“เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 4 …ในตอนสุดท้ายของทริปเที่ยวคิวชูครั้งนี้ เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาฝากกันอีกหลายแห่ง มาติดตามกันได้เลย (^^)/
ในตอนสุดท้ายของทริปเที่ยวคิวชูครั้งนี้ เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาฝากกันอีกหลายแห่ง มาติดตามกันได้เลย (^^)/
ก่อนหน้านี้ เราไปเที่ยวกันที่จังหวัด Saga และพักกันที่เมือง Takeo ขอบอกเลยว่าเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่เยอะ อาทิ Takeo Onsen ออนเซ็นที่มีมานานราว 1,200 ปี และสวน Mifuneyama Rakuen Garden ที่ดังมากในเรื่องของซากุระและซุ้มดอกฟูจิ หรือดอกวิสทีเรียนั่นเอง (ที่ไปชม teamLab มาเมื่อตอนที่แล้วไง)
เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการไปขอพรศาลเจ้าดังประจำเมืองอย่างศาลเจ้าทาเคโอะ (TAKEO SHRINE)
ศาลเจ้าทาเคโอะ (หรือ ศาลเจ้า Goshadaimyo) มีจุดน่าสนใจคือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์ คือต้น Okusu (ต้นการบูร) อายุราว 3,000 ปี นอกจากจะเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่แล้ว ยังขึ้นเป็นคู่และมีรากเชื่อมถึงกัน มีความสูงราว 30 เมตร มีกิ่งก้านแผ่ขยายรวมราวๆ 30 เมตร และมีเส้นรอบลำต้นยาวราว 20 เมตร
เป็นต้น Okusu ที่ใหญ่โตอลังการมาก มีรากที่แข็งแรง และบริเวณโคนต้นก็มีโพรงขนาดใหญ่ กว้างถึงประมาณ 12 เสื่อ ภายในมีการประดิษฐานศาลหินเอาไว้ด้วย
จึงมีผู้คนมาขอพรจากต้น Okusu นี้ ในเรื่องต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการทำมาค้าขาย เรื่องทำธุรกิจ และเรื่องโชคลาภ แต่ที่เน้นกันเป็นพิเศษ ก็เรื่องความรักและคู่ครองนี่แหล่ะ
แล้วยังเชื่อกันอีกว่า หากนำกระดิ่งมาผูกที่เชือกศักดิ์สิทธิ์ Shimenawa ที่คล้องอยู่ระหว่างต้นไม้ทั้งสองต้น จะยิ่งมีโอกาสสมหวังในพรที่ขอ
เมื่อเข้าไปในบริเวณศาลเจ้า แล้วไปตามทางเดินชมธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งมีสีสันแตกต่างกันในทุกฤดูกาล โดยมีป่าไผ่ที่เป็นเอกลักษณ์ ก็จะเจอต้น Okusu ยักษ์คู่นี้ ขึ้นตระหง่านอยู่ ไปขอพรได้เลย (^^)/
TAKEO SHRINE
ที่ตั้ง : 5333 Takeo, Takeo-cho, Takeo-City, Saga
เปิดทำการ : 09.00 – 17.00 น. (ยกเว้นวันที่ 31 ธ.ค. เปิดถึงเที่ยงคืน ส่วนวันที่ 1 – 3 ม.ค. จะเปิดดึกกว่าปกติ แล้วแต่วัน)
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่จากสถานี JR Takao Onsen ได้ ประมาณ 5 นาที
จากนั้น เราก็แวะไปชมวิว และหาของกินอร่อยๆ กันต่อที่ร้าน London Bus Cafe ร้านดังประจำเมือง Itoshima ของจังหวัด Fukuoka
จากจังหวัด Saga ก่อนที่เราจะเข้าตัวจังหวัด Fukuoka เราจะผ่านเมือง Itoshima ที่นี่โดดเด่นเรื่องเส้นทางเลียบทะเล ที่เรียกว่า “Sunset Road” ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีเสน่ห์ และร้าน London Bus Café ก็ตั้งอยู่ในบริเวณนี้นี่แหล่ะ นอกจากที่ตั้งจะดูดีแล้ว ร้านก็มีความเก๋ไก๋
London Bus Café เป็นรถบัสสองชั้นสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่วิ่งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมนูหลักของทางร้านก็จะเป็นพวกเจลาโต้ (ไอศกรีมที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเกร็ดน้ำแข็งละเอียดๆ) โดยใช้นมสดๆ คุณภาพสูงของเกาะคิวชู (Milky Way Farm ในเมือง Sasebo)
หากได้มานั่งชิล ชิมเจลาโต้อร่อยๆ หรือจิบเบียร์เบาๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ริมหาดแห่งนี้ ต้องรู้สึกดีกันแน่ๆ เลยล่ะ ลองแวะมาเที่ยวกันนะ
LONDON BUS CAFÉ
ที่ตั้ง : 2289-6, Shima Nogita, Itoshima-shi, Fukuoka
เปิดบริการ : 11.00 – พระอาทิตย์ตกดิน (ราวๆ 19.00 น.)
และที่อยู่ไม่ไกลจาก London Bus Café นัก ก็เป็นชายหาดดังของเมือง Itoshima ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมกันมาก เรียกว่า Sakurai Futamigaura Beach
ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น (Top 100) มีลักษณะเด่นคือหินคู่รัก หรือหินแต่งงาน ที่ตั้งอยู่ในทะเล ห่างออกไปจากชายฝั่งประมาณ 150 เมตร และเสาโทริอิสีขาวที่ตั้งอยู่ใกล้ชายหาด
หินคู่รักนี้ มีขนาดใหญ่ กว้างก้อนละประมาณ 30 เมตร หนักประมาณ 1 ตัน มีเชือกศักดิ์สิทธิ์ Shimenawa คล้องเป็นคู่กันอยู่ หากได้มาชมหินคู่รัก โดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ตกดิน ต้องโรแมนติกอย่างแน่นอน!
Sakurai Futamigaura Beach
ที่ตั้ง : Shima Sakurai, Itoshima-shi, Fukuoka
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Chikuhi Line มาลงที่สถานี Chikuzen-maebara แล้วนั่งรถบัส Showa Bus Nogita Line ไปประมาณ 30 นาที ลงที่ป้าย Imuta เดินต่ออีก 15 นาทีก็ถึง
เรายังไม่จบในเรื่องของกิน คราวนี้เราไปบุกโรงงานราเม็งชื่อดังของจังหวัด Fukuoka กัน …ใครบ้างที่ยังไม่รู้จัก Ichiran Ramen เชิญทางนี้เลย
Ichiran no Mori (Ichiran Ramen Factory) หรือโรงงานราเม็งอิจิรัง ก็ตั้งอยู่บน Itoshima Peninsula เช่นเดียวกัน (แต่อยู่ใกล้ตัวเมือง Fukuoka มากกว่าแห่งอื่นๆ ก่อนหน้านี้)
ที่นี่ นอกจากจะเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ และกระบวนการผลิตบางส่วนแล้ว ภายในยังมีร้านราเม็งของ Ichiran อยู่ด้วย หากดูกระบวนการผลิตแล้ว นึกอยากจะชิม ก็มาจัดกันได้เลย
Ichiran no Mori (Ichiran Ramen Factory)
ที่ตั้ง : 256-10 Shima Matsugama, Itoshima-shi, Fukuoka, 819-1306
เปิดทำการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. (ส่วนการผลิต เปิดถึง 16.00 น.)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : มี free shuttle bus จากสถานี Kyudai-Gakkentoshi Station (จองล่วงหน้า >> https://ichiran.com/news/2018/01/916-1.html) หรือนั่ง Taxi จากสถานี Susenji ไปประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ :
https://en.ichiran.com/shop/ichirannomori.html
http://www.ichiran.co.jp/mori/main.php (ภาษาญี่ปุ่น)
ยังๆ เราจะยังไม่เข้าตัวเมือง Fukuoka เราไปชมดอกไม้กันที่สวนดอกไม้ใหญ่ของจังหวัด Fukuoka กันก่อน ซึ่ง… อยู่บนเกาะจ้ะ ไม่ได้อยู่ในเมือง
สวน NOKONOSHIMA ISLAND PARK บนเกาะ Nokonoshima โดยนั่งเฟอรี่จากฝั่งเกาะคิวชูไปได้เพียง 10 นาทีเท่านั้น ที่นี่ มีดอกไม้สวยๆ ในชมตลอดทั้งปี
นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาชมความงามของดอกไม้กันแล้ว ยังสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจกันได้แบบยกครอบครัว เพราะที่สวนแห่งนี้ ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก มุมสร้างงานศิลปหัตถกรรม (Pottery) สวนสัตว์ (Mini Zoo) รวมไปถึงสนามเด็กเล่น และ Adventure Park เป็นต้น
คนญี่ปุ่นนิยมมาปิกนิค ตั้งก๊วนมาจัดบาร์บีคิว แล้วก็มาถ่ายพรีเว็ดดิ้งกันที่นี่
Nokonoshima Island Park
ที่ตั้ง : Nokoshima, Nishi-ku, Fukuoka City, Fukuoka, 819-0012
เปิดบริการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.30 น. (เสาร์-อาทิตย์-วันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดถึง 18.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็กโต 600 เยน เด็กเล็กต่ำกว่า 3 ขวบ 400 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสมาลงป้าย Noko Tosenba Bus Stop (Ferry Terminal) แล้วต่อเรือจากท่าเรือ Meinohama Ferry Terminal ไปยังท่าเรือ Nokonoshima Ferry Terminal ใช้เวลาประมาณ 10 นาที (ค่าเฟอรี่ผู้ใหญ่เที่ยวละ 230 เยน) แล้วนั่ง Nishitetsu Bus ที่มุ่งหน้าไป Island Park อีกประมาณ 13 นาที ก็จะถึงสวน (ค่ารถผู้ใหญ่เที่ยวละ 230 เยน)
เว็บไซต์ : http://nokonoshima.com/en/
เอาล่ะ ได้เวลาไป Enjoy Eating! กันในตัวเมือง Fukuoka กันแล้ว
เมือง Fukuoka นอกจากจะเป็นที่ตั้งของสนามบินหลัก ซึ่งเป็นประตูสู่เกาะคิวชูแล้ว ยังมีแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังหลายจุด มีชื่อเสียงในเรื่องของราเม็ง และที่ไม่ควรพลาดก็ Yatai !!!
Yatai (ยะตาอิ หรือยะไต) ก็เป็นคล้ายๆ แผงลอยบ้านเรา เพียงแต่ดูเป็นสัดเป็นส่วน บริหารจัดการดีกว่าหน่อย
โดยปกติแล้วในญี่ปุ่น จะไม่ค่อยมีร้านค้าสไตล์แผงลอยแล้วเปิดกันกึ่งถาวรอย่างในเมือง Fukuoka นี้ ส่วนใหญ่จะเปิดแผงกันแค่ในช่วงงานเทศกาล จำพวกงานชมดอกไม้ไฟ ชมซากุระ ชมใบไม้เปลี่ยนสี หรืองานวัดซะมากกว่า พอจบงาน ก็จะไม่มีแผงลอยเหล่านั้นอีกในจุดนั้นๆ
แต่สำหรับที่เมือง Fukuoka นั้นมีการจัดโซนไว้เพื่อ Yatai อยู่หลายจุด ทั้งในแถบ Tenjin, Nakasu, และ Nagahama ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะเปิดกันตั้งแต่หกโมงเย็น (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยนะ ว่าจะเปิดร้านหรือเปล่า) แต่ละร้านก็จะมีแถวยาว-สั้น ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความฮ็อตฮิตของร้านนั้น ที่นั่งก็มีจำนวนจำกัด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะย้ายร้านไปเรื่อยๆ ชิมไปหลายๆ ร้าน เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศสนุกๆ ที่เราสามารถมาสัมผัสกันดูได้
Yatai ในตัวเมือง Fukuoka จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อมาส่งท้ายทริปคิวชูนี้ ก่อนกลับเมืองไทยในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น…
ยากิโซบะ ร้านนี้ แปลกกว่าร้านอื่น ใช้เส้นราเม็งมาผัดล่ะ
และนี่คือประสบการณ์ท่องเที่ยวเพลินๆ และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใหม่ๆ อีกหลายจุด ที่อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ลองไปเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ ไปเที่ยวคิวชูกันจ้าาาาาาา (^^)/
แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า ซาโยนาระ!
เรื่องแนะนำ :
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 3
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 2
– “เที่ยวคิวชู” มือใหม่ก็ไปได้ ตอนที่ 1
– เที่ยวคิวชู (เหนือ) ด้วยรถไฟ JR Kyushu ตอนที่ 2
– เที่ยวคิวชู (เหนือ) ด้วยรถไฟ JR Kyushu ตอนที่ 1
#เที่ยวคิวชู