บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 2
กลับมาต่อกันจากตอนแรก กับการเที่ยวเกียวโตด้วยรถเช่าเพื่อตามหาสถานที่ลึกลับที่หลับไหลอยู่นอกเมืองเกียวโต หลังจากที่ไป Kayabuki no Sato, Ine และ เมือง Muko มาแล้ว เป้าหมายต่อไปของพวกเราก็คือ…
DAY 4 : แวะวัด Byodoin แล้วตะลุยแดนชา จาก Uji ถึง Wazuka
จุดหมายหลักของวันนี้คือวัด Byodoin วัดที่ความเก่าแก่และสวยงามมาก งามขนาดจนเป็นวัดเพียงหนึ่งเดียวที่ได้อยู่บนเหรียญ 10 เยน แถมยอดของหอฟีนิกซ์ยังถูกใช้ในธนบัตร 10,000 เยนด้วย ภาพที่คุ้นเคยกันก็จะเป็นภาพที่วัด Byodoin สะท้อนกับผิวน้ำรอบๆอย่างสวยงาม แต่ทว่าวันนี้ทางวัดมีการซ่อมแซมสวนจึงมีการเปลี่ยนน้ำในสระ น้ำเลยแห้งเหือดลงไป เป็นภาพที่แปลกตาก็จริง แต่เรารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นหอฟีนิกซ์สะท้อนน้ำ อย่างไรก็ตามการซ่อมแซมนี้เสร็จสิ้นลงวันที่ 1 มีนาคม 2020 น้ำที่เปลี่ยนใหม่ใสแจ๋วยิ่งกว่าเดิม ใครไปวัด Byodoin หลังวันที่ 1 มีนาคม ก็จะได้ไปชมวัดสะท้อนน้ำได้อย่างสวยงามแน่นอน
น้ำแห้งๆ ดูแบบนี้ไปก่อน
น้ำแห้งๆ ดูแบบนี้ไปก่อน
มาเช้าๆ แสงสวยมาก
ตัวที่อยู่ในแบงค์หมื่นเยน
จริงๆ พอมีน้ำอยู่นะ แต่มีเป็นหย่อมๆ
ออกมาเดินเล่นรอบแม่น้ำอุจิ
ข้ามสะพานแดงไปเกาะกลาง
เจ้านกนี่คือนกจับปลาที่โด่งดังแห่งแม่น้ำอุจิ แต่ช่วงนี้พักงานอยู่ในกรงตรงเกาะกลางนี่แหละ
หลังจากชื่นชมความงามของวัดและบริเวณรอบๆ แม่น้ำ Uji เสร็จ เราก็เข้าไปรับประทานอาหารบริเวณ Byodoin Omotesando ซึ่งเป็นโซนถนนคนเดินข้างๆ วัดที่ร้าน Wamucha Cafe เนื่องจากเมือง Uji นั้นโด่งดังเรื่องชาอย่างมาก ถนนเส้นนี้ทั้งอาหาร ขนม ของฝากต่างๆ เกือบทุกอย่างจะมีชาเขียวของเมือง Uji เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ไม่เชื่อดูได้จากอาหารที่ร้านนี้ได้เลย มีตั้งแต่อุด้งชาเขียว โซบะชาเขียว และเมนูที่อยากจะแนะนำก็คือ มาโบโทฟุ หรือ เต้าหูผัดพริกเสฉวน ที่เต้าหู้นั้นทำจากชาเขียว รสชาติร้อนแรงมาก (ยังไม่เข็ดจากเมื่อวาน)
เป็นถนนสายสั้นๆ แต่น่ารักดี
หิวแล้ว เอาร้านนี้ละกัน
อันนี้อร่อยมากกกก เผ็ดร้อนน (แต่น้อยกว่าเมื่อวาน)
เกือบทุกอย่างทำจากชาเขียว
แน่นอนของหวานก็ด้วย
มาถึงเมืองแห่งชาทั้งทีพวกเราเลยอยากเห็นไร่ชาเขียวที่เรียงตัวอย่างสวยงามตามเนินเขาอย่างที่เห็นในโปสเตอร์ เราจึงทำการขับรถเดินทางต่อจากเมือง Uji มุ่งหน้าสู่เมือง Wazuka ที่อยู่ห่างไปไม่นานนัก และเราก็ได้พบกับไร่ชาเขียวมากมายเต็มไปหมด สมใจและเห็นอะไรที่เหมือนกับโปสเตอร์ท่องเทียวสักที หลังจากขับรถวนๆ จอดรถถ่ายรูปจนสาแก่ใจแล้ว เรากลับมายังตัวเมืองเกียวโตแล้วก็โบกมือลาเจ้าม้าคู่ใจ Toyota Alphard ที่ทำหน้าที่ตลอด 4 วันนี้ได้ดีเหลือเกิน แพลนของค่ำคืนนี้ไม่มีอะไรมาก หลังจากอยู่ป่าเขาและท้องทะเลมานาน ได้เวลาช้อปปิ้งแล้ว
บรรยากาศในเมือง
อ้าวถึงวาซึกะแล้ว
รอบข้างมีแต่ไร่ชาเป็นลอนสวยงาม
จอดมาถ่ายรูปเล่นตลอด
หลังจากกลับมาถึงตัวเมืองก็จัดหนักกันหน่อย อยู่ป่าเขามานาน
DAY 5 : เก็บตกตัวเมืองเกียวโตกับเสาแดงนับหมื่นต้นที่ Fushimi Inari Taisha
เนื่องจากเหลือเวลาในตัวเมืองแค่ 1 วันเท่านั้น คงไปไม่ได้ทั้งหมดแน่ แพลนวันนี้เราจึงเลือกที่จะไปถ่ายรูปกับเสาโทริอิแดงนับพันต้นที่ศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha โดยก่อนไปก็ได้ทำการยัดสัมภาระทั้งหลายลงล็อคเกอร์ที่สถานีเกียวโตไว้ พอกลับเข้าตัวเมืองแล้วพบว่าชีวิตช่างวุ่นวายเหลือเกิน คนเต็มไปหมด การจะถ่ายให้ดูโล่งเลยต้องอาศัยจังหวะสักหน่อย
หลังจากนี้ไม่มีรถขับแล้ว ลาก่อนนะเจ้า Alphard
ชีวิตขาดสีแดงเลยต้องมาเติมที่นี่
ถ้าอยากได้ไปตั้งที่บ้าน
แถวๆ นั้นมีกาชาให้หมุนอยู่
หลังจากเต็มอิ่มกับ Fushimi Inari Taisha ต่อไปเป็นภารกิจเพื่อเพื่อนและครอบครัว ใช่แล้ว ของฝากมากมายที่ลิสต์ยาวเป็นหางว่าวนั่นเอง เพื่อที่จะกวาดของฝากทั้งหมดให้เสร็จในที่เดียวโดยที่ของฝากส่วนใหญ่เป็นหน้ากากอนามัยนั้น เราจึงมุ่งไปที่สถานี Jingu Marutamachi เพื่อไปยังย่านการค้า Teramachi ซึ่งภารกิจนั้นก็สำเร็จไปได้ด้วยดี ได้ติดมือมาคนละกล่อง 2 กล่อง เพราะโดนจำกัดสิทธิ์การซื้ออยู่
เดินทางต่อ
ถึงแล้วจ้า
หน้ากากหายเรียบ
เนื่องจากพรุ่งนี้บินเช้ามากช่วงตกเย็นเราจึงนั่งรถไฟมาพักที่สถานี Izumisano ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินคันไซแค่ 2 ป้ายเท่านั้น นั่งรถไฟ 10 นาทีก็ถึง และแพลนของค่ำคืนนี้ก็คือ…. เอาของที่ซื้อทุกอย่างเมื่อตอนบ่ายๆ มายัดเข้ากระเป๋าเดินทางให้หมดนั่นเอง
อยากไม่อยากกลับบ้านเลย ฮือๆ
DAY 6 : มา NokScoot ก็ต้องกลับ NokScoot
วันนี้การเดินทางของเราเริ่มต้นเช้ามาก เช้าสุดในทริปเลย เนื่องจากว่าเครื่องเราออกเวลา 08.30 ทำให้พวกเราต้องรีบมาถึงที่สนามบินตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อทำการทิ้งทวนช้อปปิ้งเป็นครั้งสุดท้ายที่สนามบิน!! ไหนๆ ก็ไม่มีสถานที่อะไรให้รีวิวต่อแล้ว เราขอรีวิวม้าคู่ใจหมายเลข 2 ของทริปนี้ แถมเป็นม้ามีปีกซะด้วย นั่นก็คือ NokScoot นั่นเอง
ขึ้นจากญี่ปุ่นแถวไม่ยาว
เหลืองกันแบบไม่ได้นัดมา
ขากลับของเราเป็นเที่ยวบิน XW111 เริ่มบินเวลา 8.30 น. เวลาญี่ปุ่นและจะถึงดอนเมืองเวลา 12.45 น. ตามเวลาไทย สภาพเครื่องเหมือนกับตอนขามา เครื่องบินลำใหญ่ เบาะนั่งสบาย ไม่ต้องนั่งงอขา และในรอบนี้เราก็ได้ลองสั่งอาหารมากินดูด้วย (ขามาไม่ได้สั่งเพราะดึกแล้วอยากนอน) เวลาสั่งอาหารนี่สงสัยอะไรก็ถามแอร์โฮสเตสได้เลย ถามได้ตอบได้เช่นเดียวกับอับดุล และรอบนี้เราก็เลือกเป็นข้าวพะแนงหมูที่รสชาติจัดว่าอร่อย เมื่อกินจนอิ่มแล้วเราก็นั่งๆ นอนๆ จนถึงจุดหมายปลายทางของเราสนามบินดอนเมืองแบบตรงเวลา และทริปขับรถตะลุยเกียวโตแบบไม่แมสของเราก็จบลงด้วยรอยยิ้มหวานๆ จากแอร์โฮสเตสของ NokScoot อันเป็นสัญญาณว่าทริปนี้ของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว
ที่นั่งแบบ 3-4-3 ลำใหญ่ขับนิ่มอยู่ เพราะขามานี่หลับสนิทเลย
ยืดขาได้
อยู่ๆ ก็หิว
จะถูกจะแพงพะแนงไว้ก่อน
เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพ เหล่าแอร์โฮสเตสมายืนส่งสายตาให้กัน ปิ๊ง ๆ ๆ
เมื่อเราไปต่างประเทศ พาหนะในการเดินทางนั้นสำคัญมากๆ ที่พร้อมจะทำให้ทริปของเรานั้นน่าประทับใจหรือแม้กระทั่งพังแบบไม่เป็นท่าเอาได้ง่ายๆ ในครั้งนี้ขอขอบคุณ NokScoot และ Toyota Rent a Car ที่มาเป็นนกและม้าคู่ใจของเราในครั้งนี้และทำให้ทริปของเราจบลงด้วยความประทับใจ
วันนี้ขอพอเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ครั้งหน้าเราจะมารีวิวสถานที่เที่ยวเกียวโตแบบไม่แมส #unseenkyoto แต่ละแห่งอย่างละเอียดอีกครั้ง ฝากติดตามกันต่อด้วย สวัสดีจ้า
อ่าน >> – บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 1
#ขับรถเที่ยวเกียวโต #บินตรงโอซาก้า