สำหรับรีวิวครั้งนี้ จะพาทุกๆ ท่านไปออกเที่ยวเกาะคิวชูกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราจะไปเที่ยวทางตอนใต้ของคิวชูกัน ซึ่งจะเริ่มต้นกันด้วยจังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) ตามมาเลย…
คนที่ชื่นชอบการเดินทาง และท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นหลายคนคงเคยรู้สึกว่า ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย เป็นที่ที่ไปกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ ผู้เขียนก็รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ โดยเฉพาะเกาะคิวชูเนี่ย เที่ยวกี่ทีก็ไม่มีเบื่อเลย แต่ละจังหวัด แต่ละเมืองมีอะไรให้เที่ยวเยอะไปหมด ทั้งของกิน ที่พักต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ให้น่าหลงใหลมากๆ ค่ะ
สำหรับรีวิวครั้งนี้ ทีมงาน marumura ก็จะอาสาพาทุกๆ ท่านไปออกเที่ยวเกาะคิวชูกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราจะไปเที่ยวทางตอนใต้ของคิวชูกันซึ่งจะมี จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) และจังหวัดคะโงะชิมะ (Kagoshima)
ถ้าพร้อมแล้วเตรียมออกเที่ยวกับพวกเรากันเลยค่ะ….
การเดินทางของเราในทริปนี้ จะเน้นการใช้รถยนต์เป็นหลัก และมีเครื่องบินภายในประเทศเป็นบางจุดเพื่อความสะดวกสบาย และประหยัดเวลา หากท่านใดที่อยากเที่ยวแบบชิวๆ แบบเรา สามารถลองแพลนนี้แล้วเที่ยวตามได้เลยนะคะ
Day 1 ออกเดินทางจากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) ตอนเช้า นั่งดูคลิปสนุกๆในมือถือถ่ายรูปก้อนเมฆชิวๆ ไม่ถึง 2ชั่วโมง ก็มาถึง สนามบินคุมาโมโตะ (Aso Kumamoto Airport) จากนั้นก็ขึ้นรถเช่าที่ได้ติดต่อจองไว้ แล้วออกเดินทางกันเลยค่ะ
สำหรับใครที่อยากขับรถเที่ยวเอง เราขอบอกว่า แนะนำมากๆ เพราะเกาะคิวชูนี้ เป็นเกาะที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวเป็นที่สุด อยากแวะตรงไหนก็สะดวก อยากซื้อของฝากเยอะๆ ก็ไม่ต้องกลัวจะหิ้วของรุงรัง แต่เวลาจะจอดรถ ก็อย่าลืมเช็คดีๆ นะ ว่าแต่ละจุดมีกฎอะไร ห้ามจอดมั้ย เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนนะคะ
( *´艸`)
จุดชมวิวบนยอดเขาไดคันโบ (Daikanbo, 大観峰)
จุดท่องเที่ยวแห่งแรกของทริป จุดชมวิวบนยอดเขาไดคันโบ (Daikanbo, 大観峰) เมืองอะโสะ (Aso) จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto)
ขอย้ำอีกครั้งเลยว่าใครที่ชอบเที่ยวแบบชิวๆ แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ควรมาที่คิวชู โดยเฉพาะ เมืองอะโสะนี้
ทุ่งหญ้าเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา มีแต่จุดชวนให้แวะจอดถ่ายรูป ถนนจะเป็นทางขึ้นเขา แต่ก็ขับง่ายมากๆ รถไม่เยอะด้วยค่ะ
อะโสะ เป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น วันที่เราไป ยังมีควันฟุ้งๆ อยู่เลย จุดนี้เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟอาโสะ เมืองอาโสะและทิวทัศน์รอบๆ ได้อย่างชัดเจน ถ้าอยากจะชมวิวสวยๆ มุมสูงของอะโสะ มาแวะที่นี่เลยค่ะ
จากจุดจอดรถถึงยอดเขาแค่ประมาณ 400 เมตร มีร้านขายของฝากและซอฟท์ครีมอร่อยๆให้ลิ้มลองด้วยแหละ แอบกระซิบว่า หวานหอม และนัวววว สุดๆ ถ้ามาแล้วต่องลองชิมนะคะ
กิจกรรมอื่นก็มีให้ลองเช่น ร่มร่อน หรือ พาราไกลดิ้ง (Paragliding) เป็นอีกจุดที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาเที่ยวอาโสะค่ะ
Daikanbo
การเดินทาง: จากทางด่วน Kumamoto IC ขับรถประมาณ 90 นาที ขึ้นรถบัสจากสถานี JR Aso ลงที่ป้าย Daikanbo Iriguchi จากนั้นเดินประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์: http://www.asodaikanbou.com/
พิกัด: https://goo.gl/maps/QJsuWwv9C4TGTcUP9
ขี่ม้า ท่ามกลางวิวทุ่งหญ้า สุดลูกหูลูกตาที่ ฟาร์ม EL PATIO RANCH
ที่นี่เป็นโรงแรมที่พักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางในทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในเขตรอบวงของภูเขาอะโสะ
ส่วนของห้องพักและสถานที่ต่างๆ ได้รับการออกแบบตกแต่งในสไตล์ชนพื้นเมืองอเมริกันและคาวบอย
นอกจากนี้ยังมีโซนคอกม้า ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปและแขกผู้เข้าพักสามารถมาสัมผัสกับประสบการณ์-ทดลองขี่ม้าภายในทุ่งกว้าง
สำหรับผู้ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน ที่นี่เค้าก็มีคอร์สเริ่มต้นโดยมีไกด์คอยประกบสอนให้ด้วย
คอร์สขี่ม้าพื้นฐาน (Indian Course) ระยะเวลาที่ใช้ 20 นาที ระยะทางประมาณ 1 กม. ค่าใช้จ่าย 4,000 เยนค่ะ
อันนี้จริงๆ มีอีกหลายคอร์สให้เลือกนะคะส่วนข้อจำกัดอื่นๆ เช่น เด็กขี่ได้มั้ย ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ก็คือ ถ้าเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป และสูง 120 ซม. ขึ้นไป
ส่วนผู้ใหญ่ ชายน้ำหนักไม่เกิน 80 กก. หญิง น้ำหนักไม่เกิน 70 กก. นะคะ นอกจากนี้ยังมีชุดและรองเท้าแบบคาวบอยให้เช่าด้วย ใครอยากจัดเต็มเก็บภาพสวยๆ จัดเลยค่ะ
ขี่ม้าแล้วเหนื่อย หรือหิวก็ไม่ต้องกังวลนะคะ มีโซนร้านอาหาร ที่มีเมนูหลากหลายให้ได้ไปพักผ่อน ลิ้มลองกัน
เครื่องดื่มก็มีเยอะ และยังมีโซนบาบีคิวให้ย่างเนื้อกินกันแบบจุใจด้วยค่ะ
EL PATIO RANCH
ที่อยู่: 2305-1 Ichinomiyamachi Sanno, Aso City Kumamoto
การเดินทาง: จากสถานี Kumamoto ขึ้นรถไฟสาย JR Hohi Line ลงที่สถานี Miyaji ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที จากเดินโดยสารรถแท็กซี่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ: กิจกรรมขี่ม้า 09.00 – 17.00 น. (เปิดรับรอบสุดท้าย 16.30 น.)
ค่าใช้จ่าย: แล้วแต่คอร์สที่เลือก 4,000 เยน (ประมาณ 20 นาที) / 5,000 เยน (ประมาณ 25 นาที) / 6,000 เยน (ประมาณ 30 นาที) / 8,000 เยน (ประมาณ 40 นาที) และคอร์สอื่น ๆ
เว็บไซต์: http://epr-r.com/
https://ps-q.jp/en/activity/1484/
Takenokura Sanso 竹の倉山荘 โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ในเมืองอะโสะ
ย่านอาโสะ ถือได้ว่าเป็นอีกแห่งที่มีแหล่งออนเซ็นดีๆ ผุดออกมามากมาย และยังมีที่พักหลากหลายที่ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สำคัญราคาน่ารัก น่าคบหามากๆ ค่ะ
ค่ำคืนนี้เราเลือกพักกันที่ Takenokura Sanso 竹の倉山荘 ที่พักสไตล์ญี่ปุ่น ในเมืองอะโสะ ตอนใต้ ในจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto)
วิวจากห้อง มองเห็นเทือกเขาอยู่ไกลๆ ตอนกลางคืนเห็นดาวชัดมาก
ที่พักแห่งนี้มีความเป็นส่วนตัวต่อผู้เข้าพักค่อนข้างสูงมากๆ ห้องพักทุกห้องจะเป็นแบบกึ่งวิลล่า
มีออนเซ็นส่วนตัวในห้องด้วยนะ
นอนแช่น้ำอุ่นๆ ชมดาวตอนกลางคืนนี่ขอบอกว่าฟินสุดๆ เลยแหละค่ะ แน่นอน ห้องอาบออนเซ็นแบบ Public baths แยกหญิง-ชาย ที่มีทั้งบ่อด้านในที่กว้างขวางและบ่อกลางแจ้ง ที่เห็นวิวแสนสวยก็มีให้เช่นกัน
บ่อออนเซ็นส่วนตัวในห้องพักตอนกลางวัน
บ่อออนเซ็นส่วนตัวในห้องพักตอนกลางคืน
อาหารเย็นของเราในวันนี้เป็นคอร์ส เนื้อย่างไคเซกิ หลากหลายเมนูจนเลือกไม่ถูกว่าจะชิมจานไหนก่อนดี แต่ละจานมีแต่ของดี ของขึ้นชื่อคุมาโมโตะทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นไก่แดง (赤鶏) เอาไปรมควันเบาๆ มีความหอมควันหน่อยๆ และเนื้อด้านในยังฉ่ำๆ เนื้อม้าซาชิมิ อาหารพื้นบ้านคู่เมืองคุมาโมโตะ
และไฮไลท์ของมื้อนี้จะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก เนื้อวัว “อะกะอุชิ” 赤牛 ของดีจังหวัดคุมาโมโตะ ย่างบน หินร้อน ส่งเสียงซู่ๆๆ และกลิ่นหอมไปทั้งห้องอาหาร
เนื้อของ อะกะอุชิ เป็นเนื้อวัวที่ขึ้นชื่อในความอร่อยเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกสายพันธุ์ เนื่องจากพี่ๆ วัวทั้งหลาย เค้ามีหญ้าที่อุดมสมบูรณ์แสนอร่อยของเทือกเขาอะโสะ และที่สำคัญพี่ๆ วัวเค้าถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้เดินไปทั่วทุ่ง และจะเดินขึ้นเขาเป็นประจำ จนหล่อล่ำบึ๊ก ไขมันน้อย ว่ากันว่าดีต่อสุขภาพ(ผู้กิน) มากๆ เลยค่ะ
หากใครมาที่คุมาโมโตะแล้ว อย่าลืมที่จะลองชิมกันดูนะคะ
Takenokura Sanso 竹の倉山荘
เว็บไซต์: http://www.takenokura.co.jp/
พิกัด: https://goo.gl/maps/j1RjPVmivUudStYJ9
บ่อน้ำผุด “ชิราคาวาซุยเก็ง” (Shirakawa Suigen)
ดื่มด่ำกับที่พักสวยๆ ออนเซ็นดีๆ กันแล้ว เช้านี้เราไปดูบ่อน้ำใสกิ๊กกก สะอาดสดชื่น รสละมุนลิ้น ของจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) กันค่ะ
คุมาโมโตะ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งไฟ และเมืองแห่งแหล่งน้ำ ในจังหวัดมีแหล่งน้ำชื่อดังอยู่หลายแห่ง
จุดที่เราไปกันครั้งนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในร้อยแหล่งน้ำขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพน้ำที่ดีและใสสะอาด มีรสชาติความนุ่มละมุนลิ้น
แหล่งน้ำแห่งนี้มีน้ำไหลเวียนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินกว่า 60 ตันในทุกนาที อุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยคงที่อยู่ที่ 14 องศาตลอดทั้งปี
บ่อน้ำผุดชิราคาวาซุยเก็ง ในแต่ละวันจะมีผู้คนหลั่งไหลมาเยือนความสวยงามของธารแหล่งน้ำ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เราสามารถตักน้ำกลับไปใช้ดื่มได้ฟรีด้วยค่ะ ถ้าใครไม่ได้เตรียมขวดมาสามารถซื้อได้จากจุดบริการที่อยู่ข้างๆ บ่อน้ำได้เลย
จากที่ได้ฟังมา คนญี่ปุ่นที่อาศัยในระแวกใกล้เคียงเค้าเอาถังน้ำมาตักไปไว้ใช้ดื่ม ใช้หุงต้มทำอาหารในบ้านกันเลยค่ะ…
ใกล้ๆ กับจุดน้ำผุด มีศาลเจ้าด้วยนะคะ ชื่อว่า ศาลเจ้าชิราคาวะโยชิมิ (Shirakawayoshimi Shrine) ใกล้ๆ ศาลเจ้ามีสะพานสีแดงพาดระหว่างธารน้ำ บรรยากาศสดชื่น ร่มรื่นมากๆ เลยค่ะ
ในบริเวณใกล้ๆ มีคาเฟ่น่านั่งอยู่หลายจุด (แต่ละร้านวันทำการแตกต่างกัน)
น้ำจากบ่อนี้ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มละมุนจึงเหมาะแก่การนำมาชงชา เครื่องดื่มต่างๆ เป็นอย่างมาก ร้านที่เราแวะอยู่ตรงทางเข้าเลยค่ะ ใช้น้ำจากบ่อนี้มาชงกาแฟเช่นกัน นอกจากนี้น้ำที่นี่ยังถูกใช้ในการทำน้ำดื่มและทำสาเกเป็นอุตสาหกรรมภายในพื้นที่อีกด้วยนะคะ
Shirakawa Suigen
ค่าเข้า : 100 เยน (เพื่อกองทุนความร่วมมืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม)
เวลาทำการ : 08.00 น. – 17.00 น. ไม่มีวันหยุด
การเดินทาง : จาก Minami-Asoshirakawasuigen Station เดิน 8 นาที
เว็บไซต์: http://www.vill.minamiaso.lg.jp/map/shirakawasuigen.html
ทะลุมิติไปเสริมพลังชีวิต เติมพลังความแข็งแกร่ง ที่ศาลเจ้าคามิ-ชิคิมิ-คุมาโนะ-อิมาสุ
(Kami-shikimi Kumano-imasu-Jinja 上色見熊野座神社)
อีกจุดท่องเที่ยวห้ามพลาดอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำผุดที่เราไปเมื่อครู่นี้ จะมี Power Spot อีกแห่งที่ผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและจากต่างประเทศหลั่งไหลมากัน
ศาลเจ้าคามิ-ชิคิมิ-คุมาโนะ-อิมาสุ ( Kami-shikimi Kumano-imasu-Jinja 上色見熊野座神社)
จุดรับพลังความศักดิ์สิทธิ์ power spot in Takamori Town ที่ควรมาให้ได้!!
ศาลเจ้าแห่งนี้กำลังเป็นกระแสฮือฮาทางโลกออนไลน์ในญี่ปุ่นมาซักพักใหญ่ๆ ว่าเป็น Power Spot ที่มีมนต์เสน่ห์เหมือนกับทะลุไปอีกมิติหนึ่ง เเละเราก็อยากมานานแล้ว ครั้งนี้ได้มาสมใจซะที ทางเดินเรียงรายไปด้วยต้นสนซีดาร์สูงใหญ่มีมอสสีเขียวปกคลุมตามบันไดหิน และโคมไฟตลอดแนว ดูสวยงามลึกลับน่าพิศวง
ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ลงตัว ที่นี่จึงเป็นจุด Photogenic ที่บรรดาช่างภาพทั้งชาวญี่ปุ่นและะทั่วโลกแวะเวียนมากันไม่ขาดสายเลยค่ะ…
ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ จุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ที่อุโมงค์ลมขนาดใหญ่ “อุเกะโทอิวะ” (Ugetoiwa 穿戸岩 ) อุโมงค์ลมขนาดใหญ่ ขนาด 10 เมตร มีตำนานเล่าขานกันมาว่าอุโมงค์แห่งนี้เกิดขึ้นจาก คิฮะจิ โบชิ (Kihachi Boshi) ผู้ติดตามของเทพเจ้า ทะเคอิวาตะทสึโนะมิโกโตะ (Takeiwatatsu no Mikoto) ที่ได้ตั้งจิตแน่วแน่ทำลายสันภูเขาขนาดใหญ่ จนกลายเป็นช่องอุโมงค์ลม ราวกับจะสื่อถึง “ความสำเร็จ” และ “ชัยชนะ” ที่จะมอบให้ผู้ที่ไม่ยอมแพ้…
การเดินขึ้นไปด้านบน จะเป็นบันไดหิน ที่ต้องตั้งใจเดิน ราวกับว่าจะทดสอบความบุกบั่นของผู้ที่มาเยือน ไม่แปลกใจเลยว่าสถานที่นี้จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการบรรลุเป้าหมายไปโดยปริยาย….
มาถึงอุโมงค์ลมแล้ว อย่าพลาดที่จะไปไว้ขอพรและลูบตรงหินนะคะ ที่จุดนี้เค้าโด่งดังในเรื่องของการขอพรให้ทำมาค้าขายรุ่งเรือง มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา
ภัตตาคารอาหารพื้นบ้าน ทาคาโมริ เดนระกุ 郷土料理 高森田楽の里
ก่อนเดินทางสู่จังหวัดต่อไป เราแวะรับประทานอาหารกลางวันแสนพิเศษ ร้านดังในย่านนี้กันที่ ภัตตาคารอาหารพื้นบ้าน ทาคาโมริ เดนระกุ 郷土料理 高森田楽の里
ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจาก ศาลเจ้าคามิ-ชิคิมิ-คุมาโนะ-อิมาสุ ค่ะ ขับรถมาน่าจะแค่ 10 นาทีเอง ตัวอาคาร เป็นบ้านที่มีอายุกว่า 200 ปี แต่ดุแลรักษาดีมาก ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น มีมุมสวนญี่ปุ่นสวยๆ จัดไว้นั่งชิวๆ ชมธรรมชาติ
ทันทีที่ก้าวเข้ามา โอ้โห…… รับรู้ได้ถึงความโด่งดัง เป็นที่นิยมจริงๆ ค่ะ ในร้าน มีรูปคนดัง ของประเทศญี่ปุ่น วางโชว์เต็มแทบจะทุกมุมของอาคาร
ที่ตื่นเต้นที่สุดก็น่าจะเป็น รูปของเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากาชิโนะโนะมิยะ หรือที่รู้จักกันในพระนามว่า “เจ้าชายอากิชิโนะ” พระราชอนุชาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และยังมี เชื้อพระวงศ์อีกหลายท่าน ที่เคยเสด็จฯเยือนภัตตาคารนี้เช่นกัน … และแน่นอนค่ะ มีเหล่าคนดังจากประเทศไทยก็เคยมาเยือนเช่นกันใครได้ไปแล้วลองเดินชมรูปดูนะคะ
มาดูในส่วนของเมนูกันค่ะ อาหารหลักขึ้นชื่อของที่นี่จะเป็น อาหารประเภทย่าง ในเตาอิโรริ ที่มีชื่อว่า “เดนระกุ” 田楽 เป็นอาหารพื้นบ้านอีกอย่างของจังหวัดคุมาโมโตะ
เมนูมีให้เลือกหลายอย่าง หลายเซ็ตค่ะ ตั้งแต่เซ็ตเนื้อไก่บ้านย่างไฟถ่านหอมๆ มีเครื่องเคียงหลากหลาย (炭火鶏焼定食) เซ็ตเนื้อวัวแดง อะคะกิว (あか牛の耕焼定食)
ครั้งนี้เราเน้นอยากลองกิน เดนระคุ เน้นๆ จึงเลือกเป็นเซ็ตที่มีชื่อว่า เดนระกุ เทโชะกุ (田楽定食)
ในเซ็ตประกอบด้วย เต้าหู้เสียบไม้ ปลายามาเมะ ผักต่างๆ ตามฤดูกาล ที่จะมีเผือกเป็นตัวชูโรง วัตถุดิบต่างๆ แน่นอนว่าใช้ของในพื้นที่เป็นหลัก นำไปย่างไฟถ่านอ่อนๆ แล้วทาด้วยซอสมิโซะสูตรลับเฉพาะของทางร้านแล้วย่างอีกครั้งให้ได้กลิ่นหอมกรุ่น เป็นอันพร้อมรับประทานค่ะ… (ปลาไม่ทามิโซะนะคะ เพราะโรยเกลือมาแล้ว) และก็จะมีปลาน้ำจืดซาชิมิจัดมาอย่างสวยงามอีก 1 จาน
อีกจานที่ร้องอ้อนขอเติมกับทางร้านกันแทบทุกคนคือนี่เลยค่ะ นามาอะเงะ (生揚げ) เต้าหู้อ่อนทอด แสนอร่อย ที่ทอดมาใหม่ๆ พร้อมขิงฝน เอามาราดด้วยโชยุรสออกหวานนำ ที่เป็นเอกลักษณ์ของทางคิวชูซักนิด เติมขิงฝนหน่อยๆ อรา……… สวรรค์อยู่ในปากของเราดีๆ นี่เองค่ะคุณขา……
ปิดท้ายเบาๆ (เบาจริงเหรอ… ) ด้วยข้าวสวยหุงใหม่ๆ หอมกรุ่นโรยด้วยคิบิ ผักดองและ “ซุบดาโหงะ” (だご汁) ซุบดาโหงะ เป็นอีกอาหารพื้นบ้านของแถบนี้ มีส่วนผสมคือผักต่างๆ ตามฤดูกาลและเส้นอุด้งที่นวดแป้งออกมาคล้ายๆ ลูก “ดังโหงะ “ แบนๆ อย่าอ่านชื่อผิดนะคะ ออกเสียงคล้ายๆ กัน แต่คนละแบบนะ ^^ ตัวน้ำซุปจะเป็นรสโชยุและน้ำสต๊อกไก่ ให้รสชาติกลมกล่อม โรยพริกป่น กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ โล่งคอมากๆ เลยค่ะ …
ถ้าใครมากินแล้วติดใจ ทางร้านมีมิโซะ สูตรลับเฉพาะแบ่งขายให้ด้วยนะคะ ผู้เขียนก็เอากลับมาไว้กินที่บ้านเช่นกัน 2 กระปุกค่ะ55 เรามีรถซะอย่าง จะซื้อของฝากเยอะแค่ไหนก็ได้ไง….
Dengaku
พิกัดร้าน: https://goo.gl/maps/zZniVkkBTTEEWYM2A
เว็บไซต์: https://www.dengakunosato.com/index.html
เมนูอาหาร: https://www.dengakunosato.com/teisyoku.html
อิ่มอร่อยกันจนพุงโตไปตามๆ กัน ได้เวลาออกเที่ยวต่อแล้วค่ะ จุดมุ่งหมายต่อไป เราจะไปเที่ยวกันต่อที่จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki)
อย่าพลาดติดตามกันนะคะ ^^
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– South Kyushu Road Trip: ขับรถเที่ยวเกาะคิวชูตอนใต้ 5 คืน 6 วัน Ep.3
– South Kyushu Road Trip: ขับรถเที่ยวเกาะคิวชูตอนใต้ 5 คืน 6 วัน Ep.2
– ทริปขับรถเที่ยวเกาะคิวชู 4 จังหวัด Ep.4 จังหวัดโออิตะ (Oita)
– ทริปขับรถเที่ยวเกาะคิวชู 4 จังหวัด Ep.3 จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto)
– ทริปขับรถเที่ยวเกาะคิวชู 4 จังหวัด Ep.2 จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki)
– ทริปขับรถเที่ยวเกาะคิวชู 4 จังหวัด Ep.1 จังหวัดซากะ (Saga)
#South Kyushu Road Trip: ขับรถเที่ยวเกาะคิวชูตอนใต้ 5 คืน 6 วัน Ep.1 #Kumamoto #South Kyushu #เที่ยวคิวชูตอนใต้