ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 5 : รูปปั้นเรียวมะภาวนา
สวัสดีค่ะ ทุกท่านคุ้นชื่อ ซากาโมโต้ เรียวมะ กันไหมคะ ป้าหมวยยยคิดว่าท่านนี้คงพอเป็นที่รู้จักของคนรักญี่ปุ่นอยู่บ้างแน่ ๆ เพราะเรื่องราวของท่านถูกนำมาออกสื่อมากมายทั้งหนังสือ การ์ตูน ละคร ฯลฯ และมีการตั้งรูปปั้นตามสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับท่านอยู่หลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
ที่ตำบลชินคามิโกโต้อันห่างไกลนี้ ก็เป็นอีกสถานที่ที่มี “รูปปั้นเรียวมะภาวนาแห่งโกโต้” (五島祈りの龍馬像 Gotō Inori no Ryōma-zō) ตั้งอยู่ ป้าได้มีโอกาสแวะมาชมที่นี่ด้วยตัวเอง จึงขอมาแนะนำสถานที่และเล่าเรื่องราวถึงที่มาอันน่าสนใจของรูปปั้นนี้ค่ะ
ก่อนอื่นขอเล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับซากาโมโต้ เรียวมะ (坂本龍馬 Sakamoto Ryōma) คนดังของชาวญี่ปุ่นค่ะ
เรียวมะเกิดที่เขตโทสะ (จังหวัดโคจิ) เมื่อปี 1836 เป็นนักดาบและนักเจรจาหัวก้าวหน้ามีวิสัยทัศน์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศในสมัยปลายเอโดะ-ต้นเมจิ มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้างอำนาจรัฐบาลทหารบากุฟุ คืนอำนาจสู่พระจักรพรรดิ และเร่งปฏิรูปประเทศให้เจริญทุกด้านทัดเทียมกับตะวันตก
ปี 1853 เรียวมะในช่วงวัยรุ่นได้เห็นการปิดล้อมอ่าวอุรางะโดยเรือดำจากอเมริกาเพื่อบังคับญี่ปุ่นให้เปิดประเทศ จึงตระหนักในความอ่อนแอของรัฐบาลทหารบากุฟุ และแลเห็นต่างชาติเป็นศัตรู แต่ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงความคิดเมื่อได้พบกับคัตสึ ไคชู (勝海舟 Katsu Kaishū) รัฐบุรุษและนายทหารเรือที่เห็นว่าควรเร่งเรียนรู้วิทยาการต่าง ๆ จากตะวันตก แล้วนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาญี่ปุ่นให้ทัดเทียมมากกว่าขับไล่ออกไป เรียวมะขอฝากตัวเป็นผู้ช่วย ท่านคัตสึให้ความสำคัญกับวิทยาการด้านการทหารเรือ เรียวมะจึงมีส่วนร่วมก่อตั้งศูนย์ฝึกวิชาการเดินเรือที่เมืองโกเบด้วย
ต่อมาเรียวมะเดินทางไปที่คาโงชิม่าทางตอนใต้ของคิวชู เข้าเจรจาให้เขตโจชูและซัทสึมะที่เคยเป็นศัตรูกันร่วมมือต่อต้านรัฐบาลทหารบากุฟุได้สำเร็จ ระหว่างนั้นได้ตั้งบริษัทคาเมยามะชะจู (亀山社中Kameyama Shachū) บริษัทเดินเรือพาณิชย์แห่งแรกในญี่ปุ่น หรือต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นไคเอ็นไต (海援隊 Kaientai) และต่อมายังช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมรัฐบาล จนโชกุนยอมสละอำนาจการปกครองกลับคืนสู่พระจักรพรรดิเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ น่าเสียดายที่ท่านถูกมือสังหารที่ส่งมาจากผู้เสียผลประโยชน์ไม่ทราบฝ่ายฆ่าตายที่เกียวโตในปี 1867 ในวัยเพียง 31 ปี
ในจังหวัดนางาซากิมีรูปปั้นซากาโมโต้ เรียวมะอยู่ 8 แห่ง โดยอยู่ในตัวเมืองนางาซากิ 6 แห่ง เมืองชิมาบาระและตำบลคามิโกโต้เมืองละ 1 แห่ง
รูปปั้นเรียวมะในจังหวัดนางาซากิ
(ภาพโดยป้าหมวยยย ยกเว้นภาพที่ 4 – 6 จาก Nagasaki Tabinet)
• รูปปั้นเรียวมะครึ่งตัวยืนกอดอก ตรงต้นทางเดินลัดเลาะตามเนินเขาที่เรียกว่า “ตรอกเรียวมะ” (龍馬通り Ryoma-dōri) ในตัวเมืองนางาซากิ ว่ากันว่าท่านและสหายใช้เดินผ่านไปมาตลอดช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตที่นี่
• รูปปั้นเรียวมะเต็มตัวยืนกอดอกที่สวนสาธารณะคาสะงาชิระ (風頭公園 Kazagashira Kōen) บนยอดเขาในตัวเมืองนางาซากิ สามารถมองเห็นเทือกเขาและอ่าวได้
• รองเท้าบู๊ทของเรียวมะ’ (龍馬のぶーつ像 Ryoma no Boots-zō) โลหะทำเป็นรูปรองเท้าบู๊ทขนาดใหญ่กับพังงาเรือ อยู่ใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑ์คาเมยามะชะจู (長崎市亀山社中記念館 Nagasaki-shi Kameyama Shachū Kinenkan) ในตัวเมืองนางาซากิ
• รูปปั้นเรียวมะเต็มตัวที่สวนสาธารณะมารุยามะ (丸山公園 Maruyama Kōen) อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถราง Shianbashi Station ของเมืองนางาซากิ
• รูปปั้นเรียวมะที่ศาลเจ้าวาคามิยะอินาริ (若宮稲荷神社 Wakamiya Inari Jinja) ที่เรียวมะและสหายไคเอ็นไตมาสักการะบ่อย ๆ ห่างจากสถานีรถราง Shindaikumachi Station ในตัวเมืองนางาซากิประมาณ 10 นาที
• รูปปั้นเรียวมะที่ยืนอยู่ข้างนายอุเอโนะ ฮิโกะมะ (上野 彦馬 Ueno Hikoma) ที่เป็นนักถ่ายภาพมืออาชีพรุ่นบุกเบิกของญี่ปุ่น มีผลงานถ่ายภาพสถานที่และบุคคลสำคัญต่าง ๆ มีช่วงหนึ่งกล่าวกันว่าท่านเป็นผู้ถ่ายภาพเรียวมะยืนพิงศอกบนแท่นอันเป็นต้นแบบของภาพวาดและรูปปั้นมากมาย แต่ภายหลังมีหลักฐานว่าลูกศิษย์ที่ชื่อ อิโนอุเอะ ชุนโซ (井上俊三 Inoue Shunzō) เป็นผู้ถ่าย รูปปั้นนี้ปัจจุบันตั้งอยู่ริมถนนในซอยกิงยะมาจิ (銀屋町 Ginyamachi) ไม่ไกลจากสะพานแว่นตา Megane Bashi ในเมืองนางาซากิ (เคยตั้งอยู่ข้างสะพานแว่นตาแต่ย้ายมาอยู่ตำแหน่งใหม่หลายปีมาแล้ว)
• รูปปั้นซามุไรบลูเรียวมะ (サムライブルー龍馬像 Samurai Blue Ryōma-zō) ที่ลานสนามกีฬาชิมาบาระฟุคโคอารีน่า (島原復興アリーナ Shimabara Fukkō Arena) เป็นรูปปั้นนูนสูงขนาด 10 เมตร เรียวมะสวมชุดกิโมโนสีน้ำเงินตามเครื่องแบบนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นซามุไรบลู สวมรองเท้าฟุตบอลสีเหลือง พักขาบนลูกฟุตบอลสัญลักษณ์ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่จัดที่แอฟริกาใต้
เดิมสร้างขึ้นและตั้งไว้ที่สนามกีฬาแห่งชาติโยโยงิที่โตเกียวในช่วงมีการแข่งขัน แล้วมอบให้แก่เมืองชิมาบาระเมื่อเดือนกันยายน 2010 มีบันทึกว่าในปี 1864 เรียวมะกับคัตสึ ไคชูเดินทางมายังนางาซากิครั้งแรก โดยขึ้นเรือข้ามทะเลจากคุมาโมโต้มายังชิมาบาระ และพักแรมก่อนเดินทางต่อไปยังนางาซากิ
• รูปปั้นเรียวมะภาวนาแห่งโกโต้ (五島祈りの龍馬像 Gotō Inori no Ryōma-zō) ที่เกาะนาคาโดริในตำบลชินคามิโกโต้ (หมู่เกาะโกโต้) ตั้งอยู่ไกลที่สุดในบรรดารูปปั้นทั้งหมด ซึ่งป้าหมวยยยจะมาเล่าถึงรูปปั้นนี้อย่างละเอียด
รูปปั้นเรียวมะภาวนาแห่งโกโต้ (五島祈りの龍馬像 Gotō Inori no Ryōma-zō) ตั้งอยู่ในสวนซากาโมโต้ เรียวมะ (坂本龍馬ゆかりの広場 Sakamoto Ryōma Yukari no Hiroba) ทำพิธีเปิดขึ้นเมื่อ 2 พฤษภาคม 2010
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ติดทะเล ในพื้นที่มีลานจอดรถได้ 4 คัน มีที่นั่งชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และมีป้ายต่าง ๆ ให้เดินชม
ภาพ 360 องศาบริเวณสวนเรียวมะ
มุมหนึ่งของสวนริมทะเล เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเรียวมะทำขึ้นด้วยบรอนซ์ มีความสูงรวมฐาน 4.5 เมตร จัดทำโดยศิลปินยามาซากิ คาซึคุนิ (山崎和國 Yamazaki Kazukuni) ท่านเดียวกับที่สร้างรูปปั้นเรียวมะที่สวนสาธารณะคาสะงาชิระ
รูปปั้นเรียวมะภาวนา ณ สวนสาธารณะริมทะเลที่ชินคามิโกโต้
รูปปั้นเรียวมะในชุดกิโมโนสวมรองเท้าบู๊ท ยืนพนมมือมองไปทางทะเลกว้าง แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกและความผูกพันธ์อันลึกซึ้งต่อพี่น้องสหายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เรือไวล์เวฟอับปางในทะเลไม่ไกลจากบริเวณนี้ เมื่อราว 150 ปีก่อน
รูปปั้นเรียวมะภาวนาแห่งโกโต้
เรือไวล์เวฟ (ワイル・ウェフ号 The Wild Wave) เป็นเรือใบ Schooner สองเสาที่เรียวมะสั่งซื้อจากนายโธมัส เบลค โกลเวอร์ (Thomas Blake Glover) พ่อค้าชาวสก๊อตที่นางาซากิด้วยความช่วยเหลือด้านการเงินจากแคว้นซัทสึมะ เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทคาเมยามะชะจู
เรือใบตะวันตกที่บรรทุกเหล็ก ทองแดง ปืนใหญ่ ปืนเล็ก พร้อมนายเรือและลูกเรือรวม 16 คน ถอนสมอออกเดินทางจากนางาซากิไปยังซัทสึมะ (คาโงชิม่า) เพื่อเข้าพิธีตั้งชื่อเรือใหม่ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 1866 โดยมีเรือรบซากุระจิม่ามารู หรืออีกชื่อว่าอิจจูมารู (桜島丸/乙丑丸 Sakurajima-maru/Icchūmaru) ลากจูง ณ เวลานั้นไม่มีใครคาดคิดเลยว่านี่จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของเรือลำนี้
เรือไวล์เวฟและเรือซากุระจิม่ามารูออกเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของนางาซากิ แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางเหนือของเกาะคามิโคชิกิ (上甑島 Kami-koshikishima) ของซัทสึมะ ลมพายุเริ่มซัดกระหน่ำจนเรือซากุระจิม่ามารูรู้สึกว่าหากยังลากจูงเรืออีกลำไว้จะเป็นอันตราย จึงจำเป็นต้องตัดเชือกลากจูงเรือไวล์เวฟที่ลำเล็กกว่าทิ้ง
ลูกเรือไวล์เวฟไม่สามารถนำเรือเข้าหลบพายุบริเวณอามาคุสะที่อยู่ใกล้เคียงได้ทัน เรือถูกพายุพัดลอยออกนอกเส้นทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือท่ามกลางคลื่นลมแรงและความมืดมิด ลูกเรือทั้งหมดยังไม่คุ้นเคยกับเรือดีนักจึงควบคุมอะไรไม่ได้ จนในที่สุดเรือไวล์เวฟเกยแนวหินโสโครกอับปางลงนอกชายฝั่งบริเวณแหลมชิโอะยะซากิ (潮谷崎 Shioyazaki) ของชุมชนเอะโนะฮามะ (江ノ浜郷 Enohama-gō) ทางตะวันออกของเกาะนาคาโดริ เมื่อย่ำรุ่งวันที่ 2 พฤษภาคม 1866 ทำให้ลูกเรือ 12 จาก 16 คนจมน้ำเสียชีวิต ซึ่งในจำนวนนี้มีคุโรกิ โคทาโร่ (黒木小太郎 Kuroki Kotaro) ผู้เป็นนายเรือ และอิเคะ คุราตะ (池 内蔵太 Ike Kurata) ที่เรียวมะรักเสมือนน้องชายคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย
ภาพจำลองทิศทางเรือไวล์เวฟถูกพายุและลอยย้อนขึ้นไปถึงเกาะนาคาโดริ และอับปางลงนอกชายฝั่ง เส้นสีฟ้าเป็นเส้นทางเดินเรือปกติไปยังซัทสึมะ (คาโงชิม่า)
เมื่อเรียวมะที่ขณะนั้นกำลังรักษาตัวอยู่ที่ซัทสึมะจากการถูกลอบทำร้ายที่ร้านเทราดะยะได้ทราบข่าวร้าย จึงเดินทางมาที่เกาะนาคาโดริ เรียวมะเขียนชื่อและถ้อยคำรำลึกถึงพี่น้องสหายผู้ล่วงลับ และฝากเงินให้ผู้ใหญ่บ้านจำนวนหนึ่งเพื่อตั้งป้ายหลุมศพ
รูปปั้นเรียวมะพนมมือ ภาวนารำลึกถึงดวงวิญญาณของสหายที่จมไปเรือไวล์เวฟให้ไปสู่สุคติ
ปัจจุบันป้ายหลุมศพนี้ตั้งอยู่ในสุสานที่ห่างจากสวนแห่งนี้ประมาณครึ่งกิโลเมตร มีการทำป้ายนำทางและอาคารเล็ก ๆ ครอบไว้ นอกจากนี้บ้านพักแห่งหนึ่งยังเก็บรักษาท่อนไม้เป็นส่วนบังคับหางเสือเรือไวล์เวฟไว้ด้วย
ในปี 1977 มีการค้นพบท่อนไม้ยาว 4 เมตรห่อด้วยเสื่ออยู่ที่ห้องใต้หลังคาในบ้านของชายคนหนึ่ง ท่อนไม้ทำด้วยไม้ต่างประเทศที่ไม่มีในญี่ปุ่น และบริเวณใกล้เคียงก็ไม่มีเรือใดที่ใช้ไม้แบบนี้ นอกจากนี้คุณปู่ของชายคนดังกล่าวเคยเข้าร่วมคณะนักดำน้ำงมสินค้าของเรือไวล์เวฟที่จมใต้ทะเลมาก่อน เมื่อเทียบเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้วจึงคาดได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของเรือไวล์เวฟนั่นเอง
ท่อนไม้ที่เป็นส่วนบังคับหางเสือเรือไวล์เวฟ (ภาพจาก Shinkamigoto.Nagasaki-tabinet)
ย้อนกลับมาที่สวนซากาโมโต้ เรียวมะอีกครั้งค่ะ
ภาพ 360 องศาเห็นรูปปั้นเรียวมะหน้าตรง
น่าสังเกตว่า รูปปั้นเรียวมะไม่ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่หันตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตรงแหลมชิโอะยะซากิ (潮合崎 Shioyazaki) ที่เรืออับปาง และตรงฐานรูปปั้นมีภาพนูนต่ำแสดงเหตุการณ์ขณะที่ผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 12 คนจมลงท่ามกลางเกลียวคลื่น
แหลมชิโอะยะซากิ อยู่เลยแหลมที่เห็นไปอีกนิดหน่อย
ภาพนูนต่ำแสดงเหตุการณ์เรืออับปางตรงฐานรูปปั้น
ถัดจากรูปปั้นเรียวมะภาวนา คือท่อนไม้ส่วนบังคับหางเสือจำลองจากของจริง แผ่นป้ายเล็ก ๆ สีทองสลักรูปเรือไวล์เวฟพร้อมคำบรรยายเหตุการณ์ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ แท่งหินสลักชื่อสถานที่ 龍馬ゆかりの地 (Ryoma Yukari no Chi) หรือ ‘สถานที่เกี่ยวข้องกับเรียวมะ’
แท่งหินสลักชื่อ “สถานที่เกี่ยวข้องกับเรียวมะ”
แผ่นสีทองสลักรูปเรือไวล์เวฟ และท่อนไม้บังคับหางเสือจำลอง
สำหรับป้ายอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ป้ายใกล้ลานจอดรถ มีป้ายหนึ่งกล่าวถึง ทิวทัศน์ชุมชนหินโกโต้แห่งซากิอุระ (崎浦の五島石集落景観 Sakiura no Gotōishi-shūraku Keikan) สรุปใจความว่า 4 หมู่บ้านบริเวณซากิอุระทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะนาคาโดริ เริ่มมีการทำเหมืองหินทรายตั้งแต่ช่วงปลายยุคบาคุมัตสึ (1853 – 1867) จนถึงช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง หินที่สกัดแล้วถูกนำไปใช้ก่อสร้างตามสถานที่ต่าง ๆ มากมายทั้งบนเกาะโกโต้ หรือขนส่งข้ามทะเลไปถึงเมืองฮิราโดะ เมืองนางาซากิ เป็นต้น หินทรายสกัดเหล่านี้ใช้เป็นวัสดุทำป้ายสลัก ป้ายหลุมศพ โม่หิน ถนน บ้านเรือน กำแพง เสาโทริอิ ไปจนถึงโบสถ์ทั้งหลังอย่าง โบสถ์คาชิระงาชิม่า เป็นต้น
ป้ายข้อมูลเกี่ยวกับทิวทัศน์ชุมชนหินโกโต้แห่งซากิอุระ
ถัดมาเป็นแผ่นหินสีดำขัดมันที่สลักบทเพลงพื้นบ้าน “ชิโอะยะโซะโดะ” (潮谷騒動 Shioya Sodo) ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ด้วย
แผ่นหินสลักเนื้อเพลง “ชิโอยะโซะโดะ”
จริง ๆ แล้วเรื่องราวความผูกพันระหว่างเรียวมะกับสถานที่แห่งนี้ เพิ่งจะกลับมาเป็นที่รู้จักกันเมื่อ 50 กว่าปีก่อนนี้เองค่ะ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี คนท้องถิ่นก็ลืมเลือนเหตุการณ์กันไป จนกระทั่งเดือนกันยายนปี 1968 กลุ่มครู 3 คนเดินทางมายังบริเวณนี้ เพื่อตามหาป้ายหลุมศพที่ระบุไว้ในนิยาย Ryōma ga yuku (龍馬がゆく) ของชิบะ เรียวทาโร่ (司馬 遼太郎 Shiba Ryōtaro) ว่าเรียวมะเดินทางมายังชิโอะยะซากิที่หมู่เกาะโกโต้ เพื่อไว้อาลัยและระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรืออับปาง
ทั้งสามตามหาป้ายหลุมศพที่เรียวมะฝากเงินให้ผู้ใหญ่บ้านตั้งขึ้นว่ามีอยู่จริงหรือไม่แต่ไม่รู้เบาะแส ตอนที่เกือบจะถอดใจได้แวะไปที่วัดแห่งหนึ่ง และได้พบกับชายชราชื่อทาซากิที่เชิงบันได จึงสอบถามเรื่องป้ายหลุมศพ ชายชราไม่รู้เรื่องป้ายหลุมศพแต่ร้องเพลงพื้นบ้านเพลงหนึ่งให้ฟัง ซึ่งเนื้อหาก็ตรงกับเหตุการณ์พอดี มาทราบทีหลังว่า ในเวลานั้นทั่วท้องถิ่นเหลือชายชราผู้เดียวเท่านั้นที่รู้จักเพลงนี้
กลุ่มครูทั้งสามจึงเข้าไปสำรวจในสุสาน และพบป้ายสุสานเก่าแก่ที่หันหน้าไปทางทะเล ชื่อที่สลักไว้บางส่วนก็ตรงกับชื่อผู้เสียชีวิต ชาวบ้านในขณะนั้นไม่รู้ที่มาที่ไปของป้ายสุสานนี้ แต่เรียกกันว่า “ซัทสึมะจินซามะ” (さつまじんさま Satsuma-jin Sama) หรือ ‘ท่านชาวแคว้นซัทสึมะ’
หลังจากนั้นมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบเทียบกับหลักฐานเอกสารอื่น ๆ เรื่องราวเหตุการณ์น่าเศร้า ณ เอโนะฮามะ และความรู้สึกอันลึกซึ้งของเรียวมะจึงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เมื่อมีการเปิดสวนสาธารณะและรูปปั้นเรียวมะภาวนา จึงมีการตั้งแผ่นหินสลักเนื้อเพลงพื้นบ้าน “ชิโอะยะโซะโดะ” อันเป็นหลักฐานเหตุการณ์สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรียวมะไว้เมื่อปี 2013
สำหรับการเดินทางมาที่สวนนี้ เมื่อเดินทางด้วยเรือจากเกาะฟุคุเอะ ท่าเรือซาเซโบะ หรือท่าเรือนางาซากิ มาถึงตำบลชินคามิโกโต้แล้ว ควรใช้รถเช่าหรือแท็กซี่ค่ะ ระยะทางจากท่าเรืออาริคาวะ (Arikawa Port Terminal) ประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่ระยะทางจากท่าเรือนาราโอะ (Narao Port Terminal) มีระยะทาง 36 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นอกจากมาชมที่นี่แล้วก็ขอแนะนำให้ขับรถชมโบสถ์สวย ๆ และโบสถ์มรดกโลกที่ป้าหมวยเขียนถึงในตอนอื่น ๆ ด้วยนะคะ
เรื่องแนะนำ :
-ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 4
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 3
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 2
– ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 1
– ขึ้นชมวิวบนยอดเขาอินาสะที่นางาซากิด้วย Inasayama Slope Car เปิดใหม่กันดีกว่า
ข้อมูลจาก
– http://tomocchi.nagasaki-tabinet.com
– https://blog.goo.ne.jp
– http://smells.hatenablog.com
– https://shinkamigoto.nagasaki-tabinet.com
– http://www.japankochi.com
– http://kaientaidesu.la.coocan.jp
– https://www.city.shimabara.lg.jp
#ขับรถเหนือใต้ออกตก Mission Shin-Kamigoto ตอนที่ 5 : รูปปั้นเรียวมะภาวนา