ทริปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด เดินทางมาถึง Ep.3 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว เราจะมาเที่ยวกันต่อที่จังหวัดจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ตามเรามาเลย…
ทริปขับรถเที่ยวรอบโทโฮคุใต้ 3 จังหวัด ใน Ep.3 นี้ marumura จะพาทุกๆ คนไปเที่ยวต่อกันที่จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) และจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ที่นี่ก็มีจุดน่าสนใจไม่แพ้ที่อื่นเลย แต่จะไปที่ไหนกันบ้าง… ตามเรามากันเลยค่ะ
ใครยังไม่ได้อ่าน Ep.1 และ Ep.2 ตามไปอ่านได้ที่นี่นะคะ
>> Road Trip เที่ยวญี่ปุ่นแบบสวยๆ ไม่เร่งรีบ กินดีนอนหรู ที่โทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด Ep.1
>> Road Trip เที่ยวญี่ปุ่นแบบสวยๆ ไม่เร่งรีบ กินดีนอนหรู ที่โทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด Ep.2
● ปั่นจักรยานล้อโต (Fat Bike) ชมวิถีชีวิตในชนบท และทิวทัศน์ภูเขาอาดาตาระ (Mount Adatara)
● อ้อยอิ่งกินลม ชมทิวทัศน์ กับการนั่งรถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line)
● อาวะมันจู (Awa Manju) ของดีขึ้นชื่อเมืองยานาอิสุ (Yanaizu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)
● เรียนปักผ้าซะชิโกะ งานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่น
● พักเรียวกัง สุดหรูที่จะพาคุณดิ่งสู่ห้วงของความผ่อนคลายอย่างแท้จริง
● ซึมซับวัฒนธรรม ในดินแดนของเจ้าเมืองผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 14 ของตระกูลอุเอะสุงิ (Uesugi)
● ชี้เป้าร้านเด็ด เมนูขึ้นชื่อ เนื้อวัวโยะเนะซะวะ (Yonezawa Beef)
● เดินเล่นชมเมืองเก่า ช้อปปิ้งจุใจที่ นาโนะกะมะจิ โกะเต็นเซกิ (Nanokamachi-Gotenzeki)
● จุดช้อปปิ้งแสนสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ ศูนย์การค้าเอส-พาล ยามากาตะ (S-PAL Yamagata)
เริ่มเช้าวันสดใส ด้วยอาหารเช้าของอุระบันได เลค รีสอร์ต (Urabandai Lake Resort) กันแล้ว ก็พร้อมสำหรับการเดินทางสู่จุดมุ่งหมายต่อไป
เราขับรถมุ่งหน้าไปยัง ภูเขาอาดาตาระ (Mount Adatara) ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ที่นี่เป็นจุดที่มีธรรมชาติงดงาม และขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมที่หลากหลาย วันนี้เราจะไปปั่นจักรยานล้อโต (Fat Bike) ชมธรรมชาติกันค่ะ …
ปั่นจักรยานล้อโต (Fat Bike) ชมวิถีชีวิตในชนบท และทิวทัศน์ภูเขาอาดาตาระ (Mount Adatara)
เช้านี้เราติดต่อจองปั่นจักรยานล้อโตพร้อมไกด์นำทางไว้ ที่ Mt. Inn
โดยที่นี่ มีบริการทั้งที่พัก และจองเฉพาะกิจกรรมได้ ซึ่งกิจกรรมก็มีให้เลือกหลากหลายตามในแต่ฤดูกาลเลย
กิจกรรมปั่นจักรยานที่เราเลือกจองครั้งนี้ จะเป็นทัวร์ปั่นจักรยานพร้อมไกด์ ในเส้นทางกึ่งการผจญภัยนิดๆ มีทั้งลุยป่า ข้ามสะพานน้ำตกเล็กๆ และขึ้นเนินสูง เพื่อชมวิวจากภูเขาที่เต็มไปด้วยสีสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีสุดลูกหูลูกตาค่ะ
จุดแรกคือ ศาลเจ้าที่อยู่ไม่ไกลจาก Mt. Inn ไกด์พาเราไปไหว้ขอพร และอธิบายเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆในละแวกนี้ให้ด้วยค่ะ
ในรูปนี้จะเป็นรางน้ำเก่า ที่ใช้ลำเลียงน้ำอนเซ็นจากตาน้ำไปยังโรงแรม โรงอาบน้ำต่างๆ ในละแวกนี้ ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว แต่ได้มีการนำมาวางให้ผู้คนได้ชม และทราบถึงประวัติความเป็นมาของย่านอนเซ็นแห่งนี้…
ไหว้พระกันพอแล้ว ถึงเวลาลุยกันต่อค่ะ จุดต่อไปจะตื่นเต้นนิดๆ ด้วยการบุกป่า และข้ามสะพานไม้เล็กๆ พอให้ใจเต้นตุบตับ
แล้วปั่นผ่านบ้านเรือน ผ่านสวนผักไปเรื่อยๆ ระหว่างทางคนในท้องถิ่นก็ส่งเสียงทักทาย ให้ความรู้สึกอบอุ่น ราวกับเป็นหนึ่งในผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้เลย (ชอบจัง…)
เส้นทางปั่นก็มีทั้งขึ้นเขา บุกป่า ลัดเลาะผ่านแมกไม้ มีลงลำธาร (ย่อมๆ 55) ไปจนถึงถนนเรียบๆ แบบในรูปเลยค่ะ
เราสามารถเลือกเส้นทางตามที่มีในรูทอยู่แล้ว หรือจะติดต่อให้ไกด์ช่วยปรับรูทตามที่เราต้องการก็ได้เช่นกัน
ปั่นไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 นาที ก็ถึงจุดพักชมวิว ไกด์จะชวนเราแวะ และเชื้อเชิญให้ถ่ายรูป ถือเป็นการพักเหนื่อย ดื่มน้ำ ไปในตัว
จากนั้นก็ปั่นชมวิวไปเรื่อยๆ และพักอีกครั้ง จุดพักตรงนี้ประทับใจมากๆ ค่ะ ไกด์จะเอากระติกน้ำร้อนที่พกมา แล้วทำการบดเมล็ดกาแฟไปช้าๆ พร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง
นั่งดื่มกาแฟท่ามกลางวิวทุ่งหญ้า กว้างสุดลูกหูลูกตา เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกปลดปล่อยที่สุดเลยค่ะ…
Mt. Inn (จุดเช่า Fat bike)
พิกัด: https://g.page/mt-inn?share
การเดินทาง: จากสถานี Fukushima โดยสารรถไฟ JR Tohoku Line ลงสถานี Nihonmatsu ใช้เวลา 23 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส ลงป้าย Dake Onsen ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แล้วเดินต่ออีก 3 นาที
ค่าใช้จ่าย: ผู้ใหญ่ 5,500 เยน เด็ก 4,000 เยน (ราคาอาจต่างกัน ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เราเลือก)
เว็บไซต์: https://mt-inn.jp/adatara-activity/tour/101 (ภาษาญี่ปุ่น)
https://mt-inn.jp/about/ (ภาษาญี่ปุ่น)
https://mt-inn.jp/th/ (ภาษาไทย)
อ้อยอิ่งกินลม ชมทิวทัศน์ กับการนั่งรถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line)
มาถึงจังหวัดฟุกุชิมะทั้งที หากไม่แวะไปนั่งรถไฟก็รู้สึกเสียดาย ดังนั้นเรามาเปลี่ยนโหมดกันซักนิด ไปนั่งรถไฟชิวๆ ชมบรรยากาศชนบทกันค่ะ
นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสองข้างทางแล้ว การมานั่งรถไฟท้องถิ่นก็เป็นความสนุกแสนพิเศษอีกแบบ ที่เราจะได้สัมผัสจากผู้คนท้องถิ่นที่ใช้รถไฟสัญจรในชีวิตประจำวันด้วยนะคะ …
ดูวิวสิ นี่แค่จากชานชาลา ยังสวยขนาดนี้เลย จะไม่ให้แวะมาใช้บริการรถไฟสายนี้ได้อย่างไร….
รถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line) วิ่งเชื่อมระหว่างเมืองไอซุวะกะมัทสึ (Aizuwakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ และเมืองอุโอะนุมะ (Uonuma) จังหวัดนีงาตะ ผ่านทั้งหมด 36 สถานี รวมระยะทางทั้งสิ้น 135.2 กิโลเมตร ซึ่งครั้งนี้เรานั่งรถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ จากสถานี Aizu-Takada ถึง สถานี Aizu-Miyashita
เอาล่ะ รถไฟมาแล้ว ขึ้นรถกันเถอะค่ะ…
รถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิโด่งดังในเรื่องของทิวทัศน์อันงดงามระหว่างทาง และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างภาพที่ชื่นชอบรถไฟอีกด้วย
ใช่แล้วค่ะ ถ้าคุณกำลังนึกถึงภาพภูเขาที่มีสะพานทอดข้ามแม่น้ำ และรถไฟวิ่งตัดผ่านที่เห็นตามโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์บ่อยๆ ก็คือรถไฟสายนี้แหละ
รถไฟสายเจอาร์ ทะดะมิ (JR Tadami Line)
Aizu-Takada Station
https://goo.gl/maps/Hx9X2QzhuykP7sbE9
First Tadami River Bridge
https://goo.gl/maps/FL8BomXsztaziALg9
การเดินทาง: จากสถานี Aizu-Takada โดยสารรถไฟ JR Tadami Line ไปลงที่สถานี Aizu-Miyashita ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เว็บไซต์: https://tadami-line.jp/digital_book/pht_tadami-line_guidebook2020-english/HTML5/pc.html#/page/1 (เว็บไซต์ภาษาอังกฤษ)
https://www.tadami-net.com/tadamiline/20160728/11099 (เว็บไซต์ภาษาอังกฤษ)
https://tadami-line.jp/ (เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น)
อาวะมันจู (Awa Manju) ของดีขึ้นชื่อเมืองยานาอิสุ (Yanaizu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)
อาวะมันจู (Awa Manju) คือขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองยานาอิสุ จังหวัดฟุกุชิมะที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี
ขนมอาวะมันจูเป็นขนมที่ทำมาจากข้าวฟ่างและข้าวเหนียว แล้วสอดไส้ด้วยถั่วแดงกวน ซึ่งร้านที่เรามาในครั้งนี้ ชื่อว่า ร้านขนมโคอิเคะ (Koike Confectionary Shop) เป็นร้านขนมเก่าแก่ใจกลางย่านแหล่งกำเนิดของวัวแดงอากะเบโกะ (Akabeko)
อาวะมันจู ถือได้ว่าเป็นขนมมงคลอีกอย่าง ตามชื่อพ้องในภาษาญี่ปุ่น หลังช่วงเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในย่านไอซุ บ้านเรือนพังทลาย เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ จึงมีความคิดที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก
ว่ากันว่าระหว่างทำขนม ผู้ทำจะอธิฐานขอให้ไม่ประสบภัยพิบัติ ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า อาวะไน่ 会わない = ไม่ประสบ แล้วนำมารับประทานร่วมกัน
ร้านขนมโคอิเคะ ถือว่าเป็นร้านดังในย่านนี้ ใครไปใครมาจะต้องแวะมาซื้อกันค่ะ ขนมอาวะมันจู ที่นึ่งใหม่ๆ มีควันพวยพุ่ง ส่งกลิ่นหอม เชื้อเชิญให้ผู้คนที่ผ่านไปมาแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสายกันเลย
นอกจากนี้ที่ร้านยังมีกิจกรรมให้ลองทำขนมอาวะมันจูด้วยตัวเองได้อีกด้วยนะคะ ใครที่ผ่านมาละแวกนี้ อย่าพลาดที่จะแวะมากันเชียว…
Koike Confectionary Shop
พิกัด: https://goo.gl/maps/YR8nPUTWsAMwAWj1A
เว็บไซต์: https://fukushima.travel/blogs/making-awamanju-in-yanaizu/86 (ภาษาอังกฤษ)
http://koike-manjyu.com (ภาษาญี่ปุ่น)
https://aizu-yanaizu.com/shop/koikekashiho/ (ภาษาญี่ปุ่น)
เรียนปักผ้าซะชิโกะ งานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ก่อนอื่นขอสารภาพเลยค่ะว่า ไม่ใช่สายแม่บ้านแม่เรือน และเย็บผ้าไม่เป็น 55…. แต่ครั้งนี้ ที่เลือกเดินทางมา เพราะอยากมาที่นี่มาก แปลกใจมั้ยคะ ….
ไม่ใช่สายแม่บ้านแม่เรือน และเย็บผ้าไม่เป็น แต่อยากมาที่นี่ …. เพราะว่า ที่ ซะชิโกะ โคโบ โซโชอัน (Sashiko Kobou Soushoan) เป็นมากกว่าสถานที่เรียนเย็บผ้าไงล่ะ
“ซะชิโกะ” (Sashiko) หนึ่งในงานฝีมือเย็บปักถักร้อยแบบโบราณของญี่ปุ่น เป็นการนำเส้นด้ายมาเย็บปักลงบนเนื้อผ้าให้เกิดลวดลายต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขาคณิต
ในสมัยก่อนนั้นเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่มีแต่ผ้าลินินกับผ้าฝ้าย ซึ่งเนื้อผ้าไม่ได้มีความคงทนเหมือนผ้าในสมัยนี้ การเย็บปักด้ายลงไปบนผ้าอีกชั้นหนึ่ง จึงเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน เพื่อทำให้เนื้อผ้ามีความแข็งแรง ทนทาน และช่วยให้อบอุ่นขึ้น
“ฮาราคาตะ ซะชิโกะ” (Harakata Sashiko) ก็คือชื่อเรียกของวิธีการปักผ้าของชาวเมืองโยะเนะซาวะ (Yonezawa)
ในอดีตหลังสงคราม เหล่าภรรยาของตระกูลอุเอะสุงิ (Uesugi) ได้มีชีวิตที่ยากลำบากกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ลืมในวิถีซามูไร และฝีมือในการเย็บปักถักร้อย กระทั่งผ้าขี้ริ้วที่เปื่อยขาดจากการถูกใช้งานมาอย่างหนัก พวกเธอก็นำมาปักลวดลายลงไป เช่น ลายรังผึ้ง (กระดองเต่า) ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับผ้าขี้ริ้วอีกด้วย และได้ถูกเรียกว่า ฮานะโซคิง (Hanazoukin) หรือผ้าขี้ริ้วลายดอกไม้ ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้สะท้อนถึงชีวิตอันแร้นแค้นที่พวกเธอต้องพบเจอ
คุณครูเอ็นโด คิโยโกะ (Endo Kiyoko) ผู้เป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้ และเป็นคุณผู้หญิงที่ทำให้เราอยากมาที่นี่เป็นที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นผู้สืบทอดการปักผ้าที่ล้ำค่านี้แล้ว ยังเป็นศิลปินผู้โด่งดังที่รังสรรค์ผลงานออกมาจนได้รับรางวัลมากมาย ถึงแม้จะมีอายุ (เธอบอกว่า ขอปิดเป็นความลับนะคะ 55 ) แล้ว แต่ฝีมือไม่ได้ลดถอยตามอายุไปเลย
ครูจะคอยสอนอย่างใจเย็น ไม่ว่าเราจะทำเข็มแทงนิ้วไปกี่ครั้ง ทำด้ายขาดไปกี่รอบ ก็ยังใจเย็นคอยสอนอย่างใกล้ชิด จนคนที่เย็บกระดุมยังไม่เป็นอย่างเรา สามารถปักผ้าได้สำเร็จทีเดียว….
เมื่อปักเสร็จแล้ว ครูจะนำผ้าไปรีด และเย็บเก็บงานให้อีกครั้ง ระหว่างรอ เราไปชมด้านในที่เป็นส่วนของ แกลเลอรีจัดแสดงผลงานที่ได้ไปโชว์มาแล้วในหลากหลายประเทศของคุณครู
ขอบอกเลยว่าผลงานแต่ละชิ้นนั้นทำเราอึ้งไปเลยทีเดียว การปักผ้า ต้องใช้ความละเอียด และประณีตมากๆ ขนาดเราปักแค่ผืนเล็กๆ ยังใช้เวลาและสมาธิขนาดนี้ ทำให้รู้สึกนับถือในความตั้งใจ และฝีมือของคุณครูมากขึ้นเลยค่ะ (บริเวณแกลเลอรีไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ)
ท้ายนี้ คุณครูส่งเราด้วยคำว่า “โอโชชินะ” เป็นคำพื้นเมืองของเขต โยะเนะซะวะ แปลว่า ขอบคุณ (คำทั่วไปคือ อะริงาโต) คำสั้นๆ แต่ทำไมฟังแล้วจับใจจังเลย แม้แต่ในตอนนี้ ที่ผู้เขียนระลึกถึง ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นของครูอยู่เลย หากมีโอกาส จะกลับไปอีกนะคะ…
Sashiko Kobou Soushoan
พิกัด: https://goo.gl/maps/1Se5cu8cZ5jv21Hb9
การเดินทาง: จากสถานี Fukushima โดยสารรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปลงที่สถานี Yonezawa ใช้เวลา 32 นาที จากนั้นเดินต่อ 20 นาที หรือโดยสารรถแท็กซี่ ใช้เวลา 5 นาที
ค่าใช้จ่าย: ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็กต่ำกว่าชั้นมัธยมต้น 200 เยน
ค่าเข้าร่วมกิจกรรมปักผ้าซะชิโกะ (Sashiko) รวมอุปกรณ์แล้ว: ผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็กนักเรียน 1,000 เยน
เว็บไซต์: https://sashiko.club (ภาษาญี่ปุ่น)
พักเรียวกัง สุดหรูที่จะพาคุณดิ่งสู่ห้วงของความผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“ซากิยะ ซันโซราอิ” (Sagiya Sansorai) โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น อีกแห่งที่ไม่อยากให้มองข้ามเมื่อมาเยือนจังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
ที่นี่เป็นที่พักสุดหรู ที่โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศชนบท และทิวทัศน์งดงาม ภายในตกแต่งด้วยความเรียบง่ายแต่ให้ความคลาสสิคดูมีระดับเป็นที่สุด
โรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีโชวะที่ 6 และได้รีโนเวทใหม่เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวโรงแรมเป็นอาคารชั้นเดียวที่ถูกแบ่งเป็น 2 โซนคือ คิจิเนะ (Kijine) และคิโยเสะ (Kiyose) เน้นความโปร่งสบาย มีเอกลักษณ์ความเป็นสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยของญี่ปุ่น ห้องพักทุกห้องมีความเป็นส่วนตัว และสามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างงดงามค่ะ…
อีกสิ่งที่ประทับใจมากๆ ของที่พักแห่งนี้ คือความใส่ใจในเรื่องการป้องกัน และรักษาระยะห่างของแขกผู้เข้าพัก และพนักงานเป็นอย่างดี จนได้รับรางวัลจากทางจังหวัดยามากาตะ ยืนยันความใส่ใจของโรงแรมทำให้รู้สึกสบายใจ และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สุดๆ เลยค่ะ
มาดูในส่วนของห้องพักกันค่ะ ห้องพักในสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม พื้นที่กว้างมากๆ ตกแต่งโดยเน้นความเรียบง่าย และให้ความผ่อนคลายเป็นที่สุด
ภายในห้องมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำส่วนตัว และยังมีบ่ออนเซ็นกลางแจ้งส่วนตัวตรงระเบียงให้อีกด้วย แอบกระซิบว่า ช่วงตอนเช้าๆ ที่มีแสงอาทิตย์ส่องกระทบกับบ่ออนเซ็นที่มีไออุ่นๆ พวยพุ่งนั้น เป็นภาพที่ตรึงตาตรึงใจสุดๆ เลยค่ะ
นอกจากอนเซ็นในห้องแล้ว ยังมีบ่อรวมสาธารณะขนาดใหญ่แยกฝั่งชาย-หญิง อนเซ็นที่ไหลมาจากแหล่งต้นกำเนิดน้ำพุร้อนคามิโนะยามะอนเซ็น (Kaminoyama Onsen) ก็เป็นอีกไฮไลต์ที่อยากให้ได้สัมผัสที่สุดเลยค่ะ
น้ำแร่ที่มีสัมผัสนุ่มลื่นบนผิว ความอุ่นกำลังดี แช่แล้วนอกจากจะอบอุ่น ยังรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มของผิวอีกด้วยค่ะ …
หลังแช่อนเซ็นแล้ว อย่าลืมที่จะแวะดื่มน้ำอนเซ็นด้วยนะคะ ที่โรงแรมซากิยะ ซันโซราอิมีจุดที่สามารถดื่มน้ำแร่อนเซ็นได้
ในประเทศญี่ปุ่นมีอนเซ็นมากมายก็จริง แต่ก็ไม่ได้สามารถใช้ดื่มได้ทุกแห่ง และในปัจจุบันจุดที่สามารถดื่มได้มีน้อยมากๆ ใครได้มาแล้วอยากให้ลองดื่มดูนะคะ ว่ากันว่าสามารถช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะถ้าดีท็อกซ์มากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้ค่ะ…
ไปดูในส่วนของอาหารกันบ้างค่ะ อาหารแสนอร่อยที่ปรุงมาจากผักสด และข้าวที่เก็บเกี่ยวมาจากในบริเวณโรงแรม แต่ละเมนูตกแต่งมาอย่างสวยงาม และแน่นอน รสชาติอร่อยเป็นที่สุดเลยค่ะ
ค่ำนี้เราเลือกเป็นเซ็ตชาบูชาบู ‘เนื้อยามากาตะ (Yamagata Beef)’ หนึ่งในเนื้อคุโรเกะวากิว (Kuroge Wagyu) หรือวัวขนดำที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยจะเสิร์ฟมาให้พร้อมกับเนื้อหมูเผื่อสำหรับคนที่ไม่รับประทานเนื้อวัวด้วย
แต่ก่อนจะไปรับประทานชาบูชาบู เรามาดูเมนูอื่นๆ ในเซ็ตกันก่อนค่ะ
ถ้วยแรกเป็นซุปถั่วดาดาฉะ มาเมะ (Dadacha Mame) ในจังหวัดยามากาตะว่ากันว่ามีผักท้องถิ่นต่างๆ กว่า 150 ชนิดเลยทีเดียว ดาดาฉะ มาเมะ คือถั่วแระชนิดหนึ่ง เป็นหนึ่งในพืชผักที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเช่นกัน ซุปรสชาติกลมกล่อม
และจานต่อไปคือซาชิมิ ที่สามารถเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
เพลิดเพลินกับสองจานแรกไปได้ซักพัก พนักงานก็นำกล่องไม้ดูหรูหรามาเสิร์ฟ ด้านในเป็นอาหารจานเล็กๆ ตกแต่งมาอย่างน่ารัก และมีจานใหญ่อีกจานคือนกเป็ดน้ำรมควัน (自家製鴨ロースト) ราดด้วยซอส แล้วรับประทานพร้อมต้นหอมที่ซอยเป็นเส้นบางๆ ที่วางคู่กัน ขอบอกเลยว่า สวรรค์เล็กๆ อยู่เบื้องหน้าดีๆ นี่เองค่ะ…
หากใครที่ชื่นชอบ อยากลิ้มลองไปกับวัฒนธรรมแบบชาวญี่ปุ่นแล้วละก็ สามารถให้พนักงานช่วยแนะนำเครื่องดื่ม ที่เรียกว่า “สาเก” ที่เหมาะกับเมนูในแต่ละมื้อได้ ที่โรงแรมมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ไว้คอยบริการให้ค่ะ
เช้านี้ตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น จริงๆ ไม่อยากลุกจากเตียงเลย เพราะทั้งนุ่ม และอุ่น แต่แสงระยิบระยับของดวงอาทิตย์ที่กระทบกับบ่อน้ำอนเซ็นนั้นสาดส่องมาจนอดใจไม่ไหว ขอไปแช่ตัวให้สะใจกันอีกรอบค่ะ….
อาหารเช้าก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ที่โรงแรมนี้จะจัดมาให้ในปริมาณที่ดูพอดี เมนูจะเน้นไปที่ผัก และของหมักดอง ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางจังหวัดยามากาตะ ไม่ว่าจะเป็น มิโซะห่อใบชิโซะ หรือดอกเบญจมาศดองน้ำส้มสายชู ล้วนแต่อร่อย จนต้องขอเติมข้าวกันทุกคนเลย
ต่างคนต่างบอกว่า ก่อนกลับจะต้องตามหาที่ซื้อผักดองไว้ไปฝากคนที่บ้านให้ได้ 55…
Sagiya Sansorai
พิกัด: https://goo.gl/maps/xEGGr2f2tsYbfeAD7
การเดินทาง: จากสถานี Fukushima โดยสารรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปลงที่สถานี Kaminoyama Onsen ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 6 นาที จากนั้นโดยสารรถยนต์ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือแจ้งให้ทางโรงแรมไปรับได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน)
เว็บไซต์: https://www.sansorai.com (ภาษาญี่ปุ่น)
ซึมซับวัฒนธรรมในดินแดนของเจ้าเมืองผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 14 ของตระกูลอุเอะสุงิ (Uesugi)
เช้านี้เริ่มกิจกรรมท่องเที่ยวกันที่ดินแดนเหล่าซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ ตระกูลอุเอะสุงิกันค่ะ
จุดแรกที่ไปคืออุเอะสุงิ ฮะคุชะคุเท (Uesugi Hakushakutei) เป็นคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1896 โดยรุ่นที่ 14 ของตระกูลอุเอะสุงิ
ก่อนเข้าไปชมขอแวะร้านที่ชื่อว่านาโกมิ เทอิ (Nagomi tei) ก่อนนะคะ ที่นี่เราสามารถไปเช่าชุดกิโมโนทอแบบดั้งเดิมของเมืองโยะเนะซะวะ (Yonezawa Ori) ออกไปเดินเล่นในบริเวณรอบๆ ได้ และยังมีเครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงไอศกรีมเจลาโต้หลากรสให้ได้ลิ้มลองในส่วนของคาเฟ่อีกด้วย พนักงานที่ร้านจัดการแต่งให้อย่างคล่องแคล่ว และมีเซ็ตจัดทรงผมให้ยืมด้วยค่ะ
ก่อนออกไปก็นั่งถ่ายรูปสวยๆ ซักภาพกันก่อน
อ่ะ พร้อมแล้วไปเก็บค่าแชร์ได้ค่ะ…… เล่นพอแล้ว มาเข้าโหมดจริงจังกันต่อนะ 55
ตัวอาคารเคยถูกไฟไหม้จนเสียหายหนัก แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1925 โดยได้ออกแบบหลังคาและสวน เลียนแบบพระราชวังฮามะริคิว (Hamarikyu) ในโตเกียว (Tokyo)
ปัจจุบันตัวอาคารได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของชาติ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมของเมืองโยะเนะซาวะที่ใช้เนื้อวัวโยะเนซาวะ (Yonezawa Beef) ได้ แต่ต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนนะคะ
ไม่ไกลจากคฤหาสน์มีอีกแห่งที่ควรต้องไป นั่นก็คือ ศาลเจ้าอุเอะสุงิ (Uesugi Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างทับจุดที่เคยเป็นป้อมปราการชั้นในของปราสาทโยะเนะซาวะ (Yonezawa Castle) เพื่อเป็นที่สำหรับสักการะบูชา อุเอะสุงิ เคนชิน (Uesugi Kenshin) ซามูไรแม่ทัพผู้ห้าวหาญแห่งยุคสงครามเซ็นโกะคุ (Sengoku Period) ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรด้านความสำเร็จ โชคลาภ และการเรียน
นอกจากนี้ภายในบริเวณศาลเจ้ายังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์อุเอะสุงิ (Uesugi Museum) ที่จัดแสดงสมบัติของอุเอะสุงิ เคนชิน และคนอื่นๆ ในตระกูล มีสิ่งของที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ 131 รายการ และสิ่งของอีกอื่นกว่า 1,000 รายการ ตั้งแต่อาวุธ ภาพวาด เครื่องปั้นดินเผา ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ
และหากโชคดีไปตรงกับช่วงที่มีจัดเทศกาลโยะเนะซะวะ อุเอะสุงิ (Yonezawa Uesugi Festival) อาจจะได้ชมภาพขบวนพาเหรดของเหล่าซามูไร และการแสดงยิงปืนคาบชุด (Hinawajyu) ระทึกใจด้วยนะคะ
Uesugi Hakushakutei
พิกัด: https://goo.gl/maps/pNDXkYJPLTPtVuXS9
การเดินทาง: จากสถานี JR Yamagata โดยสารรถไฟ Yamagata Line ไปลงที่สถานี JR Yonezawa ใช้เวลา 48 นาที จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือโดยสารรถบัส Yamako Bus ลงที่ป้าย Uesugi Jinja Mae แล้วเดินต่ออีกประมาณ 4 นาที
เว็บไซต์: https://hakusyakutei.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
https://yamagatakanko.com/th/attractions/detail_1880.html (ภาษาไทย)
ชี้เป้าร้านเด็ด เมนูขึ้นชื่อ เนื้อวัวโยะเนะซะวะ (Yonezawa Beef)
สายเนื้อต้องแฮปปี้ มาเที่ยวจังหวัดยามากาตะทั้งที จะพลาดชิมเนื้อวัวโยะเนะซะวะ (Yonezawa Beef) ได้ยังไง!
มื้อกลางวันของเราในวันนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก บีฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ค่ะ เนื้อดีๆ ไขมันดีๆ แทรกมาแบบไม่เกรงใจ หวานนุ่ม พร้อมละลายในปาก ทั้งผักสดหวาน ทั้งซอสดาชิเข้มข้น บอกเลยว่าตะเกียบในมือไม่ได้วางจนเนื้อหมดหม้อเลยแหละค่ะ
เรามากันที่ร้านเบโคยะ (Bekoya) เขามีให้เลือกหลากหลายเมนู แต่ละเมนูบรรจงปรุงด้วยความพิถีพิถัน ทั้งเนื้อย่าง ชาบูชาบู สุกี้ยากี้ สเต็ก ล้วนใช้เนื้อที่คัดมาอย่างดี ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากสถานี Yonezawa อีกด้วย คนที่ไม่ได้มีรถขับเที่ยวแบบเราก็สามารถมาแวะชิมมื้ออร่อยได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ
เมนูที่เราเลือกวันนี้คือ สุกี้ยากี้ พนักงานจะนำเนื้อ และผักมาให้ และค่อยๆ บรรจงนำผักลงวางในหม้อเหล็ก แล้วนำเนื้อมาวางเรียงบนผักอีกที
พนักงานบอกเราว่าเป็นอีกเคล็ดลับที่ทำให้อร่อยเพราะจะไม่ทำลายส่วนไขมันที่แทรกในเนื้อจากการโดนความร้อนของกระทะค่ะ… จากนั้นค่อยเอาน้ำซุปเข้มข้นสูตรลับเฉพาะที่สืบทอดจากรุ่นต่อรุ่นมาเทลงบนกระทะ วิธีนี้จะเป็นการทำให้สามารถดึงรสชาติของเนื้อออกมาได้อย่างดีที่สุด
ส่วนวิธีรับประทานนั้น ก็ตามแต่จะชอบเลยค่ะ ใครชอบไข่ดิบก็นำไปจุ่มกับไข่ หรือจะรับประทานร้อนๆ ไปเลยก็ดีเช่นกัน
นอกจากเมนูเนื้อแล้ว ยังมีอีกเมนูที่อยากให้ลองค่ะ นั่นก็คือหมี่เย็น….
เส้นหมี่เหนียวหนึบหนับ เคี้ยวเพลินสู้ลิ้น ที่มาพร้อมกับความกลมกล่อมของน้ำซุปเย็นๆ และรสเผ็ดนิดๆ จากกิมจิที่เสิร์ฟมาคู่กัน รับประทานไปก่อนสักครึ่งนึงแล้วค่อยใส่น้ำส้มสายชูเพื่อเปลี่ยนรสนะคะ รับรองเลยว่าจะต้องติดใจ…
Bekoya
วิธีเดินทาง: จากสถานี JR Yamagata โดยสารรถไฟ Yamagata Line ไปลงที่สถานี JR Yonezawa ใช้เวลา 47 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 3 นาที
พิกัด: https://goo.gl/maps/5EiY9NTNhZHtG6589
เว็ปไซต์: https://www.yonezawagyudining.jp/#bekoya (ภาษาญี่ปุ่น)
เดินเล่นชมเมืองเก่า ช้อปปิ้งจุใจที่ นาโนะกะมะจิ โกะเต็นเซกิ (Nanokamachi-Gotenzeki)
ย่านนาโนะกะมะจิ โกะเต็นเซกิ (Nanokamachi-Gotenzeki) เป็นย่านร้านค้าที่มีทั้งร้านค้าเก่าแก่ ร้านค้าสไตล์โมเดิร์น ผสมผสานวัฒนธรรมยุคเก่าและยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มีร้านค้าหลายรูปแบบ ตั้งแต่เสื้อผ้าดีไซน์แปลกตาไม่ซ้ำใคร ของใช้ในบ้านเล็กๆ น้อยๆ ร้านอาหาร ร้านเนื้อสดที่ผู้คนในท้องถิ่นแวะเวียนมาจับจ่ายกัน เป็นต้น
จุดเด่นของย่านร้านค้าแห่งนี้ คือการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้คงสภาพใกล้เคียงกับเมืองปราสาทในสมัยเก่าอย่างที่สุด เช่น การขยายปรับปรุงท่อระบายน้ำที่ในอดีตเคยถูกใช้เพื่อส่งน้ำไปยังปราสาท และมีการเรียงหินแบบที่เรียกว่า โกะเต็นเซกิ (Gotenzeki) รวมถึงสร้างความร่มรื่นสบายตาด้วยการปลูกหญ้าลงไป วิธีนี้นอกจากจะดูสวยงามแล้วยังเป็นการช่วยยึดหินให้แข็งแรงอีกด้วย…
ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าบางแห่งก็มีการเอาตึกคุระ (โกดังในสมัยก่อน) มารีโนเวทให้ดูทันสมัย ของที่วางจำหน่ายก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวน่าซื้อที่สุดเลยค่ะ มาเที่ยวที่นี่ ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะนอกจากจะได้เดินเลือกซื้อของที่หาซื้อจากที่อื่นได้ยากแล้ว ยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศราวกับย้อนยุคไปในคราวเดียวกันเลย…
Nanokamachi-Gotenzeki
พิกัด: https://goo.gl/maps/gBpQUp8BX9kQ7wpp9
การเดินทาง: จากสถานี Yamagata โดยสารรถบัส Yamako Bus สาย Yamagata Prefectural Central Hospital ไปลงที่ป้าย Nanokamachi ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
เว็บไซต์: https://www.visityamagata.jp/en/spot-yamagata-gotenzeki-en/ (ภาษาอังกฤษ)
http://gotenzeki.co.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
จุดช้อปปิ้งแสนสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ ศูนย์การค้าเอส-พาล ยามากาตะ (S-PAL Yamagata)
หากใครยังซื้อของได้ไม่จุใจ ลองแวะมาอีกที่ นั่นก็คือ ศูนย์การค้าเอส-พาล ยามากาตะ (S-PAL Yamagata) ค่ะ ที่นี่อยู่ติดกับสถานี JR Yamagata หรือแทบจะเรียกว่าตึกเดียวกันเลยก็ว่าได้ มีสินค้าหลากหลายแบบห้างใหญ่ๆ ตามหัวเมือง ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง เป็นต้น
และที่อยากแนะนำคือ ตรงชั้น 2 จะมีร้านขายของฝากพื้นเมืองตั้งแต่ขนมต่างๆ ไปจนถึงสาเก และที่ดีใจสุดๆ คือมีผักดองแสนอร่อยแบบที่ติดใจหลังจากรับประทานที่โรงแรมซากิยะ ซันโซราอิ (Sagiya Sansorai) เมื่อเช้านี้ด้วย
ซื้อของฝากเต็มไม้เต็มมือกันแล้ว ก็ได้เวลากลับบ้านกันแล้วค่ะ
S-PAL Yamagata
พิกัด: https://goo.gl/maps/4yBamMsmHF2LgYZj8
การเดินทาง:จากสถานี JR Yamagata เดิน 1 นาที
เว็บไซต์: https://www.s-pal.jp/yamagata/th/ (ภาษาไทย)
https://www.s-pal.jp/yamagata/en/ (ภาษาอังกฤษ)
https://www.s-pal.jp/yamagata/ (ภาษาญี่ปุ่น)
ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามอ่านบทความของพวกเราจนครบทั้ง 3 Ep. นะคะ หวังว่าจะมีโอกาสได้พาทุกๆ คนไปเที่ยวผ่านบทความด้วยกันอีก และหลังจากที่สถานการณ์เข้าสู่ช่วงปกติ พร้อมเดินทางกันเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเลือกภูมิภาคโทโฮคุ เป็นอีกจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นกันนะคะ…
อ่านบทความเกี่ยวกับโทโฮคุเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.jnto.or.th/tohoku2022/
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– Road Trip เที่ยวญี่ปุ่นแบบสวยๆ ไม่เร่งรีบ กินดีนอนหรู ที่โทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด Ep.2
– Road Trip เที่ยวญี่ปุ่นแบบสวยๆ ไม่เร่งรีบ กินดีนอนหรู ที่โทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด Ep.1
– โทโฮขุ (Tohoku) อีสานแห่งญี่ปุ่น
– เที่ยว 3 เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แห่งภูมิภาค Tohoku ตอนใต้
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน สัมผัสมนต์เสน่ห์ฤดูหนาว
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน
#Road Trip เที่ยวญี่ปุ่นแบบสวย ๆ ไม่เร่งรีบ กินดีนอนหรู ที่โทโฮคุตอนใต้ 3 จังหวัด Ep.3 #South Tohoku