1 งานสำคัญที่เป็นงานเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในจังหวัดนีงาตะ นั่นคืองาน Echigo-Tsumari Art Field 2019 Winter ที่จัดขึ้นในเมือง Tokamachi ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ม.ค. – 24 มี.ค. 62
ในทริปนี้นอกจากพาไปสำรวจลานสกีในเมือง Echigo-Yusawa กันแล้ว ยังมีอีก 1 งานสำคัญที่เป็นงานเทศกาลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในจังหวัดนีงาตะ นั่นคืองาน Echigo-Tsumari Art Field 2019 Winter ที่จัดขึ้นในเมือง Tokamachi ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ม.ค. – 24 มี.ค. 62
จาก Echigo-Yusawa เรานั่งรถไฟไป Tokamachi
ทีแรกคิดว่าจะนั่งพักสายตาบนรถไฟ แต่เจอวิวแบบนี้หลับตาไม่ลงเลยทีเดียว
ถึง Tokamachi Station แวะซื้อบัตรกันก่อน บัตรที่เราใช้นี้เป็นพาสของงานอีเว้นท์ Echigo-Tsumari Art Field 2019 Winter “SNOWART” ซึ่งสามารถใช้เข้าตามจุดต่างๆ ที่เขาจัดงานพิเศษขึ้นในช่วงเวลานี้ และยังสามารถใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้อีกมากมายหลายแห่ง เช่น Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art, KINARE, NUNAGAWA Campus, Atema Kogen Resort, Belnatio and more
พาสราคา 3,000 เยน จ่ายครั้งเดียวใช้จนคุ้ม
ได้พาสมาเรียบร้อยเก็บใส่กระเป๋าก่อน เพราะวันนี้เราจะออกนอกเมืองไปนิดนึง ไปเปลี่ยนบรรยากาศพักในลักษณะกึ่งๆ โรงแรม กึ่งๆ บ้านของคนญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเรียกที่พักแบบนี้ว่า Minshuku
Minshuku จะเป็นที่พักที่บริหารจัดการโดยครอบครัวคนญี่ปุ่น แต่ละแห่งมีห้องพักไม่มาก ให้อารมณ์เหมือนเราไปพักบ้านญาติในต่างจังหวัด
Minshuku ที่เราพักในคืนนี้ชื่อว่า Setoguchi จะมีที่พักพร้อมอาหารค่ำและเช้ารวมอยู่ด้วย แต่วันนี้เราไม่ได้แค่มาพัก เราได้จองห้องพักพร้อมกับทำกิจกรรมฤดูหนาวมาด้วย
ด้านหน้าที่พัก ดูเหมือนบ้านญี่ปุ่นตามชนบททั่วไป
ห้องพักกระทัดรัดตามแบบบ้านคนญี่ปุ่น
เก็บข้าวเก็บของเรียบร้อยก็ออกไปกิจกรรมข้างนอกกัน กิจกรรมแรกที่จัดไว้ให้คือการได้ลองเดินบนผืนหิมะด้วย Snowshoe (รองเท้าเดินหิมะ)
โดยส่วนตัวเคยเดิน Snowshoe มาแล้วหลายที่ แต่ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นๆ ตรงที่เขาใช้รองเท้าเดินหิมะในแบบดั้งเดิม ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ คือไม้มาดัดแล้วใช้เชือกมัดจนขึ้นเป็นรูปรองเท้า โดย Snowshoe นี้จะช่วยพยุงเท้าเราให้เดินบนหิมะได้สะดวก ไม่ทำให้เท้าติดลงไปใต้ผืนหิมะ
Snowshoe แบบวินเทจมีทั้งทรงกลมและวงรี
การรัดกับเท้าก็มีขั้นตอนนิดนึง
พร้อมแล้วก็เดินสำรวจรอบๆ บริเวณที่พักกัน
นอนผึ่งหิมะ เย็นสบายยยยย
เสร็จจากการทดลองเดินบนผืนหิมะด้วย Snowshoe แล้ว เจ้าบ้านก็ชวนมาเจาะกำแพงหิมะเพื่ออะไรทีแรกก็ไม่เข้าใจ 5555 เจาะเสร็จก็แจกเทียนไขเล่มเล็กๆ มาใส่ไว้ในช่องที่เราช่วยกันเจาะ
คนละไม้ คนละรู
เสร็จแล้วเอาเทียนมาใส่ไว้ในช่อง ตอนนี้เริ่มนึกภาพออกละว่าคืออะไร
ยืดเส้นยืดสายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลากินข้าว ห้องอาหารจะอยู่ชั้นล่าง มีเตาและกระทะตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมวัตถุดิบสดๆ ทั้งสารพัดเนื้อและผัก
มาทั้งหมูป่า ไก่ เป็ดและเห็ด
ขอเรียกน้ำย่อยก็จะเป็นสารพัดปลาดิบ และผักดอง
กระทะร้อนได้ที่ ก็ถึงเวลาปาร์ตี้เนื้อย่างกันแล้ว
นึกว่าอาหารจะหมดแล้ว ที่ไหนได้มีเทมปุระจานใหญ่ปิดท้ายอีก
กินอิ่มพระอาทิตย์ก็ตกไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าบ้านก็ชวนไปกินของว่างในกระท่อมหิมะที่สร้างเตรียมไว้ เดินออกมาก็เล่นงานศิลปะที่เราช่วยกันขุดช่วยกันเจาะไว้เมื่อเย็นสว่างไสวสวยงาม
โมจิย่างร้อนๆ ในกระท่อมหิมะเย็นๆ
งานศิลปะชิ้นเล็กๆ ที่ช่วยกันสร้าง
อาหารเช้าที่ห้องอาหารเดิม
จบไป 1 วัน 1 คืนกับประสบการณ์การมาพักและทำกิจกรรมที่ Setoguchi ซึ่งประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้เลยในเมืองใหญ่ ใครสนใจอยากมาลองสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ติดต่อได้โดยตรงที่ >> nobitabi.th@gmail.com
เก็บของเสร็จเรียบร้อย เจ้าบ้านก็จะพาเรากลับไปส่งในตัวเมือง Tokamachi ระหว่างทางเจอวิวตรงไหนสวยเจ้าบ้านใจดีก็แวะจอดให้ถ่ายรูปไปเรื่อย
แวะดูเขื่อน (จำชื่อไม่ได้ >< )
เขื่อนเล็กๆ แต่วิวใหญ่มาก
กลับเข้าตัวเมืองแล้วก็ถึงเวลาตะลุยเที่ยวชมงานศิลปะ ให้สมกับที่มาเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะกัน พิพิธภัณฑ์แรกที่เราไปเที่ยวชมคือ Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art KINARE และแน่นอนที่นี่สามารถใช้พาสที่เราซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานเข้าชมได้เลย
เข้ามาด้านในก็จะพบกับงานศิลปะมากมายที่สร้างขึ้นจากวัสดุเหลือใช้ แขวนระโยงระยางอยู่นับสิบชิ้น ก็นับถือคนสร้างสรรงานเหล่านี้จริงๆ ที่สามารถนำของที่เหมือนไม่มีค่า นำกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ
ดินหลากสีที่ได้จากธรรมชาติ
อุโมงค์สีคล้ายธงชาติ
โซนค็อฟฟี่ช็อป และร้านขายของที่ระลึกอยู่ชั้น 2
Kotatsu แบบแรงปั่น ต้องออกแรงปั่นถึงจะอุ่น
ใกล้กับพิพิธภัณฑ์มีร้านขายของที่ระลึกท้องถิ่น Echigo-Tsumari Omiyage Kan ซึ่งมีทั้งของสดของแห้งจากละแวกเมือง Echigo-Tsumari และยังมีจุดบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย
ร้านขายของที่ระลึก Echigo-Tsumari Omiyage Kan
จุดหมายต่อไปคือ Echigo-Tsumari House of Light เป็นอาคารไม้ที่ดูภายนอกก็แค่อาคารเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นธรรมดา แต่พอเข้าไปด้านใน ก็รู้เลยว่าที่นี่จัดแสงได้เหมาะเจาะ ดูกลมกลืนกับธรรมชาติมาก แม้กระทั่งห้องแช่น้ำแร่ ยังมีการจัดแสงไว้ได้อย่างสบายตา แต่ที่น่าประทับใจที่สุด คือเมื่อเรานอนหงาย มองขึ้นไปบนเพดานหลังคาจะค่อยๆ เปิดออกมองเห็นท้องฟ้าสีครามสวยงามและให้ความรู้สึกที่สงบ
หามุมได้ก็นอนรอชมท้องฟ้าสีคราม
หลังคาค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
House of Light นี้มีบริการเปิดให้เข้าพักค้างคืนได้ด้วย สามารถดูรายละเอียดได้จากรีวิวนี้ https://www.marumura.com/trip-review-niigata-winter-3/
มาเที่ยว Tokamachi ในครั้งนี้เป็นความตั้งใจที่จะต้องมาให้ตรงวันนี้ (2 มีนาคม 2019) เพราะไฮไลท์ที่สำคัญของงานเทศกาล Echigo-Tsumari Art Field ก็คือการได้มาชมการแสดงพลุ ที่จัดขึ้นบริเวณลานหิมะด้านหลังของโรงแรม Belnatio ที่มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่สุดแสนจะโรแมนติก เป็นสนามกอล์ฟและทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน และเป็นลานสกีสำหรับทั้งมือใหม่และมือเก่า และสำหรับครอบครัวในช่วงฤดูหนาว
วันนี้มีการจัดงานแต่งงานพอดี ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวมา ณ ที่นี้ด้วย ^^
ในช่วงหนาวๆ อีกงานที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ก็งานนี้แหล่ะ ใครจะมาชมพลุในงานนี้ แล้วอยากเพิ่มความสะดวกสบาย ก็จะจองโรงแรม Belnatio กันล่วงหน้านานพอควร ก็ในวันงานนี้ห้องพักจะเต็มล่วงหน้าแบบข้ามปี เพราะในวันงาน เราสามารถนำรถส่วนตัวมาได้ ต้องมาโดยรถบัสสาธารณะที่ทางงานเขามีจัดไว้ให้เท่านั้น เอารถมาก็ไม่มีที่ให้จอด ตอนงานแสดงพลุจบ จะเห็นชัดเลยว่านักท่องเที่ยวต้องต่อแถวยาวนานขนาดไหน เพื่อรอขึ้นรถกลับไปยังสถานีรถไฟ นี่แหล่ะ สาเหตุที่ทำให้โรงแรม Belnatio เต็มข้ามปีในวันนี้
รถบัสจากหน้าสถานี Tokamachi มายังบริเวณสถานที่จัดงาน
มีพาสแล้วก็สามารถใช้เข้างานได้เลย
ผู้เข้างานจะได้รับไฟ LED ดวงเล็กๆ คนะละดวง
เป็นงานที่ผู้เข้าร่วมทุกคนได้มีส่วนรวมในการสร้างงานศิลปะ
ยิ่งใกล้ค่ำคนยิ่งเยอะ
มาแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอย
มาเป็นชุดไม่มีให้หยุดหายใจกันเลย
ปิดฉากอย่างงดงาม
ศิลปะที่ทุกคนช่วยกันสร้าง
พบกันใหม่ปีหน้า ^^
ใครที่ตามโลกโซเชี่ยลอยู่บ่อยๆ ในช่วงปีที่ผ่านมาน่าจะพอเคยเห็นภาพอุโมงค์ที่มีสะท้อนท้องฟ้ากับผืนน้ำ ผ่านๆ ตากันมาบ้าง โดยส่วนตัวเห็นภาพนี้ครั้งแรกก็แอบร้องเฮ้ย อยู่ในใจว่านี่ที่ไหนกัน ทำไมสวยเกินหน้าเกินตา สวยแบบไม่รู้จะบรรยายยังไง สืบมาจนรู้ว่าอุโมงค์ที่ว่านี้อยู่ใน Tokamachi นี่เอง
อุโมงค์นี้มีชื่อว่า Tunnel of Light หรือ Kiyotsu Gorge Tunnel อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Kiyotsu Kyo สร้างสรรผลงานโดย MAD Architects เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่สุดทางของถ้ำที่มีความยาว 750 เมตร
Tunnel of Light นี้เสียค่าเข้าชมคนละ 800 เยน (ไม่สามารถใช้พาสเข้าชมได้)
เวลาเข้าชม : 8.30 น. – 17.00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Echigo-Yuzawa นั่งรถประจำทาง Morimiyanohara ลงที่ป้าย Kiyotsukyou-Iriguchi จากนั้นเดินอีกประมาณ 30 นาที
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ >> http://www.echigo-tsumari.jp/eng/artwork/periscopelight_cave
เจอป้ายนี้มาไม่ผิดที่แน่
ระหว่างทางเจอเลียงผาญี่ปุ่น เดินเลียบๆ เคียงๆ อยู่บนเขา
ภายในอุโมงค์ระยะทางรวม 750 เมตร
งานศิลปะระหว่างทางมีให้เห็นอยู่ตลอด
แล้วก็มาถึงสุดปลายทางอุโมงค์ ภาพนี้แหละที่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ Tokamachi เท่านั้น เมืองศิลปะแห่งนี้ยังมีงานศิลป์งานสร้างให้ชมอยู่อีกมากมาย ไว้โอกาศหน้าจะมาเล่าให้สู่กันฟังอีกครั้ง
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวเมืองหิมะ Echigo-Yuzawa ใกล้โตเกียวงีบเดียวก็ถึง
#Echigo-Tsumari Art Field #Tokamachi #งานศิลปะ