ครั้งนี้เราไปเที่ยวกันที่เกาะคิวชูตอนเหนือ โดยเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City) เป็นเมืองสุดท้ายในทริปนี้ แต่ก็เด็ดไม่แพ้ที่อื่นๆ และถึงจะเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะ แต่ก็ไม่ได้มีแค่ความศิวิไลซ์ มีกิจกรรมแค่เดินเที่ยวห้างฯ หรือชมวิวเมืองเท่านั้น ที่นี่ยังมีของดีอีกหลายจุด มาติดตามกันเลย…
ญี่ปุ่นกลับมาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง (FIT) อีกครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ (2565) ทำให้เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเพลิดเพลินกันได้อีกครั้งโดยที่ไม่ต้องใช้วีซ่า ซึ่งก็เหมือนกับในช่วงก่อนเกิดโควิด
และครั้งนี้เราไปเที่ยวกันที่เกาะคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยไปเที่ยวที่เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City) เมืองซาเซโบะ (Sasebo City) เมืองฮิตะ (Hita City) และเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu City) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชู ทั้ง 4 เมืองนี้ สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น รถไฟ มีของกินอร่อยราคาไม่แพง และยังมีจุดถ่ายรูปมากมายที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย
ชมคลิปตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือทั้ง 4 EP กันก่อน
อ่านต่อทุก EP >>
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.1 “Sasebo”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.2 “Hita”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.3 “Kitakyushu”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.4 “Fukuoka”
อำเภอเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City) เมืองสุดท้ายในทริปนี้ แต่ก็เด็ดไม่แพ้ที่อื่นๆ และถึงจะเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะ แต่ก็ไม่ได้มีแค่ความศิวิไลซ์ มีกิจกรรมแค่เดินเที่ยวห้างฯ หรือชมวิวเมืองเท่านั้น ที่นี่ยังมีของดีอีกหลายจุด มาติดตามกันเลย…
เมืองฟุกุโอกะ
หมายเหตุ – สีส้ม (อาหาร) / สีฟ้า (สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม) / สีเขียวอ่อน (สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ) / สีม่วง (ธีมพาร์ค) / สีแดง (ช้อปปิ้ง) / สีบานเย็น (Photo Spot) / สีเทา (ที่พัก)
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
Kushida Shrine
เข้ามาเมืองใหญ่ทั้งที แวะขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนที่ศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ประจำกิ่งอำเภอฮาคาตะ เมืองฟุกุโอกะ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 757 เดินทางง่าย เพราะสามารถเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินมาได้ ในเวลาไม่ถึง 10 นาที
คุณลุงไกด์อาสาฯ กำลังอธิบายเกี่ยวกับท่านเทพ/เทพีทั้งสาม ของศาลเจ้าแห่งนี้
ที่นี่บูชาเทพเจ้าสำคัญถึง 3 องค์ นั่นก็คือ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ Amaterasu Omikami, Ohatanushi no Mikoto, และ Susano no Mikoto ผู้ที่ศรัทธานิยมมาขอพรเกี่ยวกับการทำธุรกิจการค้า ขอให้มีความเจริญรุ่งเรือง และชีวิตที่ยืนยาว… เรามาเยือนทั้งที ก็ต้องขอพรนี้กันบ้าง
เห็นหลายคนไหว้ศาลด้านหน้าแล้ว ก็มาที่ศาลเจ้าย่อยด้านหลังกันด้วย น่าจะศักดิ์สิทธิ์จริง!
เนื่องจากเป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์คู่เมืองมาอย่างยาวนาน ย่อมต้องมีการเสียหายหรือถูกทำลายลงไปบ้าง แต่ในสมัยที่ Toyotomi Hideyoshi สร้างเมืองฮาคาตะ (Hakata) ในปี 1587 ก็ได้มีการบูรณะศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมาด้วย จนมีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จุดนี้… แชมป์ซูโม่ (ระดับโยโกสึนะ) จะมายกหินถวายศาลเจ้ากัน (น่าจะอารมณ์ขนทรายเข้าวัด)
ก้อนนี้… ใครสามารถก็ทดลองพลังกันได้ “(- – )
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นจุดสำคัญในเส้นทางการแห่ขบวนในเทศกาลหลักของเมือง เทศกาล Hakata Gion Yamakasa อีกด้วยนะ ดังนั้น ถ้าใครมาในช่วงเทศกาล ก็คงไม่น่าจะพลาดการมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันแน่ๆ
รถแห่ในงานเทศกาล Hakata Gion Yamakasa จัดแสดงไว้ตรงนี้เลย
เว็บไซต์: https://hakatanomiryoku.com/spot/櫛田神社 (ภาษาญี่ปุ่น)
Tochoji Temple
มาต่อกันที่วัดพุทธกันบ้าง วัดโทโชจิ (Tochoji Temple) เป็นหนึ่งในวัดที่มีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับพระอาจารย์คุไค (Kukai หรือ Kobo-Daishi) พระอาจารย์ชื่อดังที่ไปศึกษาพระธรรมในจีนก่อนที่กลับมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วญี่ปุ่น และกล่าวกันว่าท่านเป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมา
เจดีย์ห้าชั้น หนึ่งในจุดสำคัญของที่นี่
ภายหลังวัดนี้ได้กลายเป็นวัดประจำตระกูลท่านเจ้าเมืองในสมัยนั้น ซึ่งก็คือตระกูล Kuroda จึงเป็นที่ฝังศพท่านเจ้าเมืองคนสำคัญของตระกูลนี้หลายคน ทั้งท่าน Kuroda Tadayuki, Kuroda Mitsuyuki, และ Kuroda Harutaka และถือเป็นวัดสำคัญประจำเมืองฮากาตะ
สุสานของตระกูล Kuroda
จุดสำคัญของวัดแห่งนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ พระพุทธรูปแกะสลักไม้สนดำ Senju Kannon (เจ้าแม่กวนอิมพันมือ) สูง 82 ซม. ที่มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน มีทั้งความเก่าแก่และหาชมได้ยาก ผู้คนก็เลื่อมใสศรัทธา และปัจจุบัน ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญของชาติอีกด้วย
พระใหญ่ Fukuoka Daibutsu
และจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้ ก็คือการไปกราบ The Great Buddha of Fukuoka (Fukuoka Daibutsu) เป็นพระพุทธรูปแกะสลักขนาดใหญ่ สูงถึง 10.8 เมตร หนักกว่า 30 ตัน ถือว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักปางนั่งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อประกอบกับรัศมีขององค์พระที่อยู่ด้านหลัง จะสูงถึง 16.1 เมตร ซึ่งรัศมีเหล่านี้ยังแกะสลักขึ้นโดยมีพระพุทธรูปน้อยใหญ่เป็นองค์ประกอบอีกหลายองค์ และเรายังสามารถเข้าไปลูบขอพรองค์พระจากด้านในได้ด้วย (ไม่แนะนำสำหรับผู้กลัวความมืด เพราะจุดนี้มืดสนิทจริงๆ)
ส่วนหนึ่งของภาพ “นรก” ด้านหลังองค์พระใหญ่
*วัดนี้ห้ามถ่ายภาพด้านใน แต่เราได้ทำเรื่องขออนุญาตมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถ้าใครมาขอพรด้านใน ก็ระวังเรื่องการถ่ายรูปกันด้วยนะ
เว็บไซต์: https://www.tochoji.net/
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
Farmnic (ฟาร์มของเกนจัง)
มาต่ออีกสักวันที่ฟุกุโอกะ ซึ่งขอจัดให้เป็น “วันแห่งกิจกรรม” แต่วันนี้เราจะออกมาเที่ยวกันรอบนอกเมืองหน่อย มากันที่ละแวกเมือง Itoshima เลย ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ อย่าง Farmnic (Farm+Picnic) กันจ้า…
Farmnic ที่เราไปเที่ยวกันในครั้งนี้ อยู่ในความดูแลของคุณเกน (Gen-chan No Circular Farming) ซึ่งอาชีพหลักของคุณเกนที่จริงแล้วคือผู้ดูแลศาลเจ้า อาชีพที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ที่นี้… คุณเกนก็มีความคิดที่อยากจะพัฒนาที่ดินของตัวเองให้เกิดประโยชน์ก็เลยทำการเพาะปลูก เป็นเกษตรแบบผสมผสาน ไม่ใช้สารเคมี พัฒนาเทคนิคจนเกิดเป็นวิถีของตนเองขึ้นมา เรียกว่า Circular Farming Method หรือ Zen Farming Method
รอบนี้เราได้เก็บแตงกวาญี่ปุ่น มะเขือ (ทั้งเขียว ทั้งม่วง) แล้วก็พริกชนิดต่างๆ
(พริกที่ดูเหมือนจะเผ็ด ลองกัดสดๆ ปรากฏว่าหวานหอม แต่พริกที่ดูว่าน่าจะไม่เผ็ด… เผ็ดโหดมาก)
ตอนหลังก็คิดอยากจะทำประโยชน์ให้กับเมืองด้วย อยากจะนำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น จึงมีการชักชวนชาวบ้านในละแวกนั้น แล้วก็เปิดรับนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม ลองพบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเที่ยวชมฟาร์ม จนเกิดเป็นกิจกรรม Farmnic นี้ขึ้นมา
คุณเกนโชว์ฝีมือจากผักที่เราเก็บกันมาว่า ผักปลอดสารสดจากต้น รสชาติมันช่างแตกต่างจริงๆ
กิจกรรมที่ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่น ได้เห็นวิถีชีวิต เข้าถึงฟาร์มของคนญี่ปุ่น (ปกติ… ไม่ได้เข้ามากันง่ายๆ) ทั้งสนุก และเปิดโลกให้กว้างขึ้นด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากแนะนำให้มาลองกัน เข้าเว็บไซต์ไปดูรายละเอียดกันได้
เว็บไซต์: https://www.glocal-project.com/sustainabletour (ภาษาญี่ปุ่น)
YouTube: https://www.youtube.com/watch?v=LmclYmEMbws
E-BIKE
กิจกรรมต่อไป… ยังคงอยู่ที่ชายขอบเมืองฟุกุโอกะ นั่นก็คือแถบ Kitazaki-Itoshima ซึ่งบริเวณเป็นคาบสมุทร จุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นก็คือบริเวณชายหาด กิจกรรมที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวชมทะเลสวยๆ ฟ้าใสๆ ของที่นี่ก็คือการปั่นจักรยานเที่ยว โดยมีเส้นทางที่สามารถปั่นจักรยานลัดเลาะริมหาดที่ยาวพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นจักรยานไฟฟ้า หรือ E-BIKE ถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง! เราจะได้ปั่นไป ชมวิวไป แวะช้อป แวะชิมขนมและอาหารตามคาเฟ่ต่างๆ ได้ยาวๆ ไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก
จุดลงทะเบียนรับเช่ารถ E-Bike
ครั้งนี้ เราเช่า E-BIKE จากจุดเช่าจักรยานของ Itoshima Peninsula Ecotourism Association ซึ่งอยู่ใกล้กับป้าย “Itoshima Sabo-mae” ของรถเมล์สาย Showa Bus เพื่อขี่ในพื้นที่แถบ West Coast “Futamigaura” ซึ่งเจ้า E-BIKE ที่ได้มาขี่นี้ เป็นของแบรนด์ Specialized ถูกใจนักปั่นสุดๆ แล้วก็ถูกชาร์จมาเต็มที่เลย (ชาร์จ 3 ชม. ขี่ได้ประมาณ 130 กม.) โดยสามารถใช้ขี่บนทางที่เป็นเนินด้วยความเร็ว 24 กม./ชม. ได้อย่างสบาย แม้ว่าเส้นทางปั่นจักรยานในทริปนี้ของเราจะราบเรียบ ชิลยิ่งกว่าเกลียวคลื่นของทะเลแถบนี้ก็ตาม…
สำหรับค่าเช่าอยู่ที่ 3,300 เยน/2 ชม. หรือจะเช่าแบบทั้งวันก็ได้ อยู่ที่ 5,500 เยน
ช่วงเช็คของ… ตรวจแบตฯ เช็คสภาพก่อนรับรถออกไปขี่
E-BIKE เป็นกิจกรรมหนึ่งในการดูแลของ Itoshima Peninsula Ecotourism Association ที่เข้ากับคอนเซ็ป SDGs ได้เป็นอย่างดี ถึงขนาดมีการจัดตั้งเป็นชมรมกิจกรรมกลางแจ้งที่ชื่อว่า “Itorito” ขึ้นมา เราจึงสามารถไปดูข้อมูลเพิ่มเติมจากทางเว็บไซต์ของสมาคมฯ ได้เลย ส่วนการจอง… แนะนำให้เข้าไปดูในเว็บไซต์ของชมรมฯ
สมาคมฯ เว็บไซต์: https://itoshima-eco.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
ชมรม “Itorito” เว็บไซต์: https://itorito.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
ออกไปปั่นกันจ้า
เราสามารถแวะพักขา และหาขออร่อยชิมกันได้ด้วย 😉
Uminonakamichi Seaside Park (Segway Tour)
นั่งรถยนต์หรือรถไฟ (ลงสถานี Uminonakamichi) อ้อมอ่าวไปทางตอนบนของเมืองฟุกุโอกะ เพื่อไปชิลเอ้าท์ในบรรยากาศริมทะเลกันอีกสักจุด เรามากันที่ Uminonakamichi Seaside Park (ค่าเข้าชม 450 เยน)
ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยว กว้างขวางมาก แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ชิงช้าสวรรค์ แทรมโพลีนยักษ์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และอื่นๆ แล้วยังโดดเด่นในเรื่องของไม้ดอกที่หลากหลาย นิยมมาเที่ยวชมกันในทุกฤดูกาล
กำลังเป็นเด็กฝึก… ใช้ Segway
แต่กิจกรรมที่จะเราทำกันก็คือ Segway เราจะหัดเล่นเซกเวย์ เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเที่ยวชมดอกไม้ภายใน Uminonakamichi Seaside Park กัน ซึ่งเป็นวิธีการเที่ยวชมที่ดีมากวิธีหนึ่งเลย ก็ขนาดใช้ Segway แล้ว เรายังคิดว่าคงต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะไปได้ทั่ว ถ้าใช้สองขาเดิน… คงต้องใช้เวลาทั้งอาทิตย์ ที่นี่ใหญ่เกินไปแล้วจริงๆ (350 เฮกเตอร์)
ออกไปโฉบเฉี่ยวกันจ้า
จากหน้า Rest House (จุดฝึก) ขี่ผ่านหน้าอควาเรี่ยม ไปชมดอกไม้ ใบหญ้าในสวนกันจ้า
บรรยากาศในสวนก็มีหลายโซนอยู่ นี่.. เราไปแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง
จอดถ่ายรูปกันเป็นพักๆ (ไม่อนุญาตให้ขี่ไปถ่ายไป มันไม่ปลอดภัยน่ะ)
ไปหาซีนริมทะเลกันบ้าง
กิจกรรม Segway Tour ชมสวนแห่งนี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ครึ่ง ราคาคนละ 9,000 เยน รวมค่าเข้าสวน ค่าเรียน ค่าอุปกรณ์ ค่าครูฝึก (ภาษาอังกฤษ, ภาษาญี่ปุ่น) เรียบร้อยแล้ว
เว็บไซต์: https://uminaka-park.jp/
ธีมพาร์ค
BOSS E・ZO FUKUOKA
เลาะเลียบชายทะเลย้อนกลับมาใกล้ๆ ตัวเมืองนิดหน่อย กับกิจกรรมที่อยู่บนตึก! ที่ BOSS E・ZO FUKUOKA ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้ทะเลติดกับ Fukuoka PayPay Dome หรือสนามเบสบอลประจำเมืองฟุกุโอกะ เป็น Entertainment Complex ที่ช้อปปิ้งได้ ลิ้มลองของอร่อยได้ แล้วยังทำกิจกรรมสนุกๆ ได้ด้วย…
ภายใน BOSS E・ZO FUKUOKA มีเครื่องเล่นที่น่าสนใจหลายตัว แถมยังมีส่วนที่เป็น teamLab อยู่ด้วย แล้วยังเป็นที่ตั้งของ HKT48 theater จัดว่าเด็ดมากทุกภาคส่วน!!
ส่วนของเครื่องเล่นตระกูล ZEKKEI – Brothers จาก Superb Attraction SMBC Nikko Securities นั้น เป็น rooftop attraction ใครที่ชอบเล่นกับความสูงนิดๆ ความน่าหวาดเสียวหน่อยๆ ไม่ควรพลาด มีทั้งหมด 3 ตัว ดังนี้…
ZEKKEI Coaster TSURI-ZO (1,500 เยน) ตัวนี้เป็นเครื่องเล่นเรลเลอร์โคสเตอร์แบบห้อยตัว (Zipline) อยู่บนยอดตึก น่าสนุกมาก แล้วก็มีบางจุดที่เหวี่ยงออกมานอกตัวตึกด้วย ใครชอบทั้งความสูง และความน่าหวาดเสียว ควรมาจัดกันอย่างยิ่ง (เจ้านี่เป็น Rail Coaster ที่ติดตั้งบนยอดตึกตัวแรกของญี่ปุ่นเชียวนะ)
ZEKKEI Slider SUBE-ZO (1,000 เยน) ตัวนี้เป็นสไลเดอร์ความยาว 100 เมตร (ที่ความสูง 40 เมตร) ที่ให้เราไหลลงมาจากบนตึกสู่ด่านล่าง… อันนี้เราว่าไม่น่าหวาดเสียวเท่าไร สนุกจนอยากจะเล่นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
ZEKKEI Climbing NOBO-ZO (900 เยน) ตัวนี้เป็นกิจกรรมปีนหน้าผาความสูง 10 เมตร บนยอดตึก (ที่ความสูง 40 เมตร) วิวเลอค่ามาก ถ้าใครชอบกีฬาประเภทนี้ แล้วอยากชมวิวมุมสูงไปพร้อมๆ กัน ก็ขอแนะนำเลย
ตัวแทนของหมู่บ้าน…
รางขดไปขดมา อยู่บนยอดตึก เห็นวิวทะเลเต็มๆ เลย
มากันที่จุดลงสไลเดอร์จ้า
จากบนยอดตึก อย่าลืมแวะที่ชั้น 5 เด็ดขาด ชั้นนี้มี teamLab Forest FUKUOKA (2,200 เยน) ที่ใหญ่โตอลังการ และสวยมาก มีแสงสีเคลื่อนไหวละลานตาไปหมดเลย ถ่ายรูปเช็คอินแบบว่า สู้ตาย! กันไปเลยทีเดียว ที่นี่แนะนำว่าควรต้องมาชมกันด้วยตา เพราะตอนที่แสง สี เสียง มันเคลื่อนไหว… คือดีงามที่สุด
โซนแรกๆ เราอยู่ในป่า สามารถเปิดแอปฯ ยิงสัตว์กันได้ด้วย (^^)
ไปโซนอื่นๆ กันบ้าง นี่เรากำลังข้ามสะพานเมโลดี้ สนุกดี
ห้องนี้เป็นบอลลูนที่เหมือนจะอยู่นิ่งๆ แต่พอจับเขาโยน บรรยากาศก็เปลี่ยน ไปพร้อมๆ กันสีสันที่เปลี่ยนไปด้วย
จุดนี้ถูกใจสุด ใครแอ็คติ้งเก่ง รูปร่างน่าสนใจ จะได้รูปสวยๆ อย่างแน่นอน
(มีสีสันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วย)
“teamLab Forest FUKUOKA” ที่นี่ดีงามมาก ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ที่ BOSS E・ZO FUKUOKA ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างให้ทำ บอกเลยว่า… ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบทำกิจกรรมสนุกๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน
BOSS E・ZO FUKUOKA เว็บไซต์: https://e-zofukuoka.com/en/
ZEKKEI – Brothers เว็บไซต์: https://e-zofukuoka.com/zekkei-brothers/
teamLab Forest FUKUOKA เว็บไซต์: https://e-zofukuoka.com/teamlabforest/
THE SEA DRAGOON (เครื่องเล่นปีนป่ายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น)
จาก Uminonakamichi Seaside Park จุดที่เราเล่น Segway กัน (ที่ Rest House ใกล้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ) เดินมาประมาณ 15 นาที ก็จะถึงประตูทางเข้าสวนอีกจุดหนึ่ง คือ Hikaritokazenohiroba Gate พื้นที่สวนในส่วนนี้เป็นที่ตั้งของเครื่องเล่นประเภทปีนป่าย (หอปีนป่าย) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อว่า “THE SEA DRAGOON”
ค่าปีนหอคอยนี้ อยู่ที่ 3,500 เยน/ชม. (เด็กประถม 2,500 เยน) ซึ่งต้องจ่ายแยกกับค่าเข้าสวน Uminonakamichi Seaside Park อีกที (450 เยน)
ลานนี้… จัดปิกนิคกันได้เลย
พาดีพายุกำลังเข้าลมแรงนิดนึง ไม่งั้นจะไปลองปั่นจักรยาน หึๆ
THE SEA DRAGOON มี 3 ชั้น สูง 16.8 เมตร และมีความยากหลากหลายระดับ พอเข้าในหอแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงเดินไต่ไปเรื่อยๆ แต่จะมีกิจกรรมให้ทำยิบย่อย รวมแล้วถึง 92 อย่างเลยทีเดียว ซึ่งเครื่องเล่นนี้สามารถรองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึงครั้งละ 120 คนเลย (ไม่รวมคอร์สเด็กด้วยนะ)
ไต่ระดับไป ก็หยุดถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ จ้า
หากได้มีโอกาสปีนไปถึงระดับความยากเกือบบนสุด จะมีการวัดใจ ให้เดินไปตามแผ่นไม้โดดเดี่ยวซึ่งยื่นออกไปด้านนอกหอ ปลายทางจะมีระฆังให้ตี เราฝ่าลมแรง (ช่วงพายุเข้าคิวชูพอดี) ไปตีระฆังได้สำเร็จ ก็เขินๆ กับเสียงกองเชียร์นิดหน่อย แต่ได้ยินเสียงของระฆังกังวานไปทั่วบริเวณเลย รู้สึกดีมากๆ แล้วก็แอบแปลกใจว่าวิวด้านบนหอคอยที่ว่าสวยแล้ว ตรงจุดปลายแผ่นไม้ที่เราตีระฆัง ดูจะสวยที่สุดเลยล่ะ
ตอนอยู่จุดนั้นไม่ค่อยรู้สึกว่าสูงนะ… แต่ดูรูปจากมุมด้านล่างแล้ว เออ! สูงแหะ
*เซฟตี้ที่นี่แน่นมาก เช่น หากอยากจะเอามือถือขึ้นไปด้วย จะต้องเพิ่มอุปกรณ์เป็นกระเป๋าพกพาห้อยติดเอวขึ้นไปด้วย จะแวะถ่ายรูปแต่ละที จะเสียเวลานิดหน่อย แต่มันก็ทำให้สบายใจ รู้สึกได้ถึงความรอบคอบ ส่วนสิ่งของอื่นๆ ก็โยนเข้าไปในล็อคเกอร์ได้เลย ขึ้นไปแต่ตัว เสื้อผ้า และสติ ดีที่สุด
เว็บไซต์: https://www.seadragoon.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
ช้อปปิ้ง
Mitsui Shopping Park LaLaport Fukuoka (Gundam Park Fukuoka)
ได้ขอพรเสริมดวงกันไปแล้ว… งั้นก้าวเข้าสู่โหมดความศิวิไลของเมืองฟุกุโอกะกันหน่อยที่แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ Mitsui Shopping Park LaLaport Fukuoka ซึ่งความช้อปปิ้งเต็มอิ่มของห้างในเครือมิตซุย ไม่ใช่ข้อกังขาอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะไปเน้นกันที่ลานหน้าห้าง ที่ตั้งของ Gundam ยักษ์ที่มีขนาดเท่าของจริง แถมยังขยับได้อีกด้วย
เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (2022) ที่ห้าง Mitsui Shopping Park LaLaport Fukuoka ซึ่งอยู่ในเขตฮากาตะ เมืองฟุกุโอกะ เพิ่งเปิดตัว Gundam Park Fukuoka เอาใจสาวกกันดั้มทั้งหลาย โดยมีทั้งส่วนที่จำหน่ายสินค้ากันดั้ม (Gundam Side-F) พื้นที่ให้ความบันเทิง (namco) และส่วนของสวนสนุก (VS PARK WITH G)
แต่ไฮไลท์ที่เราไม่ควรพลาด ก็คือการดูโชว์เบาๆ บริเวณลานด้านหน้าของห้าง จุดนี้เป็นที่ตั้งของหุ่นกัมดั้มขนาดเท่าของจริง Life-Size n Gundam Statue RX-93ff n Gundam สูงถึง 24.8 เมตร แล้วก็มีร้านจำหน่ายสินค้ากันดั้มตั้งอยู่ด้วย
จุดนี้มีสินค้ากันดั้ม น่าแวะไปดูกันนะ
สำหรับการโชว์นั้น เป็นการฉายภาพฉากในอนิเมชั่นขึ้นไปบนผนังหน้าห้าง โดยมีเจ้าหุ่นยักษ์กันดั้มไลฟ์ไซส์ขยับเคลื่อนไหวประกอบบางฉาก ช้าๆ แต่ก็เท่ไม่หยอก เป็นโชว์สั้นๆ ช่วงพลบค่ำ แสง สี เสียง เข้ากันเหมาะเจาะกำลังดี ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น (ใช้เวลาเลือกมุมว่าจะดูจากจุดไหน นานกว่าอีก) ดูจบแล้ว ก็ไปช้อปปิ้งต่อได้…
เว็บไซต์: https://www.gundampark.net/ (ภาษาญี่ปุ่น)
LaLaport Fukuoka เว็บไซต์: https://mitsui-shopping-park.com.e.act.hp.transer.com/lalaport/fukuoka/
อาหาร
Yatai KENZO (ร้านอาหารแผงลอยฟุกุโอกะ)
เมื่อมาเยือนถึงถิ่นฟุกุโอกะ เราไม่ควรพลาดการชิมเมนูต่างๆ ในร้านอาหารแผงลอยที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ และร้านที่เราไปลิ้มลองกันตั้งอยู่ย่าน Nakasu ในจุดที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก ชื่อว่าร้าน KENZO
ลักษณะเด่นของร้านนี้อยู่ที่เมนูที่หลากหลาย ของปิ้งย่างก็มี กับแกล้มก็เยอะ เมนูเส้นก็น่าลอง อาหารแต่ละจานมีความหอมกลิ่นเตา กลิ่นกระทะ แถมพ่อครัวก็อัธยาศัยดี มีความเป็นกันเอง แม้มือจะระวิงสุดๆ ทั้งพัดไฟ ควงกระทะ จัดแต่งจาน ฯลฯ แต่ก็ยังร้องเรียกแขก พูดคุยกับลูกค้า ถามหาออเดอร์ ไม่หยุด… เรียกว่าขยับมือ ขยับปาก แทบตลอดเวลา ชื่นชอบในความตั้งใจทำงานมากๆ และนี่แหล่ะบรรยากาศที่เราควรได้ จากการมาลองกินที่ร้านยาไต (yatai) หรือร้านแผงลอยของฟุกุโอกะ
เว็บไซต์: https://yokanavi.com/yatai/122487/ (ภาษาญี่ปุ่น)
KU (Sushi & Japanese Restuarant)
แวะเติมพลังซูชิ ที่ร้าน KU ร้านอาหารญี่ปุ่นที่โดดเด่นมากในเรื่องของเมนูชูชิ และอาหารที่ว่ารสเลิศมากๆ แล้ว… สำหรับร้านนี้ไม่อยากให้เช็คอินแค่อาหาร อยากให้เช็คอินว่าเป็นจุดชมวิวสุดชิคกันด้วย
ทั้งโซนที่นั่งตรงบาร์กับโซนที่นั่งแบบเป็นโต๊ะ ก็มีจุดให้มองวิว พักสายตากันได้ ดีนะ
ภายในร้านที่ตกแต่งโดยมีกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น แต่กลับมีหน้าต่างกระจกบานกว้างไว้ชมวิวทะเล ใครที่จองมานั่งเคาน์เตอร์บาร์ จะได้เห็นบรรยากาศที่พ่อครัวปั้นซูชิแต่ละคำมาเสิร์ฟเรา พร้อมกับชมวิวทะเลจากหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังของพ่อครัวแบบเต็มๆ ตาไปด้วย ซึ่งเป็นวิวของท่าจอดเรือเล็กและหมู่บ้านชาวประมง เสมือนว่าเรากำลังนั่งกินอาหารอยู่ในบ้านของชาวประมงสักคน และนี่ ถือว่าเป็นจุดเด่นของร้านนี้ นอกจากอาหารที่ว่าทั้งสดและอร่อยแบบสุดๆ แล้ว…
ทั้งหมดนี้… คือเซ็ตที่เราลองกันจ้ะ ไม่ติดตัวไหนเลย ดีทุกคำ
*เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
เว็บไซต์: https://www.sushiandjapanesefoodku-2011.com/
ที่พัก
HOTEL GREAT MORNING
ในเมืองฟุกุโอกะ ที่แรกที่เราเข้าพักคือ HOTEL GREAT MORNING ย่านฮากาตะ ที่มาในคอนเซ็ปใส่ใจสิ่งแวดล้อม และทุ่มเทเอาใจใส่ลูกค้าแบบสุดๆ สิ่งอำนวยความสะดวกใดถ้าทำจากธรรมชาติได้ก็จะทำ สิ่งอำนวยความสะดวกใดถ้าดีต่อสุขภาพ แพงก็จะจัดมาให้คุณลูกค้า เห็นของใช้ต่างๆ ในห้องพักแต่ละอย่างแล้ว แทบจะอยากขนกลับบ้าน ตั้งแต่แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ฝักบัว ที่นอน ไปจนถึงเครื่องทำความเย็น …
ว่ากันว่า… เจ้าแผงสีดำนี่เป็นเครื่องทำความเย็นที่ทันสมัย ดีต่อสุขภาพ และแพงระยับ
(มีทั้งที่บริเวณล็อบบี้ รวมไปถึงในห้องพักด้วย ถ้าเห็นหยดน้ำเกาะอยู่ ก็ไม่ต้องตกใจ เขากำลังดักจับความชื้นในอากาศอยู่)
ว่ากันว่า… เตียงนี้แพงมาก!
ว่ากันว่า… ทั้งกระบวนการที่จะได้น้ำมาใช้ รวมถึงฝักบัวของที่นี่ ทำให้น้ำที่นี่ดีมาก เหมาะกับการนอนแช่สุดๆ
(น้ำนุ่มลื่นมือมาก สีก็สวย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่ผงออนเซ็นเลยนะ)
ว่ากันว่า… ผลิตภัณฑ์ที่นี่ล้วนแต่ทำมาจากวัตถุที่ดี ความออแกนิกส์มาเต็ม
ที่นี่มีการใช้ระบบปรับอุณหภูมิที่เรียกว่า “F-CON” ซึ่งไม่ใช้ลมในการปรับอากาศ ทำให้ไม่แพร่ฝุ่นหรือไวรัส แล้วยังเลือกใช้วัสดุจากไม้ไผ่มาทำเฟอร์นิเจอร์ จึงดีต่อร่างกาย ให้ผิวสัมผัสที่อ่อนโยน คล้ายกับการอาบป่าของชาวญี่ปุ่น (Shinrin Yoku หรือ Forest Bathing) ช่วยทำให้หายใจได้ลึกและสบายมากขึ้น นี่แค่แนวคิดบางส่วนของโรงแรมนี้นะ เป็นคอนเซ็ปที่ใส่ใจลูกค้าแบบสุดโต่งเลยทีเดียว คอนเซ็ปเรียกแขกขนาดนี้ ก็คงต้องเข้าพักที่นี่แล้วล่ะ
สวนลับของ Hotel The Great Morning ที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า ส่วนใหญ่เป็นผักสลัดและสมุนไพรล่ะ
ตุ๊กตาดินเผา… ของที่ระลึกจากทางโรงแรม แต่ฝีมือระบายสีของเราเอง เก๋ๆ จ้า
ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้ กำลังให้ความสนใจกับเรื่อง SDGs ซึ่งย่อมาจาก Sustainable Development Goals อยู่พอสมควร ในด้านของการท่องเที่ยว ก็มีการคำนึงถึง SDGs อยู่ไม่น้อย และโรงแรมนี้ก็มีคอนเซ็ปที่เข้ากับเรื่องนี้มาก รวมถึงกิจกรรมหลายๆ อย่างที่เราทำในฟุกุโอกะครั้งนี้ เช่น Farmnic และ E-bike ก็เป็นกิจกรรมแบบ SDGs ด้วยเช่นกัน
อาหารเช้าที่นี่ มาเป็นเช็ตญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพ ส่งถึงห้องพักกันไปเลยจ้า
เว็บไซต์: https://hotelgreatmorning.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
จองโรงแรม: Hotel Great Morning
INN THE PARK FUKUOKA
“INN THE PARK FUKUOKA” ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ THE SEA DRAGOON เป็นที่พักสไตล์แคมป์ปิ้งที่ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ได้บรรยากาศริมทะเล ใต้ท้องฟ้าโปร่งๆ กับบริการที่ใส่ใจ แต่ว่าเรียบง่าย…
บรรยากาศชิลๆ ใน INN THE PARK
ห้องอาบน้ำรวม
บรรยากาศยามค่ำคืน (เดินไปเข้าห้องน้ำยังได้ชมวิวยามดึกเลย)
ห้องพักแต่ละแบบของที่นี่ ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ แบบแรกจะมีรูปแบบคล้ายเต้นท์ดีไซน์ใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม ด้านในมีอุปกรณ์สำหรับการพักผ่อนที่เพียงพอ เรียบง่าย สะอาดตา ดูดีทีเดียว สามารถเลือกแบบ 2 Semi-double beds (Sphere Tent) ซึ่งพักได้สูงสุด 3 คน หรือแบบ 4 Semi-double beds (Glamping) ก็ได้ ซึ่งอย่างหลังขนาดห้องจะกว้างกว่ามาก
ห้องพักแบบ Tent
ห้องพักแบบที่ 2 (Cabin) จะเป็นที่พักริมทะเล ที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนก็เหมาะสมเพียงพอ เปิดระเบียงด้านนอก ก็เจอทะเลเลย แต่ถ้าเปิดประตูด้านหน้าก็จะเห็นทะเลสาบและพื้นที่ INN THE PARK FUKUOKA เกือบทั้งหมด รวมทั้ง THE SEA DRAGOON ด้วย
ห้องพักแบบ Cabin
และห้องพักแบบที่ 3 (Suite) อยู่ริมทะเลเหมือนกับห้องแบบที่ 2 ต่างกันตรงที่ความเป็นห้อง Suites มีมุมนั่งเล่นและมีห้องอาบน้ำเป็นส่วนตัว (เหมาะกับคู่รัก) ในขณะที่ผู้ที่พักในห้องแบบที่ 1 และแบบที่ 2 ต้องไปใช้ห้องสุขาและใช้ห้องอาบน้ำรวม ซึ่งทั้งสองจุดก็สะอาดสะอ้าน ราวกับเป็นห้องน้ำส่วนตัวเลยทีเดียว
ออเดิร์ฟสำหรับ 2 ที่ (คนละ 3 ถ้วยน้อยๆ)
เนื้อดี อุณภูมิเลิศ!
จานนี้หนึบหนับ หอมมัน ดีงาม!
เซ็ตของหวาน
ที่จริงอาหารค่ำเยอะจานมาก… แต่ทาง INN THE PARK ใจดีจัดมาร์ชเมลโล่มาให้ เราก็ต้องจัดสักหน่อยสิจ้ะ
สำหรับจุดที่เลอค่า อยากยกย่องมากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อมาพักที่ INN THE PARK FUKUOKA ก็คืออาหาร อาหารค่ำที่นี่ดีมาก ของเราเป็นคอร์สสไตล์อาหารฝรั่งเศส ที่คัดสรรวัตถุมาเป็นอย่างดี เสิร์ฟแบบ Fine Dining พร้อมกับการแนะนำเครื่องดื่มมาเรื่อยๆ ถือเป็นมื้ออาหารค่ำที่ให้สุนทรียภาพมาก
เว็บไซต์: https://www.innthepark.jp/fukuoka/ (ภาษาญี่ปุ่น)
การเที่ยวเมืองฟุกุโอกะ ในช่วงที่ยังมีสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่นั้น เราจะเห็นสิ่งจำเป็นต่อมาตรการการป้องการการแพร่เชื้อหลายอย่างอยู่ทั่วไปเป็นปกติ อาทิ เจลแอลกอฮอล์ จุดตรวจวัดอุณหภูมิ แผ่นอะคริลิคกั้นพื้นที่ รวมถึงป้ายเตือนการสวมหน้ากากอนามัย และชาวญี่ปุ่นแทบทุกคนยังคงใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา สร้างความเชื่อมั่นในการมาเที่ยวได้อย่างดีทีเดียว
คนญี่ปุ่นเกือบ 100% ยังคงใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่นะ
(BOSS E×ZO FUKUOKA)
ทั้งหมดนี้คือที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ที่ทำกิจกรรมต่างๆ ในเมืองฟุกุโอกะที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ไปสัมผัส หลังจากที่ไม่ได้มีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่นกันมานาน
ทริป “ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ” ของเรา อันประกอบด้วย เมืองซาเซโบะ เมืองฮิตะ เมืองคิตะคิวชู และเมืองฟุกุโอกะ ก็จบลงแล้ว หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ไอเดียในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไป
สำหรับคราวหน้า เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ไหนในญี่ปุ่นกันอีก ฝากติดตามกันด้วยน๊าาาา ซาโยนาระ…
เรื่องแนะนำ :
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.3 “Kitakyushu”
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.2 “Hita”
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.1 “Sasebo”
– 10 สถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวจังหวัดไอจิ (Aichi)
– แนะนำกิจกรรมน่าสนใจของจังหวัดไอจิในช่วงสิ้นปี-ปีใหม่
#ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.4 “Fukuoka” #Fukuoka #Kyushu