วันนี้เราจะเล่าให้ทุกท่านทราบถึงประเภทของสถานีริมทางพร้อมกับไปชม 道の駅高田松原 (Michi no Eki Takata Matsubara) หรือสถานีริมทางทากาตะมะซึบาระที่โมเดิร์น สวยแปลกตาแห่งเมืองริคุเซนทากาตะ จ.อิวาเตะกันค่ะ
อย่างที่เคยเกริ่นไปเมื่อครั้งก่อนที่เขียนถึงสถานีริมทางหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น Michi no Eki Hota Shougakkou ว่าสถานีริมทางในญี่ปุ่นขณะนี้มีทั้งหมดรวมกัน 1,160 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสถานีริมทางแต่ละที่ล้วนแต่ต้องการที่จะฟื้นฟูท้องถิ่นนั้นๆ โดยจะมีการแบ่งประเภทแยกย่อยไปตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่บริเวณนั้นด้วย
วันนี้เราจะเล่าให้ทุกท่านทราบถึงประเภทของสถานีริมทางพร้อมกับไปชม 道の駅高田松原 (Michi no Eki Takata Matsubara) หรือสถานีริมทางทากาตะมะซึบาระที่โมเดิร์น สวยแปลกตาแห่งเมืองริคุเซนทากาตะ จ.อิวาเตะกันค่ะ
ประเภทของโมเดลสถานีริมทาง
สำหรับสถานีริมทางจะมีโมเดลหรือต้นแบบต่างๆ โดยถูกแบ่งตามเกณฑ์ที่ต่างกันไป เช่น ผลผลิตของเมือง แรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเมือง ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. โมเดลพื้นฐานสำหรับสถานีริมทางทั่วประเทศ
: สำหรับโมเดิลประเภทนี้เริ่มมีขึ้นเมื่อ10ปีก่อน โดยเป็นสถานีริมทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างเมือง โดยที่เน้นการท่องเที่ยว ผลผลิตและการช่วยเหลือสังคมของเมืองเป็นหลัก
2. โมเดลธีมต่างๆ เฉพาะทาง
: เป็นสถานีริมทางที่ค่อนข้างได้ผลตอบรับดีจากนักท่องเที่ยวต่างๆ จึงเกิดเป็นโมเดลเฉพาะซึ่งจะมีการเชิญคนของสถานีริมทางที่ได้รับเป็นต้นแบบ ไปช่วยเป็นโค้ชเพื่อไกด์นำและพัฒนาสถานีริมทางอื่นๆ
3. โมเดลที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
: เป็นสถานีริมทางที่เน้นเรื่องการจัดการภายในได้เป็นอย่างดีและวางแผนการขายได้ดี
4. โมเดลที่อยู่ในขั้นพิจารณา
: เป็นสถานที่ที่คนในท้องถิ่นกำลังวางแผนที่จะร่วมแรงร่วมใจเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาให้เป็นสถานีริมทางในอนาคต
ภัยพิบัติพลิกชะตาผู้อยู่อาศัยชายฝั่งซันริคุ
จังหวัดอิวาเตะถือว่าเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฮอกไกโด จึงทำให้มีทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยภูเขาและเมืองชายฝั่งทะเล
เมื่อ 9 ปีก่อนที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ทั้งคลื่นยักษ์สึนามิและแผ่นดินไหวในภูมิภาคโทโฮขุ ทำให้เมืองชายฝั่งทะเลค่อนข้างได้รับผลกระทบหนัก ผู้คนเสียชีวิตมากถึง 20,000 กว่าคน ที่อยู่อาศัย ร้านค้า โรงเรียนตามเมืองชายฝั่งทะเลถูกพัดพาไปหมด ทำให้ทุกคนพากันเสียหลัก เคว้งคว้าง โชคดีที่การจัดการของภาครัฐโดยเฉพาะเงินบริจาคจากผู้คนทั่วประเทศญี่ปุ่นในภูมิภาคอื่นๆ จึงทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งเฉกเช่นทุกวันนี้ และไม่น่าเชื่อว่าผ่านมา 9 ปีแล้ว ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
ต้นสนปาฏิหาริย์
ตามเมืองชายฝั่งทะเลของประเทศญี่ปุ่นนิยมปลูกต้นสนเรียงกันเป็นแนว โดยที่ต้นสนถือว่าเป็นต้นไม้กันลมทะเลได้เป็นอย่างดี ซึ่งชายฝั่งของเมืองริคุเซนทากาตะ จ.อิวาเตะนี้ผู้คนต่างปลูกและดูแลบำรุงต้นสนเรียบฝั่งจำนวน 70,000 กว่าต้น มาเป็นระยะเวลามากกว่า 350 ปี แต่แล้วจากภัยพิบัติดังกล่าว ทำให้ต้นสนทั้งหมดถูกพัดพาไปกับสายน้ำที่เชี่ยวกราดอย่างน่าใจหาย
แต่มีต้นสนหนึ่งต้นที่รอดชีวิต ทำให้ผู้คนต่างแปลกใจและเรียกกันว่า 1 Pon matsu “Miracle Pine หรือต้นสนปาฏิหาริย์” แต่สุดท้ายแล้วต้นสนดังกล่าวก็ไม่สามารถฝืนชะตากรรมได้เพราะความเค็มของดินจากน้ำทะเล คนในพื้นที่จึงมีการนำต้นสนต้นอื่นมาเป็นอนุสรณ์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้นับแต่ภัยพิบัติครั้งนั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงก็มียูสโฮสเทลที่ยังคงสภาพที่ได้รับผลกระทบไว้ให้ผู้มาเยือนได้เห็น ผู้เขียนรู้สึกว่าการเปรียบเปรยกันว่า ต่อให้สิ่งก่อสร้างจากคอนกรีตจะพังยับเยินขนาดนี้ แต่ต้นสนมีใจสู้ที่จะต่อสู้และยืนหยัดดั่งใจของผู้ประสบภัยที่เข้มแข็งและมีความหวัง
ประตูสู่การท่องเที่ยวชายฝั่งซันริคุ
แต่เดิมสถานีริมทางของเมืองนี้คือ Takata Matsubara (Tapikku 45) ซึ่งได้รับความเสียหายเช่นกัน หากมาจากทางโตเกียวเมืองริคุเซนทากาตะแห่งนี้ถือว่าเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวชายฝั่งซันริคุ คนในท้องถิ่นนี้จึงถือโอกาสนี้สร้างอาคารโมเดิร์นและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีริมทางเดิมเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งสึนามิ มีจุดให้ผู้คนได้มาวางดอกไม้แก่ผู้ที่ล่วงลับไป
โดยที่ภายในอาคารจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือฝั่งที่เป็นสถานีริมทางและฝั่งที่เป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับภัยสึนามิ ส่วนในโซนชายฝั่งทะเลนั้นเป็นพื้นที่ที่ปลูกต้นสนชายฝั่งจำนวนหลายหมื่นต้นเพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้เป็นดั่งเดิม นอกจากนี้กำลังมีโปรเจ็คในพื้นที่ใกล้เคียงขนาดกว่า 812 ไร่ที่จะเปิดเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสวนที่ระลึกโดยกำหนดเปิดเดือนมีนาคม 2021
ซันริคุแห่งการลิ้มรส
ที่สถานีริมทางแห่งนี้จะมีโซนร้านอาหารและฟู๊ดคอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลอง ผลผลิตจากการทำประมงที่ขึ้นชื่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรม หอยเชลล์ หอยอาวาบิ ซึ่งร้านอาหารมะซึบะระจะขึ้นชื่อเรื่องข้าวหน้าปลาดิบทั้งหลายที่สดใหม่และอร่อย ส่วนที่ร้านทาคาระนั้นจะมีเซ็ตที่นำวัตถุดิบขึ้นชื่อประจำเมืองมาปรุงตามสไตล์ท้องถิ่นเสิร์ฟพร้อมกับข้าวแบรนด์ของตัวเองด้วย นอกจากของคาวแล้วที่นี่ยังมีร้านกาแฟซึนะบะที่มีขนมหวานและกาแฟให้ดื่มยามบ่าย ซึ่งร้านนี้แต่เดิมเป็นร้านที่อยู่จ.ทตโตะริ และได้มาเปิดร้านสาขาต่างจังหวัดครั้งแรก ด้วยความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากจะช่วยเหลือถิ่นประสบภัย
ซันริคุแห่งการสัมผัส
เมื่อทานข้าว จิบชากาแฟแล้ว อีกหนึ่งโซนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือโซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งจะมีทั้ง ปลาสด หอยสด สาหร่ายตากแห้ง ผัก ผลไม้สดในฤดูกาลนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีขนมที่แปรรูปจากวัตถุดิบชื่อดังของเมืองนี้อีกด้วยค่ะ หากท่านใดชอบทำอาหาร ก็อย่าลืมแวะชมในส่วนของเครื่องปรุง ไม่ว่าจะเป็นโชยุ มิโซะ ที่มีรสชาติเฉพาะตัวของที่นี่ด้วยค่ะ
ซันริคุแห่งการเรียนรู้
ก่อนกลับอยากให้แวะฝั่งตรงข้ามของอาคารโซนร้านอาหาร และขายของฝาก ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับภัยสึนามิครั้งนั้น ภายในจะมีข้อมูลต่างๆ ของสึนามิ ไม่ว่าจะเป็นความร้ายแรง ความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการรับมือและป้องกันในอนาคต โดยมีส่วนหนึ่งขอรถดับเพลิง สะพาน ป้ายรถไฟและสิ่งของต่างๆ มาจัดแสดงไว้ เพื่อให้คนรุ่นต่อๆมาได้รู้จักภัยอันตรายนี้ รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต ระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่คร่าผู้คน พลัดพรากครอบครัวของคนในท้องถิ่นนี้ไป เป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อๆ ไป
เวลาทำการ : 9:00 – 18:00 (ไม่มีวันหยุด)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://takata-matsubara.com
เรื่องแนะนำ :
– รีสอร์ทก้อนเมฆ Hoshino Resorts TOMAMU
– Hotel Shojuen โรงแรมตำนานกุมารทองญี่ปุ่น
– สาเกที่อยากให้ผู้ดื่มมีความสุขที่สุด
– เกษตรกรแนวใหม่คิดนอกกรอบ
– ทุ่งดอกทานตะวัน 2 แสนต้นที่มากกว่าแหล่งท่องเที่ยว
#สถานีริมทางอนุสรณ์สึนามิกับต้นสนปาฏิหาริย์ Michi no Eki Takata Matsubara