110 ปี ในปี 2018 ที่ผ่านมาด้วยค่ะ
ชุมชนย่อยๆ ทั้งหมด 11 แห่ง จะมีทำเลที่ตั้งที่หันหน้าไปทางทะเล ด้านหลังจะเป็นทิวเทือกเขา เป็นหมู่บ้านที่ล้อมรอบไปด้วยความงดงามและอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากๆ ค่ะ และจุดเด่นอีกอย่างคือ หมู่บ้านนี้มีลานประลองซูโม่เยอะมาก
ว่ากันว่าที่ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย บนเกาะอามามิโอชิมะมีลานประลองซูโมะเยอะที่สุดเลยนะ ในหมู่บ้านยามาโตะ แต่ละชุมชนเค้ามีลานประลองของตัวเองกันทุกชุมชนอีกด้วย
กิจกรรมที่เราจะทำกันในหมู่บ้านวันนี้หลักๆ ก็เป็นการทำอาหารพื้นเมืองที่ชื่อว่า “เคฮัง” แต่ก่อนจะไป เรามาเดินเล่นในหมู่บ้านกันก่อนค่ะ
จากลานประลองซูโม่เดินมานิดเดียวก็จะถึง “Fukugi Tunnel อุโมงค์แห่งความสุข”
ต้นฟุคุกิ หรือ กาซีเนีย (Garcinia Subelliptica) แต่เดิมปลูกไว้ป้องกันลมทะเลและไฟไหม้ แต่ด้วยความสวยงามของลำต้นและใบที่มีสีเขียวสดเข้มเงางามและชื่อยังผ้อง
กับคำว่า “ฟุคุ” 福 ที่แปลว่าความสุขในภาษาญี่ปุ่น จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยือนที่สถานที่แห่งนี้ และยังเชื่อกันว่า ถ้าได้มาเดินลอดอุโมงค์นี้แล้วจะมีแต่ความสุขตลอดไปอีกด้วย เอาล่ะ …. สูดหายใจลึกๆ แล้วเดินชมต้นฟุคุกิไปด้วยกันนะ ^^
คนญี่ปุ่นเขียนคำขอพรให้คุณแม่หายป่วย ไกด์ที่พาเราเดิน บอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้เขียนนะ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวที่มาเขียนกันเรื่อยๆ ค่ะ
(ถ้าเพื่อนๆ ไป ก็อย่าเขียนน้า)
ข้างๆ อุโมงค์ เราแอบเห็นว่ามีบ้านน่ารักๆ อยู่หลังนึงเลยถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากกลับมาเพิ่งมีเวลามาหาข้อมูลว่าคืออะไร โอ้โห พลาดไปจริงๆ ค่ะ
ที่บ้านนี้เค้าเปิดเป็นคาเฟ่ และมีกิจกรรมย้อมผ้าที่สกัดสีมาจากต้น Fukugi เจ้าของบ้านเป็นศิลปินที่เคยเปิดนิทรรศการศิลปะ ผ้า“ควิลต์” (Quilt) ที่นิวยอร์กด้วยนะ
ใครสนใจลองดูที่นี่นะคะ Kusakisome & Cafe Terubosu (草木染&cafe てるぼーず)
เว็บไซต์ : https://amamikke.com/2372/
เดินเล่นกันแล้วไปทำกิจกรรมกันค่ะ วันนี้เราจะทำอาหารพื้นเมืองที่ชื่อว่า เคฮัง (Keihan 鶏飯) กัน เป็นเมนูง่ายๆ และอร่อยสุดๆ เลยแหล่ะ
ขั้นตอนการทำไม่ยากค่ะ เตรียมวัตถุดิบเพื่อนำมาเตรียมปรุงแล้วเรียงให้สวยงาม ก่อนเอามาวางให้ทุกๆ คนได้ตักใส่ถ้วยของตัวเองตอนจะกิน
อันไหนที่ใช้เวลาทำนานๆ เช่น มะละกอเชื่อม ทางสต๊าฟจะเตรียมไว้ให้เบื้องต้นแล้วค่ะ
หลักๆ จะมี ไก่ต้มฉีก ไข่เจียวบางๆ หั่นฝอย เห็ดหอมตุ๋นซอยชิ้นบางๆ มะละกอเชื่อม และเปลือกส้มดองหั่นเต๋า ต้นหอมซอยค่ะ
เสร็จแล้วก็วางที่โต๊ะ ตักข้าวใส่ถ้วย ใครชอบเครื่องเคียงอะไรก็ใส่ตามชอบกันเลย แล้วราดด้วยน้ำซุปไก่ร้อนๆ เป็นอันเสร็จค่ะ น้ำซุปไก่หอมๆ กลมกล่อมตัดกับเปลือกส้มดอง มันเด็ดจริงๆ อยากให้ได้ลองชิมกันค่ะ
ใครอยากลองทำติดต่อจองได้ที่นี่ค่ะ >> https://amamitabi.com/toiawaseform/
ตอนนี้ยังรองรับการจองได้แค่ภาษาญี่ปุ่นน๊า แต่คิดว่าคงไม่ยากเกินความพยายามของชาวไทยเราหรอกเนอะ ^^
เดินเล่นกันอีกซักนิดก่อนกลับ ในหมู่บ้าน มีหาดสวยเงียบๆ ที่ชื่อว่า คุนินาโอะ (Kuninao Beach 国直海岸) มีหาดทรายขาวและปะการังสวยๆ เยอะเลยค่ะ แถมยังมี “อุทยานเต่าทะเลคุนินาโอะ” (国直うみがめ公園) ด้วยนะ ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดที่ปลอดภัยสำหรับการวางไข่ของเต่าทะเล
ใครอยากได้บรรยากาศคาเฟ่เก๋ๆ บนเกาะ เราแนะนำร้านนี้ Bee Lunch ที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์เก่า มารีโนเวทเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ในร้านมีเมนูกับแกล้มที่เป็นอาหารท้องถิ่น และเหล้าท้องถิ่นมากมาย แน่นอนว่าเมนูเครื่องดื่มทั่วไปเช่น ชา กาแฟ ก็มีเยอะเช่นกันค่ะ มีแกงเขียวหวานด้วยนะ
พิกัด : http://www.vill.yamato.lg.jp.e.aea.hp.transer.com/kikaku/shisetsu/oshokuji/beelunch.html
น้ำตาลแดงโซดา หวานน้อยซู่ซ่าชื่นใจมากๆ ส่วนน้องที่นอนนิ่งๆ อยู่ในโหลด้านหลังนั้น…….
บรรยากาศรอบๆ Bee Lunch
อยากนั่งเล่นต่อนานๆ ในหมู่บ้าน (ไม่สิ น่าจะร้าน Bee Lunch รึป่าวนะ) แต่ก็ต้องกลับแล้ว คืนนี้เราเลือกพักใน ตัวเมืองค่ะ ชื่อโรงแรม Hotel New Amami
พิกัด : https://www.newamami.com/
เก็บของแล้วออกมาเดินเล่น แวะซื้อของฝากท้องถิ่นก่อนกลับกันซักนิด รอบๆโรงแรมมีย่านการค้า ร้านอาหารแนวอิซากายะเยอะเลย
ส่วนของฝากเราเลือกไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ของเยอะมาก ราคาถูกด้วย แนะนำให้แวะมาซื้อนะคะ จะได้มีเวลาแพ็คของใส่กระเป๋า ไปถึงสนามบินจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแพ็คของค่ะ
123 มาร์ท ชื่อร้านจำง้ายง่าย อยู่ข้างๆ โรงแรมเลยจ้า ของเยอะมากๆ
มีข้าว เคฮังกึ่งสำเร็จรูปขายด้วย !!
Day 2 in Amami Oshima
จุดที่เราจะพาไปเที่ยววันนี้ ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนอีกแห่งหนึ่ง รถประจำทางอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ดังนั้นเราขอแนะนำบริการแสนสะดวกของ ISLAND SERVICE >> https://island-service.com/ จะได้เที่ยวอย่างสบายๆ ไม่ต้องกลัวหลงให้เสียเวลาเที่ยวของเรา ^^
เกาะอามามิ โอชิมะ (Amami Oshima Island) นอกจากความสวยงามของท้องทะเลแล้ว ที่เกาะนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความปัง ความเฮงจากจุดรับพลัง Power Spot อีกด้วยนะ
พาวเวอร์สปอต (Power Spots) ในประเทศญี่ปุ่นมีอยู่มากมายหลายที่แทบจะทุกจังหวัด แต่ละที่ก็มีความเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันไป
คนญี่ปุ่นเค้าเชื่อกันว่า เป็นสถานที่ที่มีพลังงานเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่ ซึ่งแต่ละจุดอาจเป็นในรูปแบบศาลเจ้าบ้าง เทือกเขาบ้างหรืออาจเป็นต้นไม้บ้าง แล้วแต่ที่ ซึ่งไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมดวง ทำให้มีโชคลาภหรือจุดประกายพลังงานในร่างกายหากได้ไปในที่แห่งนั้น
เราจองแพ็คเกจแบบ Mini Day ให้ไกด์พาไป Power Spot ที่เราไปครั้งนี้ มี 3 จุดคือ
1. Materiya Waterfall น้ำตกงดงามที่เป็นจุดผ่อนคลายของคนในท้องถิ่นมาช้านาน เชื่อกันว่าเป็นจุดรับพลังจากแสงอาทิตย์ที่สอดส่องมายังธารน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางป่าทึบ
2. ป่าต้นกาจุมารุ ガジュマル ( Microcarpa) ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาว อามามิโอชิมะนับถือ เเละเชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าเคมมูน ケンムン หนึ่งในภูติโยไก (妖怪) ที่มีเรื่องราวลี้ลับมากมาย
3.โขดหิน ฮาร์ดร็อค ที่เชื่อว่าจะสมหวังในเรื่องความรัก สามารถมองเห็นได้เฉพาะช่วงน้ำลดเท่านั้น
Materiya Waterfall (マテリヤ滝) น้ำตกงดงามที่เป็นจุดผ่อนคลายของคนในท้องถิ่นมาช้านาน เชื่อกันว่าเป็นจุดรับพลังจากแสงอาทิตย์ที่สอดส่องมายังธารน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางป่าทึบ น้ำสีเขียวมรกตสวยงามจับใจจริงๆ เสียดายวันที่เราไปฝนตกค่อนข้างหนัก เลยเก็บภาพมาไม่ได้มากนัก
ทางเดินไปน้ำตกเป็นบันไดค่อนข้างชันและเดินใช้เวลานิดหน่อย แนะนำให้สวมใส่รองเท้าที่เดินง่ายๆ นะคะ
จุดต่อไปของเราคือ ป่าต้นกาจุมารุ ガジュマル ( Microcarpa) ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาว อามามิโอชิมะนับถือ ระหว่างทางไกด์ก็จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟังไปด้วย
แล้วก็คุยเรื่องต้น กาจุมารุ กับต้นอาโค (Akou no ki アコウの木) ซึ่งเป็นอีกต้นไม้ที่ให้พลัง จุด Power Spot เช่นกัน และเล่าเรื่องราวของต้นอาโคอีกยาวๆๆๆๆๆ และตบท้ายด้วยวลีเด็ดว่า…. เนี่ย… เพิ่งไปเจอจุดใหม่ ที่มีต้นใหญ่มากๆ ยังไม่เคยพานักท่องเที่ยวเข้าไปเลยนะครับ สนมั้ย ….
แหม เล่ามาขนาดนี้ ไม่ไปก็คงไม่ได้แล้วค่ะ ……
ทิวดอกหญ้าสวยๆ ตรงปากทางเข้าไปดูต้นอาโค
มาถึงแล้ว แต่ไม่มีลานจอดรถนะ ต้องหลบๆ ไหล่ทางจอดเอาค่ะ ในทริปแต่ละครั้งไกด์อาจพาไปคนละจุดนะคะ เพราะมีแหล่งต้น กาจุมารุ ต้นอาโค หลายจุด
ส่วนจุดที่เรามากันวันนี้ ตามที่เกริ่นไปด้านบนค่ะ ไกด์บอกว่าเพิ่งจะเป็นจุดที่พบเมื่อไม่นานมานี้เอง ว้าววว รู้สึกเป็นเกียรติจังที่ได้มาประเดิมที่ใหม่ๆ
ทางเข้า ฮ่าฮ่า เชื่อรึยังล่ะคะ ว่าเพราะอะไร ถึงแนะนำให้เลือกจองแพ็คเกจ มาเที่ยวพร้อมไกด์ แต่ละจุดอันซีนสุดๆ ไปเลยจ้า
จากจุดจอดรถเดินไม่ไกลค่ะ แต่มีบางจุดต้องลุยๆ หน่อยนะคะ ทางเดินก็จะประมาณนี้แหล่ะ อยากเจอของพิเศษมันก็ต้องลุยๆ กันหน่อยนะ
ลองสังเกตตรงระหว่างเท้าไกด์ของเรานะคะ มองเห็นรากของต้นอาโค มั้ย ยาวมากกก นู่นเลยค่ะ ต้นอยู่ตรงด้านหน้าที่มีไกด์อีกท่านยืนอยู่ข้างหน้า
ต้นอาโค มีอีกชื่อที่เรียกว่า ชิเมะโคโระชิ 絞め殺し ที่แปลว่ารัดให้ตาย น่าจะมาจากลักษณะลำต้นที่มีรากอากาศแข็งแรงห้อยลงมาพันตามกิ่งก้านและลำต้น จนเหมือนรัดตัวเองรึป่าวนะ….. อีกอย่างที่ไม่แน่ใจคือ คล้ายๆ ต้นไทรย้อยของไทยมั้ยนะ… ถ้าใครทราบช่วยกระซิบบอกหน่อยนะคะ
ไกด์บอกกับเราว่า ลองเข้าไปใกล้ๆ ต้นไม้แล้วหลับตาลองฟังเสียงดู …….. แต่ทีมงานของเราใจยังไม่กล้าพอที่จะหลับตา เลยอดฟังเสียงแห่งพลัง
หากใครได้ไปแล้ว อย่าลืมมาเล่าให้ฟังบ้างนะ ว่าได้ยินเสียงอะไรบ้าง…
จุดต่อไป โขดหิน ฮาร์ดร็อค ที่เชื่อว่าจะสมหวังในเรื่องความรัก
บรรยากาศร่มรื่น ระหว่างทางเราก็จะเจอกับพันธุ์ไม้เขตร้อนต่างๆ หลายชนิดเลย มีต้นมะละกอด้วยนะ แอบลูกดกซะด้วย! ไกด์บอกว่าเป็นมะละกอที่ขึ้นเองโดยธรรมชาติ น่าจะมาจากนกที่กินเนื้อและเมล็ดเข้าไปและขับถ่ายออกมา
เดินไปเรื่อยๆ ฟังไกด์เล่าเรื่องต่างๆ ซักพักก็เริ่มได้ยินเสียงคลื่น เป็นสัญญาณว่าเราใกล้ชายหาดเข้ามาแล้ว
มาถึงแล้วโขดหิน ฮาร์ดร็อค ที่เชื่อว่าจะสมหวังในเรื่องความรัก ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างงดงาม
โขดหินนี้สามารถมองเห็นได้เฉพาะช่วงน้ำลดเท่านั้นนะคะ ใครที่มาเล็งช่วงเวลาดีๆ น้า
ในบริเวณนี้ยังมีหินทะลุรูปทรงต่างๆ เป็นมุมถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวได้มาเก็บภาพกันมากมายหลายมุมเลยนะคะ แต่ที่แทบจะทุกคนตั้งใจมาดู ก็คงเป็นโขดหินรูปหัวใจนี้แหล่ะ
ถ่ายรูปริมหาดกันเป็นที่พอใจแล้ว หาอะไรอร่อยๆ ชุ่มคอแก้กระหายกันซักหน่อย ที่ Hi Healthy Island Cafe อยู่ฝั่งตรงข้ามปากทางเข้าโขดหิน Heart Rock เลย
ร้านนี้เป็นร้านคาเฟ่ออร์แกนิกที่ใช้วัตถุดิบมาจากฟาร์มออร์แกนิกของตัวเอง บรรยากาศเขียวร่มรื่นแยกเป็นส่วนร้านฟาร์ม มีทั้งเครื่องดื่ม ขนมต่างๆ และของฝากรูปหัวใจ ที่เป็นกิมมิคของ โขดหิน Heart Rock ด้วย
เมนูชูโรง คือสมูทตี้ผลไม้ ที่แน่นอนว่าใช้ผลผลิตจากฟาร์มเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งที่เลี้ยงเอง ส่วนนมจะใช้เป็นนมแพะด้วยนะ
ไหนๆ ก็มาแล้วต้องลองว่ารสเป็นอย่างไร …..
ใกล้ถึงเวลากลับของเราแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับเลยนะ ขับรถจอดเรื่อยเปื่อย อ้อยอิ่งถ่ายรูปหาดไปเรื่อยๆ
ทิ้งท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับเข้ากรุงโตเกียว แวะกินอาหารกลางวัน ที่ร้าน อะมาเนะชิอะ (AMA ネシア) >> http://basyayama-mura.com/restaurant
ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารพื้นเมืองค่ะ ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก อ้า มีเมนูเคฮังที่เราไปหัดทำกันเมื่อวานด้วยนะคะ
ใครอยากนั่งกินแบบชิลๆ ริมทะเลแวะมาที่นี่ได้
ร้านนี้อยู่เชื่อมกับ Amami Resort Basyayama Mura มีทั้งโซนที่เป็นโรงแรม โซนร้านของฝากที่ใหญ่มากๆ
ขนมขบเคี้ยวของกินเล่นต่างๆ อาหารแปรรูปไปถึงเสื้อผ้า และเครื่องตกแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ เลยทีเดียวค่ะ
ด้านนอกจุดถ่ายรูปเก๋ๆ ไว้ลง IG ก็เยอะเลยนะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ อามามิโอชิมะ เกาะที่ได้ชื่อว่า “ใกล้เคียงกับสรวงสวรรค์ที่สุด” แห่งญี่ปุ่น ทั้งธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ การยิ้มแย้มต้อนรับอย่างเป็นมิตรของผู้คนในพื้นที่ อาหารการกินที่แสนอร่อย บรรยากาศชิลๆ สบายๆ เหมือนความวุ่นวายในทุกๆ วันนั้นถูกระงับไว้ที่นี่
เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวลับๆ ที่คนไทยยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก ลองมาดู มาสัมผัส แล้วคุณจะหลงรักเกาะอามามิ โอชิมะ อย่างเต็มหัวใจเหมือนเราค่ะ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– ตะลุยเที่ยวที่ใหม่ๆ สโลว์ไลฟ์รอบเกาะคิวชู ตอนที่ 3
– ตะลุยเที่ยวที่ใหม่ๆ สโลว์ไลฟ์รอบเกาะคิวชู ตอนที่ 2
– ตะลุยเที่ยวที่ใหม่ๆ สโลว์ไลฟ์รอบเกาะคิวชู ตอนที่ 1
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 4
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 3
#ตะลุยเที่ยวที่ใหม่ๆ สโลว์ไลฟ์รอบเกาะคิวชู ตอนที่ 4