ดอกนาโนะฮานะ (菜の花) หรือดอกเรพซีด จัดว่าเป็นพืชตระกูลกะหล่ำ ภาษาชาวบ้านเรียก ดอกมัสตาร์ด ถือเป็นดอกไม้พื้นเมืองประจำจังหวัดชิบะ
วันก่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวทุ่งดอกสีเหลือง เมื่อดอกนี้บานถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะเริ่มบานช่วงต้นมีนาคม โดยบางพื้นที่จะมีช่วงทับซ้อนกับการบานของดอกซากุระ ทำให้ภาพที่เห็นเป็นการตัดสีอย่างสวยงามของ สีชมพูจากดอกซากุระ และสีเหลืองจากดอกนาโนฮานะนั่นเอง แล้วดอกนี้มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างไร ลองมาทำความรู้จักกันค่ะ
ดอกนาโนะฮานะ (菜の花) หรือดอกเรพซีด จัดว่าเป็นพืชตระกูลกะหล่ำ ภาษาชาวบ้านเรียก ดอกมัสตาร์ด ถือเป็นดอกไม้พื้นเมืองประจำจังหวัดชิบะ
แต่หากไปญี่ปุ่นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนก็จะมักจะพบเห็นได้ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งถือเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามการเจริญเติบโตในแต่ละช่วง คล้ายๆ กับปลาถือว่าเป็นดอกไม้ที่แปลกมาก ความหมายดอกไม้ก็ดีมากๆ นั่นคือความสดใส กระปรี้กระเปร่า และมีความกระตือรือร้น
เริ่มจากตอนที่ยังเป็นก้านอ่อนๆ มีสีเขียวจะเรียกว่า อะโอะซะ「アオナ」ถือเป็นช่วงที่คนนิยมนำไปปรุงอาหาร หากไปเดินซื้อของที่ซุปเปอร์จะวางขายอยู่เป็นมัดๆ แนะนำให้พยายามเลือกก้านที่ดอกยังไม่บาน หากซื้อมาแล้วยังไม่ได้รับประทานทันที ควรใช้หนังสือพิมพ์หรือถุงคลุมเพื่อไม่ให้สัมผัสกับอากาศ มิเช่นนั้นจะเหี่ยวอย่างรวดเร็ว คนญี่ปุ่นนิยมทานเพราะถือว่าเป็นพืชที่ดีทั้งต่อสุขภาพและความงาม โดยมีส่วนประกอบของแคโรทีน วิตามินบี วิตามินซี แคลเซี่ยม ธาตุเหล็ก มีกากใยสูง ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดด้วย ทั้งนี้แนะนำให้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยนะคะ
เมนูที่คนญี่ปุ่นนิยมทำคือ อะโอะซะลวกจิ้ม ผัดใส่ในพาสต้า หรือทำเป็นเทมปุระก็อร่อย ถ้าเป็นบ้านเราก็คงจะลวกแล้วจิ้มน้ำพริกกะปิแน่เลย
หากช่วงที่เป็นยอดอ่อนไม่ได้ถูกเก็บไป ก็จะเป็นช่วงที่ดอกไม้บานสีเหลืองสะพรั่ง เรียกว่า นาโนะฮานะ「ナノハナ」นอกจากจะเป็นดอกไม้สำหรับแหล่งท่องเที่ยวแล้ว บางสวนมีการเลี้ยงผึ้งไว้ เพราะน้ำหวานที่ได้จากดอกนี้มีความหอมและรสชาติจะเบาๆ ไม่หวานเลี่ยนเกินไป
หลังจากที่ดอกไม้บานเสร็จแล้วเราจะมีส่วนของเมล็ดเรียกว่า 「ナタネ」ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น จีน อินเดีย และยุโรปใช้ประโยชน์จากน้ำมันเรพซีดมานานแล้ว แต่ทางอเมริกาเห็นว่ามีงานวิจัยที่บอกว่าน้ำมันเรฟซีดเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ ทำให้ในปี 1970 สถาบันวิจัยในประเทศคานาดาได้พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชสายพันธุ์ใหม่ เพื่อลดระดับของกรด Erucic และ สาร Glucosinolatesออก และตั้งชื่อว่าพืชที่ได้รับการปรับปรุงแล้วว่า คาโนล่า (Canola) มาจากการรวมคำว่า Canada และ Ola ที่แปลว่าน้ำมันเข้าด้วยกัน โดยในอเมริกาน้ำมันจากเมล็ดคาโนล่าจะถูกนำไปบริโภค ส่วนน้ำมันจากเรพซีดจะถูกใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่นน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันหล่อลื่น เครื่องสำอาง เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นน้ำมันดอกนาโนะฮานะของญี่ปุ่นมีกรด Erucic ต่ำ ทำให้บริโภคได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
โดยในน้ำมันจะประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัวในระดับต่ำ แต่ไขมันไม่อิ่มตัวสูงและยังมี โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 อีกด้วย
ในปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพ จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกใช้น้ำมันคาโนล่ามา ในการปรุงอาหาร รวมถึงทำของว่าง ได้แก่ ขนมปัง เค้ก และช็อกโกแลต ด้วยค่ะ ประโยชน์เพียบขนาดนี้ต้องลองเปลี่ยนมาใช้ดูบ้างแล้วค่ะ
ทางขนมชื่อดังอย่าง โตเกียวบานาน่า ก็ได้ออกเป็นขนมลวดลายน่ารักอย่างดอกนาโนะฮานะ เป็นรุ่น Tokyo Banana no Hana รสบานาน่าเชค โดยจะออกแค่บางช่วงเท่านั้น หากบังเอิญเจอลองทานดูนะคะ
หวังว่าจะทำให้ทุกท่านรู้จักเกี่ยวกับดอกมัสตาร์ดนี้มากขึ้น หากมีโอกาสลองดูนะคะว่าชอบผลิตภัณฑ์ไหนมากที่สุด
ท่านที่วางแผนจะไปเที่ยวแถวโตเกียวช่วงมีนาคม เมษายน และอยากชมดอกนาโนะฮานะ แนะนำให้ไปทุ่งของมาร์เธอร์ฟาร์ม จ.ชิบะเลยค่ะ ไม่เคยเห็นที่ไหนทุ่งกว้างใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
>> http://www.motherfarm.co.jp/en/
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– Flower Studio Parterre จากร้านดอกไม้เพื่อชุมชน สู่สะใภ้ทูตดอกไม้ไทย-ญี่ปุ่น
– พลังของละครอามะจัง สู่การฟื้นฟูจังหวัดอิวาเตะที่เคยประสบภัยพิบัติ
– ใบไม้เปลี่ยนสีที่อิวาเตะ
– Sahara Glass Park : มาลองทำแก้วกันเถอะ!
– ตระเวนเที่ยวเทศกาลหน้าร้อนของอีสานญี่ปุ่นกันหน่อยไหม
#ดอกมัสตาร์ด #Nanohana