ปีนฟูจิ…ประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ถูกขู่ว่าน่าจะเหนื่อยสุดๆ ซึ่งจะต้องเผชิญเป็นเวลาถึง 2 วัน นั่นก็คือ การปีนสู่ยอดเขาฟูจิ ในช่วงฤดูร้อน (^^)”
สนับสนุนโดย :
มาดูกันต่อจากคราวที่แล้ว… หลังจากประกาศแยกทางอย่างเป็นทางการกับทีมงานที่มาถ่ายทำรายการทีวีที่โตเกียวตั้งแต่วันที่ 26 – 30 กรกฎาคม 2012 รวม 5 วันเต็ม ช่วงเวลาที่…แอบรู้สึกเหนื่อยทั้งใจและกายเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องพยายามเดินทางและทำงานแต่ละจุดให้เร็ว เพื่อเร่งรัดเวลาให้ทันตามตารางในแต่ละวัน
แต่… ก็สนุกกับประสบการณ์ใหม่ๆ และการได้เจอกับผู้คนมากหน้าหลายตาในต่างแดนก็ยังเป็นเสน่ห์ของการเดินทางอยู่ดี สนุกมากและเป็นกำลังใจที่ดีทำให้ไม่รู้สึกท้อกับ อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ถูกขู่ว่าน่าจะเหนื่อยสุดๆ อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งกำลังจะได้เจอในอีก 2 วันข้างหน้า นั่นก็คือ การปีนสู่ยอดเขาฟูจิ ในช่วงฤดูร้อน

โชคดีมากๆ ที่หลังชั่วโมงเร่งรีบ ตลอด 5 วันที่ผ่านมานั้น มีจังหวะให้เราได้พักรบ ปรับสภาพจิตใจเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน ก่อนการปีนฟูจิ
วันที่ 31 กรกฎาคม 2013 ขณะที่ทีมงานถ่ายทำรายการทีวีเตรียมจะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม Shinjuku Prince ไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับบ้าน …เราก็หอบสัมภาระเท่าที่จำเป็น (ที่เหลือฝากไว้ที่โรงแรมก่อน) แล้วก็ออกเดินทางโดยรถบัสจากสถานีชินจูกุ มุ่งหน้าสู่จังหวัดยามานาชิ ตั้งแต่ราวๆ 08.30 น. ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางถึง 2 ชั่วโมงจึงจะถึงสถานีรถโดยสารคาวากูชิ หรือ Kawaguchiko Eki

หลังจากนั่งก้มหน้าก้มตา จิ้มมือถือ ทำงานๆๆๆๆ ผ่าน Pocket WiFi อยู่สักแป๊บ ก็ได้ยินภาษาไทยดังมาจากสองคนที่นั่งเบาะด้านหน้า อู้… ภาษาไทย ไม่เหงาละ 5555 ก็ฟังเพลินๆ ไป ไม่ได้ทักทายอะไร เพราะไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขา

ก่อนถึงสถานีคาวากูชิ รถบัสต้องแวะไปส่งผู้โดยสารที่ Highland Bus Station (Fuji Q Highland) ก่อน …แล้วคนไทยสองคนที่นั่งเบาะหน้าเราก็ลงที่นี่น่ะเอง ส่วนเราก็ใช้เวลาเดินทางต่อจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ก็มาถึงที่หมาย

ณ จุดนี้ เรามาพบกับเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi Prefectural Government) ผู้ที่จะคอยให้คำปรึกษากับเรา เพื่อทำให้ทริปการปีนฟูจิ ประสบความสำเร็จได้นั่นเอง แหะ แหะ …
ถึงจะศึกษาข้อมูลการปีนฟูจิมาบ้าง เตรียมใจ เตรียมกาย มาพร้อมแค่ไหน แต่ถ้าได้เจ้าบ้านมาคอยดูแลด้วย งานนี้ก็น่าจะมีชัยไปกว่าครึ่งล่ะน่า..ว่ามั้ย? (^^)
เรียนตรงๆ ว่าคุณ Ishida และทีมงานเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดยามานาชิ ให้การดูแลดีมากกกกกก แล้วก็เพราะทีมงานคุณภาพเหล่านี้นี่แหล่ะ ที่ทำให้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิกลับมาพอสมควรเลยทีเดียว ขอบคุณค่าาาาา
คุณ Ishida และคุณเทียน นักศึกษาฝึกงานจากจีนที่มาฝึกงานกับการท่องเที่ยวจังหวัดยามานาชิ ก็จัดแจงพาเราไปกินมื้อเที่ยงที่ร้าน Nanakusa ในเมืองคาวากูชิโกะนี่แหล่ะ
ร้านอาหารญี่ปุ้น ญี่ปุ่น บรรยากาศดีมากๆ นั่งบนพื้นเสื่อ และพอเห็นอาหารก็…ใช่เลย! เป็นเซ็ตญี่ปุ่นแบบบ้านๆ และปรุงมาแบบดั้งเดิมสุดๆ เมนูแบบนี้แหล่ะ ที่ถือว่าของดี ของไฮไลท์ รู้สึกได้เลยว่าเป็นอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ กินแล้วรู้สึกว่าได้เข้าไปนั่งกินข้าวบ้านญาติที่เป็นชาวญี่ปุ่น ได้อารมณ์รสมือแม่ ซึ่งก็เป็นแม่ทำอาหารเก่งมากกกกก
กินแล้วเคลิ้มจริงๆ นั่นแหล่ะ โดยเฉพาะมะเขือม่วงนะ หอม อร่อย สวรรค์อยู่ในปากชัดๆ ความเหนื่อยยากที่ผ่านมาตลอดทั้งสัปดาห์หายไปในบัดดลเลยทีเดียว
บอกกับตัวเองว่า… ทริปนี้ได้สัมผัสญี่ปุ่นอย่างแท้จริงแล้ว มาไม่เสียเที่ยวแล้ว ให้กลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนั้นก็ไม่เสียใจเลย (แต่…อย่าดีกว่านะ ฮะ ฮะ)



เพื่อนๆ ที่อยากลองไปชิม ก็เข้าไปดูข้อมูลของร้าน Nanakusa ได้ที่ http://www5.ocn.ne.jp/~nanakusa/ (ภาษาญี่ปุ่นเด้อค่ะ)
กินอิ่ม จนจุก พุงขยายแบบสุดๆ ไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน แต่คุณ Ishida ก็ชวนให้ไปนั่งรถเล่นย่อยอาหาร ชมวิวทะเลสาบคาวากูชิกับทะเลสาบไซโกะ
โอ้ว! ข้าน้อยเคยไปทะเลสาบไซโกะที่ไหนกันล่ะ ว่ากันว่าไซโกะก็เป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบเชิงฟูจิ (Fuji Five Lakes) ที่สวยมากๆ แห่งหนึ่งเลยนะ
ปฏิเสธเหรอ? ไม่มีซะละ Let’s Go!
ปกติเวลาเรานั่งรถบัส (มากับทัวร์) ข้ามสะพานที่ทะเลสาบคาวากูชิไป.. เราก็มักจะเลี้ยวไปทางขวาของทะเลสาบ เพื่อเข้าพักที่โรงแรมหรือเรียวกังในบริเวณนั้น
แต่นี่…เป็นครั้งแรกที่เราได้อ้อมมาทางฝั่งซ้ายของทะเลสาบคาวากูชิ ทิวทัศน์แปลกตาไปจากที่เคยเห็นไม่น้อยเลยทีเดียว เห็นภูเขาไฟฟูจิเต็มๆ ในมุมที่ไม่เคยเห็นซะด้วย
โห…นี่ทะเลสาบเดียวกันกับที่เราเคยมานับสิบครั้งจริงๆ เหรอเนี่ย แค่เลี้ยวมาคนละด้านเองนะ




และที่นี่มี Oishi Park ซึ่งในบริเวณนี้มีทั้งสวนดอกไม้สารพัดชนิด สวนบูลเบอร์รี่ และทุ่งลาเวนเดอร์เล็กๆ จะได้เห็นต้นอะไร ดอกอะไรก็สุดแล้วแต่ช่วงที่เรามาเที่ยว
คุณ Ishida ไกด์จำเป็นของเราแนะนำให้ลองชิมซอฟครีมดู ของที่นี่เค้ารสชาติดี แล้วก็แก้ร้อนได้มาก (อากาศร้อน แดดแรงได้ใจมากๆ) เสียดายที่ซอฟครีมรสลาเวนเดอร์ที่ขึ้นชื่อหมดฤดูกาลผลิตไปละ เลยได้รสบูลเบอร์รี่มาแทน…
เฮ้ย! แต่ก็ไม่ใช่แค่ตัวแทนนะเนี่ย อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ฟินได้อีก.. ช่างรู้สึกแตกต่างกับชีวิตในกรุงโตเกียวในสัปดาห์ที่ผ่านมาเสียนี่กระไร สุโก้ยๆๆๆๆ


ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสไปทะเลสาบคาวากูชิ ช่วงที่มีผลไม้ ดอกไม้เจ๋งๆ ออก ก็ลองแวะไปที่นี่ดูนะจ้ะ Oishi Park
http://fkchannel.jp/seikatsukan/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.fujisan.ne.jp/spot/info_e.php?ca_id=2&if_id=198 (ภาษาอังกฤษ)
ยังจ้ะ.. ยัง.. บ่ายวันนี้เรายังมีเวลา ขับรถเลยต่อไปยังทะเลสาบไซโกะ ชอบถนนเลียบทะเลสาบมากๆ มันคดเคี้ยวเล็กน้อย ลัดเลาะไปริมทะเลสาบ ด้านนึงเป็นทะเลสาบ อีกด้านเป็นภูเขา สองข้างทางก็มีต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นสลับกันไปตลอดทาง ดูเป็นธรรมชาติมากๆ
แล้วก็ยังได้เห็นวิวฟูจิในอีกมุมนึงที่ก็ดูแปลกไปจากที่เคยเห็นจริงๆ น่าสนใจมากๆ
อันนี้แหล่ะที่เรียกว่า ขับรถ กินลม ชมวิว…ได้ชมทั้งป่าไม้ ทะเลสาบ และภูเขาไฟ (ฟูจิ) เลย เป็นปลื้ม น้ำตาจะไหล ฮะ ฮะ
เอาหล่ะ จุดมุ่งหมายอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาทะเลสาบไซโกะ นี่ก็คือ Saiko Iyashino-Sato Nenba หรือ Healing Village เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ลาดเชิงภูเขา ล้อมรอบไปด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ และผืนป่าใหญ่ Aokigahara หรือป่าแห่งความตาย (คนญี่ปุ่นนิยมมาฆ่าตัวตายกันที่ป่าแห่งนี้)
บ้านที่เขาอนุรักษ์ไว้แต่ละหลังนี่ก็เป็นร้านค้าของชาวบ้านทั้งนั้น มีของฝาก ของที่ระลึก ของกินหลายอย่างที่น่าสนใจทีเดียว แต่ที่เห็นนักท่องเที่ยวนิยมกันเป็นพิเศษก็คือบ้านที่ให้บริการเช่าชุดแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ยูกาตะ กิโมโน กระทั่งชุดซามูไร ซึ่งพอแต่งตัวแปลงร่างกันเสร็จปุ๊บ ก็ไปถ่ายภาพที่มีฉากหลังเป็นวิวฟูจิ หรือไม่ก็เดินถ่ายภาพกันในหมู่บ้านเนี่ยแหล่ะ
นึกถึงบรรยากาศถ่ายภาพคู่แต่งงานขึ้นมาตะหงิดๆ เลย









ญี่ปุ่นเขาช่างดัดแปลงสถานที่ต่างๆ ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวได้อย่างน่าสนใจเลยนะ ใครสนใจอยากไปเที่ยวที่ Saiko Iyashino-Sato Nenba กันบ้าง ลองเข้าไปดูข้อมูลเอาไว้ก่อนได้
http://www.fujisan.ne.jp/iyashi/ (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.fujisan.ne.jp/history/info_e.php?ca_id=2&if_id=545 (ภาษาอังกฤษ)
โอ๊ะ! แล้วเราก็เถลไถลไปถึงทะเลสาบยามานากะ ซึ่งก็เป็นหนึ่งใน Fuji Five Lake ด้วย ไปเที่ยวสวนดอกไม้ Yamanakako Hananomiyako Kouen กันต่อ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเนอะ
แต่.. น่าเสียดายช่วงที่เราไปเขาปิดตั้งแต่ 16.30 น. เสียดายจัง… แต่ไม่เป็นไร ไปรอดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมทะเลสาบยามานากะกันเลยดีกว่า อิ อิ ทิวทัศน์แบบนี้เห็นแล้ว… ได้แต่ร้อง เฮ้อออออออ อิจฉาคนแถวนี้จัง มีสถานที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ ให้ชิลกัน ชีวิตน่า..มีความสุขจริงๆ
บรรยากาศยามพระอาทิตย์อัสดง (เล่นศัพท์สูงซะเลย ดูเหมาะดี อิ อิ) ที่นี่ดูสงบ เยือกเย็น และขลังดีจังเลยอ่ะ



สำหรับสวนดอกไม้ Yamanakako Hananomiyako Kouen ก็ไปเที่ยวกันได้ทั้งปีนะ เช็คเวลาเปิดปิดกันไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่พลาดเหมือนเราเน้ออออออ http://www.hananomiyakokouen.jp/(ภาษาญี่ปุ่น)


ขากลับ..ก็แอบ Request ขอแวะไปที่ Fuji Sengen Shrine แป๊บนึง
เขาว่าเป็นศาลเจ้าประจำภูเขาไฟฟูจิ เวลาจะเปิดฟูจิให้ปีน ก็ต้องมาทำพิธีกันที่นี่ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักปีนฟูจิเลยก็ว่าได้ จึง… ขอแวะมาขอพรกันติ๊ดนึง
ที่นี่..ใหญ่เว่อร์อ่ะ ^^





จากนั้นคุณ Ishida ก็ไปส่งเราถึงที่ โรงแรม Yukemuri Fuji no Yado Ooike ที่พักของเราที่แถบทะเลสาบคาวากูชิ (เราเรียกสั้นๆ ว่าโรงแรม Ooike) ไปถึงค่ำมาก จนเกือบอดกินข้าวเย็น ฮะ ฮะ
ก็โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นมักจะบริการอาหารค่ำเร็วนะสิ ขอบอกว่า.. มื้อค่ำนี้ สวย อร่อย และอิ่มมากจนจุกถึงคอหอยเลยทีเดียว แต่..ขออุบไว้ก่อน แล้วสัปดาห์หน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อละกันนะ
ตะลอนเที่ยวมาทั้งวัน ทั้งสนุกและเพลิดเพลินมาก ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย… รู้สึกสงบ.. สุข ขึ้นมาเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกว่าการปีนฟูจิในวันรุ่งขึ้นจะน่ากลัวอีกต่อไป ผ่อนคลายแบบสุดๆ กันเลยทีเดียว
แล้วพบกันใหม่ สัปดาห์หน้า.. สวัสดีค่ะ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– ปั่นจักรยานเที่ยวเมืองโตเกียว…ดียังไง
– INTERNET CAFE : โลกของคนไร้บ้าน
– รีวิวทริปตะลุยโตเกียวกับกองถ่ายสุดทรหด ตอนที่ 4 : เทศกาลดอกไม้ไฟสุมิดะ
– คอนบินิ (Konbini) …อีกหนึ่งศูนย์รวมของอร่อย
– รีวิวที่พักในโตเกียว Dormy Inn Premium Shibuya Jingumae
สนับสนุนโดย :