โทชิงิ (Tochigi) อยู่ทางเหนือสุดของภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงามแห่งภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ น้ำตก แหล่งน้ำแร่ ทั้งยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสุสาน ศาลเจ้าในลัทธิชินโต และวัดในศาสนาพุทธ
โทชิงิ (Tochigi) อยู่ทางเหนือสุดของภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงามแห่งภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ น้ำตก แหล่งน้ำแร่ ทั้งยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสุสาน ศาลเจ้าในลัทธิชินโต และวัดในศาสนาพุทธ

ทางเหนือ เป็นที่ราบสูงนะสึ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูเขานะสึ (Mt. Nasu) ที่อยู่ในเขตจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima Prefecture) อุดมด้วยแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติแห่งภูมิภาคคันโต ที่มีคุณสมบัติบำบัดโรคด้วย อาทิ Nasu Yumoto Onsen
นอกจากนี้ยังมี Shiobara Onsen เป็นเมืองแห่งแหล่งน้ำแร่ดั้งเดิมถูกพบเมื่อปี ค.ศ.806 ทั่วทั้งพื้นที่ประกอบด้วยบ่อย่อยอีกถึง 11 แห่ง โดยมี Shiobara Juichiyu อยู่ใกล้ริมแม่น้ำ Houkigawa ที่ไหลมาจากน้ำตก Mikaeri ซึ่งสูง 45 เมตรสู่หุบเขาเบื้องล่าง ที่มีสะพาน Mikaeri ยาว 100 เมตร แขวนข้ามแม่น้ำใส ซึ่งเหมาะในการชมธรรมชาติหลากสีสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
แล้วยังมี Kawaji Onsen ที่ถูกพบเมื่อปี ค.ศ. 1723 ตั้งแต่ยุคเอโดะ เคยเป็นเส้นทาง Aizu Nishi สู่ภูมิภาคโทโฮขุ อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีแม่น้ำ Ojikawa และแม่น้ำ Kinugawa ไหลมาบรรจบกัน มีสายน้ำแร่ที่บำบัดโรคได้ด้วย รวมถึง Kinugawa Onsen ที่อยู่ในหุบเขาซึ่งมีแม่น้ำ Kinugawa ไหลผ่าน เป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนามาตลอด จนถึงปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทชั้นดี
รวมถึงสวนสนุกในแบบย้อนยุค Nikko Edo Mura และ Tobu World Square จัตุรัสที่จำลองสิ่งก่อสร้างทั่วโลกไว้ให้ชม เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ไปพักผ่อนหย่อนใจกันตลอดทั้งปี

ทางตอนกลาง มีเมืองอุทสึโนมิยะ (Utsunomiya) ซึ่งในยุคเอโดะเคยเป็นเมืองสำคัญเชื่อมระหว่างภูมิภาคคันโตและภูมิภาคโทโฮขุเพื่อขึ้นสู่พื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู
ปัจจุบันกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว มีเกี๊ยวซ่ารสชาติอร่อยเลื่องลือ มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นแหล่งประวัติศาสตร์หินโอยะ (Ohyaishi Quarry Park) ประกอบด้วย ถ้ำ วัดกำแพงถูกสร้างด้วยหินโอยะ ปราสาทเก่า (Utsunomiya Castle) และสวนสาธารณะ (Oya Keiban Koen) ในสวนมีพระพุทธรูป (Magaiibutsu) แกะสลักด้วยหินที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ที่ Imaichi มีถนนสายต้นสนซูงิ 13,000 ต้น ที่ถูกปลูกขึ้นเมื่อ 380 ปีก่อน เป็นระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร ถูกบันทึกในหนังสือกินเนสบุค (Guinness World Record) ว่ายาวที่สุดในโลก สวยแปลกตาเสมือนเป็นอนุสรณ์ และอนุสาวรีย์แห่งป่าไม้
การเดินทาง จากโตเกียวที่สถานี Ueno โดยรถไฟด่วนพิเศษสาย JR Tohoku Shinkansen ลงที่ สถานี JR Utsunomiya ใช้เวลา 50 นาที

ทางตะวันออก มีพี้นที่ ติดกับจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki Prefecture) มีเมืองมาชิโกะ (Mashiko) เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้ในครัวเรือน มีสวนเครื่องปั้นดินเผา (Ceramic Art Messe) เป็นที่จัดแสดงงานเครื่องปั้นดินเผาในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคม และฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนพฤศจิกายนด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถทดลองปั้นวาดลายได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีหอ Mashiko Sankokan ไว้แสดงผลงานดีเด่นของช่างปั้นผู้ลือชื่อ Shoji Hamada มีทั้งเตาเผาที่เคยใช้และบ้านพักอาศัยในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่
Mashiko ไม่เพียงเป็นต้นแบบการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเท่านั้น ยังมีชื่อในเรื่องการปลูกสตรอเบอรี่ให้ได้ผลผลิตเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคคันโต โดยมีชื่อสายพันธุ์ว่า Tochi Otomeให้ผลลูกใหญ่ รสอร่อยหวานฉ่ำ เก็บเกี่ยวได้ผลดีในช่วงเดือนธันวาคม


ทางใต้ มีเมืองโอยามะ (Oyama) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคคันโตเหนือ จึงเป็นแหล่งโกดังสินค้าที่คงสภาพจากยุคเอโดะ ซึ่งมีมากถึง 450 แห่ง ในจำนวนนั้น 3 แห่งถูกสร้างมาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว
เมื่อปี ค.ศ. 2003 ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งโทชิงิ (Tochigi Kuranomachi Museum of Art) เพื่อจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผายุคเมจิและยุคต่อๆ มา รวมถึงผลงานชิ้นเอกและงานผีมือที่โดดเด่นของช่างปั้นที่มีชื่อเสียง
การเดินทาง จากโตเกียวที่สถานี JR Ueno โดยสาย JR Tohoku Shinkansen ลงที่สถานี JR Oyama ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นต่อสาย JR Mito ลงที่สถานี JR Shimodate ใช้เวลา 15 นาที แล้วต่อสาย Mooka Tetsudo ลงที่สถานี Mashiko ใช้เวลา 30 นาที รวมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

ทางตะวันตก ตอนบน (Oku Nikko) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) มีทะเสสาบจูเซนจิ (Chuzenji Lake) ซึ่งริมทะเลสาบมีวัดเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักด้วยไม้ท่อนเดียว
เมื่อมองออกไปจากหน้าวัดจะเห็นภูเขาทรงสวยชื่อ Mt. Nantai ตั้งตะหง่านอยู่ริมทะเลสาบเบื้องหน้า น้ำในทะเลสาบมาจากหิมะบนเทือกเขานิกโก้ (Mt. Nikko) ที่ละลายไหลมารวมกันแล้วลงสู่หน้าผาสูงชันประมาณ 100 เมตร กลายเป็นน้ำตกที่สูงตระหง่านมีนามว่า น้ำตกเคกอน (Kegon Falls) จัดเป็นน้ำตกที่สูงและสวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะท่ามกลางใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสามารถมองเห็นจากจุดชมวิว

ทางตอนล่าง เป็นเชิงเขา มีเมืองนิกโก้ (Nikko) เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคคันโตที่สวยงามมาก เมื่อปี ค.ศ.1999 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่มีความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติแห่งขุนเขา กับ สถาปัตยกรรมทางวัฒนธรรมที่มีผลงานการแกะสลักอย่างมีชีวิตชีวาของช่างฝีมือเยี่ยมแห่งยุคเอโดะ ผู้มีฉายาว่า Hidari Jingoro ผู้ที่แกะสลักด้วยมือข้างซ้ายมือเดียวเป็นรูปแมวหลับ (Nemuri Neko) บนประตูหน้าศาลเจ้า
อีกทั้งรูปแกะสลักฝูงลิง (San Zaru) ซึ่งแฝงไปด้วยคติสอนใจคนอยู่ด้านหน้าและด้านข้างจั่วใต้หลังคาของโรงเก็บม้าบริเวณลานด้านหน้า ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ที่ถูกสร้างเป็นสุสานของปฐมโชกุน Tokugawa Ieyasu อย่างสวยงาม
เมื่อปี ค.ศ. 1617 ศาลเจ้าฟุทาระซัง Futarasan Shrine ก็ถูกค้นพบในยุคคามาคุระ และได้รับการบูรณะเมื่อปี ค.ศ.1619 ในยุคเอโดะ ถือว่าเป็นที่ประทับของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ผู้คุ้มครองภูมิภาคคันโต
ปัจจุบันเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการนำพาความสุขและคู่สมรส ที่หน้าศาลมีน้ำพุอายุยืน Futara Reisen อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันกับสุสานโชกุน
อีกทั้งยังมี วัดรินโนจิ (Rinnoji) ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 766 แล้วได้รับการบูรณะมาตั้งแต่ยุคคามาคุระ (ราวศตวรรษที่12 – 14) กระทั่งยุคเอโดะ (ช่วงศตวรรษที่ 16) ก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธที่สำคัญแห่งภูมิภาคคันโต

Nikko (จังหวัด Tochigi) เป็นเมืองมรดกโลกแห่งภูมิภาคคันโตที่น่าเที่ยวที่สุด สวยสมดั่งคำกล่าวที่ว่า “ถ้าถึงนิกโก้ ก็เพียงพอแล้ว” หากจะเที่ยวให้ทั่วควรมีเวลาพักที่นี่อย่างน้อย 1 คืน
การเดินทาง จากโตเกียวที่สถานี Tobu Asakusa โดยรถไฟเอกชนสาย Tobu ไปลงที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถเอกชนประจำเส้นทาง Tobu bus ขึ้นไปชมน้ำตกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เส้นทางขึ้นเป็นเนินถนนหลายสิบโค้งจะสวยสดงามด้วยสีเหลืองส้มแดงในฤดูใบไม้ร่วงราวต้นเดือนพฤศจิกายนเรียกว่า Irohasaka รถจะจอดที่ลานจอดรถ จากนั้นเดินไปชมน้ำตกที่จุดชมวิว
หรือจะเดินไปเที่ยวทะเลทะเลสาบ Chuzenji แวะเที่ยววัดริมทะเลสาบ ระหว่างทางแวะสถานีกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปชมวิวรอบทิศของทิวเขานิคโก้ ขากลับลงรถป้าย Toshogu หน้าศาลเจ้าแวะชมศาลเจ้า ขาออกระหว่างทางผ่านจะเห็นสะพานแดงสวยอีกด้วย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมตรวจดูได้ในเวปไซต์ http://www.tochigiji.or.jp/en-index.html
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– Koenji..ตลาดเสื้อผ้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
– Ibaraki (อิบารากิ) เมืองแห่งธรรมชาติท่ามกลางเทคโนโลยี
– เที่ยวโตเกียว : เทศกาลซันโนะ (Sanno Matsuri)
– Gunma ดินแดนแห่งน้ำแร่ธรรมชาติ (Onsen)
– Service Area ห้ามขายอะไร
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
http://www.tochigiji.or.jp/en-index.html
http://www.edowonderland.net/html/ja/index.html
http://www.jcastle.info
http://www.jnto.go.jp/tourism/en/f007.html
http://www.tokyotimes.co.jp/post/en/96/Nikko+Toshogu+Shrine.html
http://www.saborjapon.com/2011/03/30/tochi-otome-la-reina-de-las-fresas/
http://www.culture-generale.fr/divers/3257-les-trois-singes