ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin Kamigoto ตอนที่ 9 : Unseen ถ้ำคริสตังแห่งโกโต้
สวัสดีค่ะ…หลังจากเขียนถึงโบสถ์ในตำบลชินคามิโกโต้ไปจนครบทั้ง 29 แห่งแล้ว ในตอนนี้ป้าหมวยยยจะมาเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำกลุ่มคริสตังลับแห่งหมู่เกาะโกโต้ และการเยี่ยมชมสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งของตำบลชินคามิโกโต้ นั่นคือ การชม “ถ้ำคริสตัง” (キリシタン洞窟 Kirishitan Dōkutsu หรือ Christians’ Cave) ที่เคยเป็นที่หลบซ่อนของคริสตังลับในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ค่ะ
ถ้ำคริสตังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะวาคามัตสึของตำบลชินคามิโกโต้ สามารถเดินทางไปชมได้ทางเรือเท่านั้น แน่นอนว่าหากคลื่นลมแรงก็ไม่สามารถออกเรือได้
ตำแหน่งของถ้ำคริสตัง
ถ้ำคริสตังไม่สามารถไปได้ด้วยรถยนต์ ต้องไปด้วยเรือนำเที่ยวเท่านั้น
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเรือนำเที่ยวเช่าเหมาลำ พาชมถ้ำคริสตังอยู่ 3 รายอยู่บริเวณช่องแคบวาคามัตสึ โดยต้องโทรจองล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 วัน ค่าบริการ ณ ปี 2019 อยู่ที่ 8,000 เยน สำหรับผู้โดยสาย 1 – 2 คน และผู้โดยสาร 3 คนขึ้นไปคิดคนละ 3,000 เยน
สำหรับครั้งนี้มีชาวญี่ปุ่นช่วยประสานงานจองเรือนำเที่ยวให้ป้าค่ะ โดยติดต่อไปที่เรือโชฟุคุมารุ (祥福丸 Shōfukumaru) แล้วนัดพบกันที่ลานจอดรถของโบสถ์คิริ (桐教会 Kiri Kyōkai) ที่ป้าเคยพูดถึงไปแล้วเมื่อตอนที่ 1 โดยป้าเป็นผู้โดยสารคนเดียวในการออกเรือรอบนี้ค่ะ
เมื่อไปถึงโบสถ์คิริแล้ว ป้าโทรหาภรรยาเจ้าของเรือ สักพักก็มีรถคันเล็ก ๆ เขียนชื่อเรือมาที่โบสถ์แล้วขอให้ป้าขับรถตามไปจนถึงท่าเรือเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากโบสถ์ไปไม่ไกลนัก
ตอนจองเรือนำเที่ยวได้แล้ว ป้าก็แอบตื่นเต้นนะคะ เพราะรู้มาว่าเจ้าของเรือโชฟุคุมารุลำนี้ คุณซาไค โยชิฮิโระ (坂井好弘 Sakai Yoshihiro) จริง ๆ แล้วเป็นโจคาตะ (帳方 Chōkata) หรือผู้นำของกลุ่มคริสตังลับที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันที่เรียกว่า คาคุเระคิริชิตัง (かくれキリシタン Kakure Kirishitan) ค่ะ
ผู้นำกลุ่มคริสตังลับ “โจคาตะ”
ในสมัยก่อนที่รัฐบาลบากุฟุสั่งห้ามนับถือศาสนาคริสต์และขับไล่บาทหลวงต่างชาติ ทำให้คริสตังต้องปิดบังตัวตนและแสดงออกซึ่งความเชื่อทางศาสนาได้แต่เพียงในที่ลับ ต้องดัดแปลงรูปแบบเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่และคนต่างศาสนา ตลอดช่วงเวลา 260 ปีที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ ทำให้ความเชื่อศาสนาคริสต์ที่ถูกถ่ายทอดมาได้ผสมผสานไปกับศาสนาพุทธ ชินโต และความเชื่อท้องถิ่น จนผิดจากความเชื่อคาทอลิกและจารีตดั้งเดิมไปมากจนเป็นเหมือนลัทธิที่มีรูปแบบเฉพาะตัว
ยกตัวอย่างเช่น ‘พระเยซู’ และ ‘พระแม่มารีย์’ ที่พวกเขานับถืออยู่ในอีกรูปแบบที่ต่างไปคล้ายอยู่ในสถานะเทพเจ้า พวกเขามีบทสวดและธรรมเนียมเฉพาะตัว รับศีลเฉพาะในเทศกาลสำคัญตามปฏิทินพิธีกรรมที่สืบทอดมา โดยใช้ชิ้นปลาซาชิมิกับเหล้ากลั่นแทนปังกับเหล้าองุ่น การทำสำคัญมหากางเขนที่จะทำเฉพาะเวลาล้างบาปและเวลาตาย เป็นต้น
ผู้นำที่มีบทบาทสำคัญของกลุ่มคริสตังลับ ได้แก่ โจคาตะ, มิซึคาตะ, และคิคิยาคุ
• โจคาตะ (帳方 Chōkata) ถือว่าเป็นผู้นำและบุคคลสำคัญที่สุดของกลุ่มคริสตังลับ มีหน้าที่รักษาปฏิทินพิธีกรรมที่คำนวณจากปฏิทินสุริยคติตะวันตกเป็นปฏิทินจันทรคติที่ใช้ในญี่ปุ่น และสืบทอดต่อ ๆ กันมารุ่นต่อรุ่น รวมทั้งแจ้งวันฉลองและวันถือศีลสำคัญต่าง ๆ
• มิซึคาตะ (水方 Mizukata) มีหน้าที่ดูแลกลุ่มคริสตังลับย่อย ๆ ที่กระจายตัวตามสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งทำพิธีล้างบาป
• คิคิยาคุ (聞役 Kikiyaku) เป็นตำแหน่งผู้ช่วยของมิซึคาตะ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่คอย ‘ฟัง’ คำสวดระหว่างทำพิธีล้างบาปไม่ให้ผิดพลาด
เมื่อการเบียดเบียนศาสนาหมดไปและทุกคนสามารถนับถือศาสนาได้อย่างเสรีแล้ว ลูกหลานคริสตังลับบางส่วนหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แต่บางส่วนหันไปนับถือศาสนาอื่น หรือแม้แต่ไม่นับถือศาสนาใด ๆ เลยก็มี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคริสตังลับที่ยังคงยึดถือธรรมเนียมความเชื่อของบรรพบุรุษสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
โจคาตะรุ่นที่ 9 : คุณซาไค โยชิฮิโระ
ถึงตอนนี้คุณซาไคในวัย 63 ปี รับช่วงเป็นโจคาตะ (บางทีก็เรียกว่าไทโช (大将 Taishō หมายถึง ‘ผู้นำ’) รุ่นที่ 9 มาได้สิบกว่าปีแล้ว ปกติตำแหน่งผู้นำจะส่งต่อให้แก่ลูกชายหรือญาติสายตรงในตระกูล แต่คุณพ่อตามีบุตรสาวคนเดียวซึ่งเดิมมีคู่หมั้นหมาย แต่ก็ยอมให้แต่งงานกับคุณซาไคที่เป็นชาวพุทธมาจากเกาะโอจิกะ (小値賀島 Ojika-jima) ทางตอนเหนือของหมู่เกาะโกโต้
คุณซาไคเองก็ไม่รู้มาก่อนว่า ครอบครัวภรรยาสกุลฟุคาอุระ (深浦 Fukaura) เป็นครอบครัวผู้นำกลุ่มคริสตังลับ จนกระทั่งสังเกตเห็นคุณพ่อตาทำพิธีสวดในบ้าน โดยปิดประตูบานหิ้งบูชาแล้วสวดเงียบ ๆ แทบไม่ได้ยินเสียง ในวันอาทิตย์ก็จะสวมชุดกิโมโนที่ต่างจากปกติและเดินขึ้นเขาพร้อมกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในช่วงเช้ามืดและกลับมาอีกทีช่วงย่ำรุ่ง ภายหลังเขาได้เข้ารับพิธีล้างบาปตามธรรมเนียมคริสตังลับตามคำขอของคุณพ่อตา
คุณซาไคกับภรรยามีบุตรชาย 5 คน คุณพ่อตาซึ่งเคยเป็นโจคาตะรุ่นที่ 7 มานานถึง 50 – 60 ปีได้ขอบุตรชายคนโตเป็นลูกบุญธรรม แล้วเปลี่ยนนามสกุลให้เป็นฟุคาอุระ วางตัวให้เป็นผู้สืบทอดความเชื่อคริสตังลับต่อไป
ราวสิบกว่าปีก่อน ญาติฝ่ายคุณพ่อตาที่รับช่วงเป็นโจคาตะรุ่นที่ 8 ล้มป่วยลง จึงขอร้องให้คุณซาไครับช่วงแทนจนกว่าลูกชายจะสืบทอดต่อ คุณซาไคจึงเริ่มทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคริสตังลับตั้งแต่ราวต้นปี 2008 ในวัย 50 ปีเป็นต้นมา
ก่อนหน้านั้นคุณซาไคเคยติดตามคุณพ่อตามาหลายสิบปี และได้เรียนรู้บทสวดและพิธีกรรมจากญาติ ๆ รุ่นที่แล้ว ซึ่งตัวเขาก็หวังให้ลูกชายที่จะขึ้นเป็นผู้นำรุ่นที่ 10 ได้เรียนรู้ทุกอย่างหลังเกษียณจากงานเช่นกัน
ในช่วงแรกสมาชิกคริสตังลับบางคนไม่ยอมรับโจคาตะที่เป็นคนนอกอย่างคุณซาไคถึงกับออกจากกลุ่มไปเลย เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียนรู้จดจำบทสวดและลำดับพิธีกรรมต่าง ๆ จนเป็นที่ยอมรับของทุกคน
ปฏิทินพิธีกรรมและวัตถุสำคัญทางศาสนาที่สืบทอดกันมาถูกเก็บรักษาอยู่ที่บ้านของคุณซาไค ซึ่งมีเพียงผู้นำคริสตังลับเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ เช่น รูปสลักแบบญี่ปุ่นที่ใช้แทนพระเยซู สายประคำที่กล่าวกันว่าตกทอดกันมาตั้งแต่ 400 ปีก่อน เหรียญบูชา เป็นต้น ศาสนวัตถุบางชิ้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่น พระรูปมาเรียคันนง (マリア観音 Maria Kannon) ที่จะสงวนไว้เฉพาะโจคาตะเท่านั้น มิให้ผู้อื่นเห็นเด็ดขาด
รูปสลักแทนพระเยซูของคริสตังลับ
ขอยืมภาพจาก Asahi.com
ปัจจุบันมีคริสตังลับเหลืออยู่ 27 ครอบครัวหรือประมาณ 70-80 คนบนหมู่เกาะโกโต้ ถือว่ามีจำนวนน้อยลงมากเมื่อเทียบกับเมื่อ 100 ปีก่อนที่มีอยู่ถึง 300 ครอบครัว
หลายครอบครัวเลือกที่จะยึดถือแนวทางของบรรพบุรุษคือไม่แสดงตัวหรือแสดงออกซึ่งความเชื่อให้ผู้อื่นเห็น จึงเป็นการยากที่จะรู้ว่าครอบครัวใดเป็นคริสตังลับ อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพสังคม เศรษฐกิจ จำนวนประชากรในท้องถิ่น และกระแสโลกในปัจจุบัน ในอนาคตจึงไม่อาจทราบได้ว่า กลุ่มคริสตังลับจะดำรงอีกยาวนานเพียงใด
เรือโชฟุคุมารุของคุณซาไค
สมุดบันทึกบทสวดโอราโช
ขณะที่คุณซาไคขับเรือก็เอาตัวอย่างบันทึกบทสวดโอราโช (オラショ Orasho) มาให้ดูด้วยค่ะ
คำว่า “โอราโช” มาจากภาษาละติน Oratio แปลว่า บทสวด ในบทสวดมีคำผสมทั้งจากภาษาละติน ภาษาโปรตุเกส ภาษาญี่ปุ่นและคำท้องถิ่น
สมัยก่อนบางพื้นที่อาจจะสวดออกเสียงในที่ลับโดยมีคนดูต้นทางได้บ้าง แต่บางพื้นที่จะสวดกันเหมือนเสียงกระซิบเท่านั้น นอกจากนี้คริสตังลับในสมัยก่อนจะสืบทอดบทสวดโอราโชกันปากเปล่าเพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐาน และในบางพื้นที่อนุญาตให้เพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะสืบทอดบทสวดได้
ลองถอดบทสวดโอราโชสัก 2 บทสั้น ๆ จากในสมุด คือ บทสวด Abe Mariya และ Santa Kurusu
Abe Mariya no Orassho
Abe Mariya kanyabeniya domeniko piratsutotsuyo
Ikirenna, narentsu, kurontsu, beshikebe-tsu,
Zeezusu-sama, on haha santa Mariya, birugo Mariya,
Gengadoriya, nonkiri, nontsutsu, Amen
อาเบ มาริยา โนะ โอรัชโช
อาเบมาริยา คันยาเบนิยา โดเมนิโค ปิรัทซือโทสึโย
อิคิเรนนา, นาเรนทซือ, คุรอนทซือ, เบนเคเบทซือ
เซซุสุซามา, อน ฮาฮา ซานตา มาริยา, บิรุโก มาริยา,
เก็นกาโดริยา, นงคิรี, นงทซือทซือ, อาเมน
Santa Kurusu no Orassho
Santa Kurusu no, minrun wo motte, deusu pāteru
Hyō supirito santo, mina wo motte, Amen
ซานตา คุรุสึ โนะ โอรัชโช
ซานตา คุรุสึ โนะ มินรุน โอะ โมตเตะ, เดอุสึ ปาเตรุ
เฮียว สุปิริโต ซานโต, มินา โอะ โมตเตะ, อาเมน
เดาจากชื่อ ป้าหมวยยยคิดว่า Abe Mariya no Orassho คือ บทสวดสรรเสริญพระแม่มารีย์ (Ave Maria) ส่วน Santa Kurusu no Orassho เป็นบทสวดสรรเสริญกางเขนศักดิ์สิทธิ์ (Santa Cruz)
สำหรับความหมายและที่มาของคำ อันนี้ป้าไม่ทราบนะคะเพราะมันค่อนข้างลึกซึ้งมากทีเดียว แต่พอจับคำที่เป็นภาษาละตินที่เป็นสำเนียงญี่ปุ่นได้สองสามคำ
คุณซาไคบอกว่า คริสตังลับบนหมู่เกาะโกโต้เหลือเพียงบริเวณวาคามัตสึแห่งนี้ที่เดียว และยังคงธรรมเนียมแบบโบราณไว้มากที่สุด จะสวดเงียบ ๆ เป็นการส่วนตัว ยกเว้นในเทศกาลสำคัญในเทศกาลคริสต์มาส, เทศกาลพระเยซูทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ และเทศกาลเริ่มต้นการเพาะปลูกที่ทุกคนจะมารวมตัวทำพิธีกรรมร่วมกัน
หินผาตามเกาะแก่งที่แหว่งวิ่นเพราะถูกคลื่นทะเลซัดมานานปี
ถ้ำรูเข็ม (ฮาริโนะเม็งโดะ)
ถ้ำรูเข็ม “ฮาริโนะเม็งโดะ”
เมื่อเรือออกจากฝั่งมาได้ประมาณ 10 นาที คุณซาไคก็ดับเครื่องลอยลำอยู่หน้า “ถ้ำรูเข็ม (ฮาริโนะเม็งโดะ) หรือ ハリノメンド (Hari no Mendo) โดย “เม็งโดะ” เป็นภาษาถิ่นของหมู่เกาะโกโต้ แปลว่า “รู”
ช่องถ้ำนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่สำหรับคริสตังลับมองเห็นเป็นภาพเงาพระแม่มารีย์อุ้มพระบุตร และให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
เงาร่างพระแม่มารีย์อุ้มพระบุตรในมุมมองของคริสตังลับ
เมื่ออ้อมแหลมตรงถ้ำรูเข็มมาอีกไม่กี่นาที ก็เริ่มเห็นพระรูปพระเยซูบนยอดโขดหินสูง แต่จุดนั้นยังไม่เหมาะสำหรับจอดเรือ ต้องเลยไปอีกนิดจึงจะมีจุดที่เหมาะสมพอจะให้ผู้โดยสารขึ้นลงทางหน้าเรือค่ะ
พระรูปพระเยซูอันเป็นสัญลักษณ์ของถ้ำคริสตัง
จากจุดจอดเรือตรงนี้ ป้าต้องปีนขึ้นไปที่ถ้ำคนเดียวเพื่อเข้าไปยังถ้ำคริสตัง เพราะเจ้าของเรือจะต้องอยู่บนเรือตลอดเวลา
ถ้ำคริสตัง
ถ้ำคริสตัง (Kirishitan Dōkutsu / Kirishitan Wando / Christian’s Cave)
ถ้ำคริสตัง (キリシタン洞窟 Kirishitan Dōkutsu) บางทีก็เรียกว่า キリシタンワンド (湾処) หรือ Kirishitan Wando เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Christians’ Cave อยู่ในหลืบหลังโขดหินใหญ่ เป็นจุดอับมองจากภายนอกไม่เห็น
ปัจจุบันมีการประดิษฐานพระรูป “พระเยซูแห่งสันติสุข” สูง 3.6 เมตรขึ้นบนยอดโขดหินที่สูง 4 เมตรในปี 1967 เป็นสัญลักษณ์หน้าถ้ำ ทางเข้าเป็นโขดหินขรุขระมากมาย ผู้เข้าชมถ้ำจึงต้องเตรียมตัวล่วงหน้าโดยสวมรองเท้าผ้าใบ พกของน้อยชิ้นให้คล่องตัว และใช้ความระมัดระวังปีนป่ายตามโขดหินเพื่อเข้าไปด้านใน
ทางเข้าถ้ำอยู่ด้านหลังพระรูปพระเยซู
ภาพ 360 องศา ตรงทางเข้าถ้ำใต้พระรูป
ตามข้อมูลระบุว่า ถ้ำนี้ลึก 50 เมตร สูง 5 เมตร ส่วนที่กว้างที่สุด 5 เมตร มีลักษณะภายในเป็นรูปตัว T มีช่องทางทะลุออกมาอีกด้านหนึ่งได้
ทางเข้าถ้ำคริสตัง อีกด้านหนึ่งมีทางทะลุออกมาได้
ภาพ 360 องศาตรงโถงกลางถ้ำคริสตัง
กลางผนังถ้ำฝั่งขวามีร่องรอยทรงรีที่อาจจะเคยมีอะไรติดอยู่ กล่าวกันว่าคริสตังลับที่เคยหลบซ่อนอยู่ที่นี่อาจเป็นผู้ทำขึ้น เพื่อเพ่งภาวนาโดยจินตนาการเป็นใบหน้าพระแม่มารีย์หรือพระเยซู หรือนำบางสิ่งมาติดตั้งไว้
ร่องรอยวงรีที่อยู่ตรงโถงที่คริสตังลับเมื่อร้อยกว่าปีก่อนอาจเป็นผู้ทำขึ้น
ประวัติของถ้ำคริสตังแห่งนี้มีอยู่ว่า ในช่วงปี 1868 เกิดเหตุเบียดเบียนศาสนาครั้งสุดท้ายบนเกาะโกโต้ที่เรียกว่า โกโต้คุซุเระ (五島崩れ Goto Kuzure) คริสตังลับจำนวน 12-14 คน จาก 3 ครอบครัวหลบซ่อนอยู่ที่นี่อยู่นานถึง 4 เดือน
ท่ามกลางความหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาวพวกเขากินน้ำจืดที่ไหลตามกำแพงถ้ำและจับปลาปรุงเป็นอาหาร แต่วันหนึ่งกลุ่มควันจากการหุงหาอาหารถูกเรือประมงที่บังเอิญผ่านมาพบเห็นเข้า และนำความไปแจ้งแก่ราชการทำให้พวกเขาถูกจับกุมตัว
คริสตังลับกลุ่มนี้ถูกนำตัวไปทรมานด้วยการจับมัดโยนลงทะเล พอลอยตัวโผล่หัวขึ้นมาก็ถูกกดหัวให้จมจนเกือบจะทนไม่ได้ บ้างจับนั่งคุกเข่าบนฐานสามเหลี่ยมแหลมใช้แผ่นหินหนักวางทับบนตัก (ทัณฑ์ซังกิเซเมะ 算木責め Sangizeme) ท้ายที่สุดแม้ไม่มีใครถึงแก่ชีวิต แต่หลายคนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกับอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่หลงเหลือ
ปัจจุบันในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี คริสตชนจากโบถ์โดอิโนอุระ (土井ノ浦教会 Doinoura Kyōkai) ประมาณ 100 คน จะมาทำพิธีมิสซาที่นี่ เพื่อระลึกถึงความทุกข์ทรมานของบรรพบุรุษ
ภาพ 360 องศาตรงทางทะลุออกไปอีกด้าน
ในถ้ำป้าหมววยยไม่ได้เดินเข้าไปถึงช่องทะลุอีกด้านนะคะ เนื่องจากบริเวณนั้นจะมืดกว่าปากถ้ำ การปีนขึ้นลงตามก้อนหินต้องระวังการลื่นล้ม ทำให้บาดเจ็บหรืออุปกรณ์กล้องและมือถือตกหล่นเสียหาย
รวมใช้เวลาอยู่บริเวณถ้ำประมาณครึ่งชั่วโมง สมควรแก่เวลาแล้วก็ออกจากถ้ำค่ะ
ภาพ 360 องศาบริเวณทางเข้าออกถ้ำที่อยู่หลังพระรูป
ภาพ 360 องศาหน้าถ้ำคริสตังลับและทางเดินธรรมชาติไปยังจุดขึ้นลงเรือ
เรือโชฟุคุมารุที่วนมาจอดรับตรงทางขึ้นลง
ภาพ 360 องศาชมความสวยงามของทะเลของช่องแคบวาคามัตสึ
คุณซาไคขับเรือเข้าสู่ช่องแคบ ผ่านเกาะเล็กใหญ่ต่าง ๆ มองเห็นสะพานวาคามัตสึโอฮาชิ (若松大橋 Wakamatsu Ōhashi) ที่ทอดตัวเชื่อมระหว่างเกาะวาคามัตสึและเกาะนาคาโดริ เพื่อกลับไปยังท่าเรือต้นทางที่อยู่ใกล้โบสถ์คิริ
สะพานวาคามัตสึโอฮาชิจากระยะไกล
เมื่อมาถึงท่าเรือ ก่อนป้าหมวยยยขึ้นจากเรือ คุณซาไคชี้ให้ดูรอยที่อยู่ตรงมุมหนึ่ง บอกว่าเรือลำนี้เขาได้รับต่อมาจากคุณพ่อตาและรอยนี้เกิดขึ้นมาเอง สำหรับเขาเชื่อว่า รอยเปื้อนนี้คือ มารีอา-ซามะ (ท่านมารีอาหรือพระแม่มารีย์) ที่คอยปกปักษ์รักษาเรือลำนี้และครอบครัวของเขา
รอยที่ปรากฎ ณ มุมหนึ่งของเรือที่คุณซาไคเชื่อว่าเป็นรูปท่านมารีอา
คุณซาไคกับป้าหมวยยย มีแบ็คกราวด์เป็นเรือโชฟุคุมารุ
(ได้รับอนุญาตจากคุณซาไคให้ลงสื่อแล้วค่ะ ^ ^)
เทียนหอมรูปดอกคาเมลเลียแบรนด์ “Suzu” ที่ภรรยาคุณซาไคทำขึ้นจำหน่าย
ส่วนตัวป้าที่ได้ติดตามศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์คาทอลิกในพื้นที่นางาซากิกันมานานพอควร รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ได้พบกับคุณซาไคซึ่งเป็นผู้นำคริสตังลับคนปัจจุบัน แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่มีเวลาพูดคุยอะไรกันมากนัก ยินดีที่มีผู้สืบทอดความเชื่อและธรรมเนียมของคริสตังลับต่อ ไม่อยากให้สูญหายไปเหลือเพียงเรื่องเล่าขาน
ขอภาวนาให้คุณซาไคกับผู้สืบทอดรุ่นต่อ ๆ ไปมีสุขภาพแข็งแรง และสืบทอดธรรมเนียมให้คริสตังลับได้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
เรื่องแนะนำ :
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 8 : โบสถ์คาชิระงาชิม่า (ภาคปลาย)
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 7 : โบสถ์คาชิระงาชิม่า (ภาคต้น)
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 6
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 5 : รูปปั้นเรียวมะภาวนา
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 4
ข้อมูลจาก
– http://kamigoto.org
– http://www.asahi.com
– https://www.travel.co.jp
#ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin Kamigoto ตอนที่ 9 : Unseen ถ้ำคริสตังแห่งโกโต้