1 Day Trip in UJI : แจกแพลนเที่ยวเมืองอุจิ เกียวโต ใน 1 วัน แนะนำโดยเพื่อนคนเกียวโตท้องถิ่นพาเที่ยวอุจิ ตอนที่ 4
ตามคอนเซปท์ที่บอกเพื่อนไว้เลยว่าทริปนี้เราไม่ขับรถเที่ยว ขอเมืองที่เดินทางไม่ไกลจากตัวเมืองเกียวโต ซึ่ง 3 เมืองที่ผ่านมาคือ เมืองยาวาตะ (Yawata) มุโค (Muko) และ นางาโอกะ (Nagaoka)
วันนี้เพื่อนบอกล่วงหน้าว่าให้เตรียมท้องให้ว่างเพราะจะพามากิน 555 ตั้งตารอวันนี้มากในฐานะมัทฉะเลิฟเวอร์ และเกียวโต คือ เมืองแห่งชา “เมืองอุจิ” ก็คือ สวรรค์สำหรับคนรักชาเขียว เมืองที่เป็นต้นกำเนิดของ “ชาอุจิ” ที่โด่งดังไปทั่วโลก ในญี่ปุ่นถ้าจะบอกว่าชาอุจิคือมัทฉะคุณภาพดีที่สุดและอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นก็คงจะไม่เกินจริงนัก ใครเป็นนักเดินทางสายภูเขา แม่น้ำ คาเฟ่ เมืองอุจิมีทุกสิ่งที่กล่าวมา เพื่อนคนเกียวโตของเราคัดแพลนเที่ยววันเดย์ทริปมาให้แล้ว ลุยยย
การเดินทาง: จากสถานีเกียวโต (Kyoto) ขึ้นรถไฟเจอาร์สาย Nara Line ลงสถานีอุจิ (Uji station) ใช้เวลาเดินทางเพียง 25 นาทีเท่านั้น
「1 วันในเกียวโตไปไหนได้บ้าง – เมืองอุจิ」
1. แวะร้านขนมคาเฟ่อิโต คิวเอมอน (Itohkyuemon)
เพื่อนเกียวโตพาแวะที่นี่แต่เช้าเพราะร้านอยู่ติดกับสถานีอุจิเลย ถึงสถานีอุจิ เดินข้ามถนนไป 1 นาทีก็ถึงร้านแล้ว พวกเรามาทานข้าวเช้ากันที่นี่ เมืองอุจิเป็นเมืองที่มีคาเฟ่เยอะมากมายมหาศาล ถามเพื่อนว่าทำไมพามาที่นี่ เพื่อนบอก “ก็ตั้งแต่เกิดมาก็เจอร้านนี้แล้ว” เป็นร้านเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี 1832 หรือเปิดมาแล้วเกือบ 200 ปีอะทุกคน เปิดมาเป็นร้อยปีไม่ธรรมดาแน่นอน
ร้านใหญ่มาก แบ่งเป็น 2 โซน เปิดประตูเข้าร้านไปเจอด้านหน้าร้านเป็นร้านขายขนมขายของที่ระลึกเกี่ยวกับชาเขียว แต่หากเดินเข้าไปลึกๆ จะเป็นโซนคาเฟ่ที่นั่งทานในร้านได้ ถึงจะเป็นคาเฟ่แต่เมนูมีทั้งของคาวและของหวานเลย จุดเด่นของร้านนี้คือ ใช้ชาอุจิมาทำอาหารและของหวาน เช่น แกงกะหรี่ โซบะ เค้ก พาเฟต่ไอศกรีม ฯลฯ นอกจากเมนูหลักแล้ว จะมีเมนูลิมิเต็ดที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้เฉพาะช่วงนั้นๆ เป็นเมนูตามฤดูกาลเปลี่ยนไปตลอด มาฤดูไหนก็จะเจอเมนูใหม่ๆ ที่เปลี่ยนไปตลอด
คนไทยอาจจะคิดว่ามาคาเฟ่ต้องกินของหวาน แต่เราขอยืนยันว่า เมนูของคาวที่นี่ก็อร่อยมากๆ เมนูของคาวมีข้าวแกงกะหรี่ชาอูจิ อุด้งแกงกะหรี่อูจิมัทฉะ โซบะอูจิมัทฉะ อร่อยไม่แพ้ของหวานเลย เราสั่ง “ข้าวแกงกะหรี่” เป็นเมนูที่มีจำนวนจำกัด ในจานเป็น อูจิมัทฉะคาเร+แกงคีมาโฮจิฉะ (เสิร์ฟมาอย่างละครึ่ง) อร่อยมากกกกกก อร่อยจนทานเสร็จเราต้องซื้อแกงสำเร็จรูปที่เป็นพวกของฝากกลับบ้านด้วย (อร่อยเบอร์นั้นจริงๆ)
เวลาทำการ (Business Hour): 10.00 – 18.00 น.
วันหยุด (Regular Holiday) เปิดทุกวันหยุดวันปีใหม่
วิธีเดินทาง (Access): เดิน 1 นาทีจาก JR Uji
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/bCMVsTVd5P6XpWmf7
2. เที่ยวถนนคนเดินโอโมเตะซันโด (Omotesando)
อิ่มแล้วพาไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน โอโมเทะซันโด (Omotesando) คนไทยที่ชอบเดินตลาดแบบเราเดินสนุกมาก ละลานตาไปด้วยร้านชาเขียวทั้งสองข้างทาง ทั้งร้านขายของฝาก คาเฟ่ ร้านอาหาร (ตู้กาชาปองก็มีนะเออ)
เราได้ลูกอมชาเขียวอุจิมัทฉะ กับชาอุจิมัทฉะเต็มกระเป๋า
พิกัด(Location): https://maps.app.goo.gl/jfyd8gQxpe6ED4ak9
3. ร้านพิซซ่าชื่อดัง Antica Pizzeria L’ASINELLO
เดินถนนคนเดินเสร็จแล้วหิว แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้าน Antica Pizzeria L’ASINELLO
อย่าเพิ่งอิหยังวะนะว่ามาเมืองชาเขียวทำไมพามากินพิซซ่า 555 แต่ถ้าไปเปิด Tiktok ที่คนญี่ปุ่นแนะนำอาหารในเมืองอุจิ เจอติ๊กตอกเกอร์ชาวญี่ปุ่นแนะนำที่นี่กันเยอะมากๆ ทนความน่ากินไม่ไหว แล้วร้านเพิ่งชนะการแข่งขันใน Neapolitan Pizza Chef World Championship Japan Tournament ปี 2023 (ナポリピッツァ職人世界選手権日本大会) ถ้าจะพูดว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านพิซซ่าที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นแห่งหนึ่งก็คงไม่เกินจริง อยากลองมากินพิซซ่าระดับชนะรางวัลดูสักครั้ง อีกอย่าง ในเมืองอุจิที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ชาเขียว ที่นี่เป็นที่แวะตัดเลี่ยนชาเขียวได้ดี เปิดดูรีวิวก็มีชาวอิตาเลียนหลายคนเลยที่เดินทางมาญี่ปุ่นแล้วมาทานร้านนี้ให้ 5 ดาว เมนูพิซ่ซาเขาเยอะมากกกกจนเราเลือกไม่ถูกเลย พนักงานดีมากเข้ามาช่วยแล้วก็แนะนำพิซซ่าที่ขายดีของร้านให้
จุดเด่นคือ แป้งมีความบางและเบา เนื้อสัมผัสกรอบนอกฉ่ำใน รสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของพิซซ่าอบในเตาอบ ทันทีที่ออกมาจากเตา กลิ่นหอมที่อบอวลไปทั่ว กระตุ้นความอยากอาหารขึ้นมาทันที หน้าตาว่าดีแล้วความอร่อยดีกว่าหน้าตาอีกหลายเท่า เราที่มัวแต่ถ่ายรูปสักพักมีพนักงานบอกว่า อยากให้ทานตอนร้อนๆ เพิ่งออกจากเตา เขากลัวเราไม่ได้กินตอนที่อร่อยที่สุด 555
อ้ามมมมมม… นี่เป็นพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในชีวิตร้านนึงเลย อร่อยทุกเมนูที่สั่ง อร่อยแบบอร่อยมากๆๆๆๆๆ ราคาแรงนิดนึงแต่อร่อยแบบยอมจ่าย แต่ร้านนี้จะมีกฎแบบญี่ปุ่นคือ ถ้าทานที่ร้าน ลูกค้าต้องสั่งอาหารคนละอย่าง จะสั่งแค่อย่างเดียวมาแชร์กันไม่ได้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อยากจัดเต็มแนะนำทานที่ร้านเลย แต่ถ้าอยากทานแค่นิดเดียว เราแนะนำให้ซื้อหน้าร้านให้เขาห่อแบบกลับบ้านแล้วไปนั่งทานพิซซ่าริมแม่น้ำอุจิ นั่งมองวิวแม่น้ำไหลแล้วทานไปด้วย ฟินสุดๆ ไปเลย
เวลาทำการ (Business Hour)
11.30 – 15.00 น. (L.O. 14.30 น.)
17.30 – 21.00 น. (L.O. 20.30 น.)
วันหยุด (Regular Holiday): ไม่มีวันหยุด
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/NwAFQjXeU683oAL78
4. แม่น้ำอุจิ
ซื้อพิซซ่าแล้วเดินมาแป๊บเดียวก็ถึงแม่น้ำอุจิแล้ว แม่น้ำอุจิกว้างใหญ่มาก มีหลายโซนหลายมุม เลือกโซนที่ชอบได้เลย เราเห็นคนญี่ปุ่นมาจ๊อกกิ้งออกกำลังกายกัน มีคนมานั่งทานขนม ผลไม้นั่งเล่นกันแถบนี้ด้วย
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/DSWsjZaFYy88bATH7
5. เวิร์คช็อป “กว่าจะมาเป็นชา” ที่ Chazuna (お茶と宇治のまち交流館 茶づな)
ที่เที่ยวนี้แหวกแนวไปสักหน่อย แต่เพื่อนคนเกียวโตบอกว่านอกจากเที่ยวถ่ายรูปแล้ว อยากให้มาลองแนวเวิร์คช็อปสักครั้ง ไหนๆ เราก็ชอบดื่มชาอุจิมัทฉะแล้ว ก็อยากให้ใกล้ชิดมากกว่าแค่ซื้อชงแล้วจบ ซึ่งเราในฐานะคนชอบญี่ปุ่นก็ตอบตกลงทันที
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ชา Chazuna ด้านในมีโซนพิพิธภัณฑ์ โซนเวิร์คช็อป และโซนร้านขายของที่ระลึก ที่จริงมีหลายเวิร์คช็อป แต่เราเลือกคอร์ส “กว่าจะมาเป็นชา”
เริ่มตั้งแต่ทดลองบดใบชาในเครื่องโม่หิน ใช้มือหมุนเพื่อบดใบชา ตอนแรกเรารีบหมุนจะได้บดให้หมดไวๆ แต่เซนเซบอกว่าเวลาใช้เครื่องบดแบบนี้ต้องหมุนให้ช้าๆ อย่าใจร้อน ยิ่งหมุนเร็วชาที่ได้จะไม่ละเอียด ค่อยๆ ทำ มีสมาธิจดจ่ออยู่ตลอด หลังจากบดชาเสร็จแล้ว ก็จะกรองชา เข้าสู่ขั้นตอนชงชาที่เป็นศิลปะการชงชาแบบญี่ปุ่นที่สืบต่อกันมาช้านาน และสุดท้ายได้ดื่มชาที่เราบดเอง
ความรู้สึกหลังจากจบคอร์ส มันไม่ใช่ความรู้สึกสนุกเย้ๆ แต่มันเป็นความอิ่มเอมที่ได้มาสัมผัสวัฒนธรรม สัมผัสกับพิธีชงชาจากแหล่งกำเนิดชาโดยแท้ เป็นเรื่องของสุนทรียศาสตรที่แนะนำคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น อยากให้มาลองประสบการณ์แบบนี้สักครั้งในชีวิต สิ่งที่เคยอ่านและศึกษามาจากตัวหนังสือทุกอย่างสัมผัสของจริงได้ที่ chazuna
ลืมบอกว่าเซนเซที่สอนเป็นคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้นะคะ ใครไม่ได้ภาษาหากสนใจก็ไปได้ เราเห็นชาวต่างชาติมาเรียนกันหลายคนเลย
จบเวิร์คช้อปแล้วเราเข้าร้านขายของที่ระลึกต่อเลย พนักงานแนะนำชีทมาส์กหน้าชาเขียวที่ราคาถูกมากกกกกกกกกกกกกกกก พนักงานบอกว่าขายถูกเป็นพิเศษต้องซื้อให้ได้ มาส์กแล้วได้กลิ่นชาเขียวหอมมากทุกคน ถึงไม่ได้มาเวิร์คชอป แต่มาซื้อของที่ระลึกที่นี่ก็ได้ อยู่ติดแม่น้ำอุจิเลยเดินมาแป๊บเดียวถึง ตอนนี้กลับไทยลองมาส์กแล้ว ดีมากกกกตามคำแนะนำจนอยากจะกลับไปซื้อเพิ่ม
ค่าเวิร์คช็อป: เวิร์คช็อป “กว่าจะมาเป็นชา” ที่เราเลือกราคา 1,800 เยน (400 กว่าบาท) ราคาไม่แพงเลย ยังมีเวิร์คช็อปอื่นๆ อีกเยอะมาก ราคาขึ้นอยู่กับเวิร์คช็อปที่เลือก เช็ครายละเอียดเวิร์คช็อปและราคาได้ที่ https://chazunayoyaku.rsvsys.jp/events/list
หากสนใจจองเวิร์คช็อป อีเมลสอบถามรายละเอียดและจองได้ที่ uji-chazuna.information@k-bm.co.jp (ภาษาอังกฤษ และ ภาษาญี่ปุ่น)
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ (Entrance Fee): ผู้ใหญ่ 600 เยน/เด็ก 300 เยน/อายุไม่เกิน 6 ขวบ เข้าฟรี
เวลาทำการ (Business Hour): เปิด 09.00 – 17.00 น. (เข้าก่อน 16.30 น.)
วันหยุด (Regular Holiday): เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง (Access): จากสถานี JR Uji เดิน 12 นาที
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/QpjeKZ9XXV4kMrLE6
6. พิพิธภัณฑ์ตำนานเก็นจิ (Tale of genji museum)
แนะนำที่นี่สำหรับสายพิพิธภัณฑ์ที่สนใจวรรณกรรมญี่ปุ่น เก็นจิโมโนกาตาริ หรือ ตำนานของเจ้าชายเก็นจิ (Genji Monogatari 源氏物語) นอกจากเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่งแล้ว เป็น “นวนิยายรักที่เขียนขึ้นจากเรื่องจริงเรื่องแรกของโลก” ปัจจุบันตำนานเกนจิมักจะถูกหยิบยกขึ้นมาสร้างเป็นนิยาย ภาพยนตร์ การ์ตูน และละครโทรทัศน์อยู่เสมอ
ประพันธ์โดย มูราซากิ ชิกิบุ กวีชาวญี่ปุ่นที่เกิดราวปี ค.ศ. 973 เธอเป็นหญิงสาวในราชสำนัก เกิดในครอบครัวขุนนางเล็กๆ ในตระกูลฟุจิวาระ เราก็จะเห็นรูปปั้นของเธอที่สะพานอูจิด้วย
ซึ่ง 10 บทสุดท้ายมีฉากเป็นเมืองอูจินี่เอง พิพิธภัณฑ์เลยมาตั้งที่นี่ นำเสนอหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งรูป กลิ่น เสียง นิทรรศการที่เราสามารถโต้ตอบได้ เหมือนได้เข้าไปสัมผัสโลกของ “เกนจิ โมโนกาตาริ”
ที่เก็นจิมิวเซียม ป้ายคำอธิบายต่างๆ ในแต่ละห้องจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ทางมิวเซียมมีไอแพดและหูฟังที่มีคำอธิบายภาษาอังกฤษให้เราได้ทุกจุดที่ไป ไฮเทคมาก แต่เสียดายไม่มีภาษาไทย ใครหลงใหลในวรรณกรรมญี่ปุ่นเป็นที่ที่น่าไปเยือนเลย ส่วนใครสนใจแต่ไม่รู้จักตำนานมาก่อน อ่านได้ที่นี่เลยแล้วจะเพลิดเพลินการชมมิวเซียมนี้อย่างแน่นอน
ตำนานเจ้าชายเก็นจิ >> https://entertainment.marumura.com/genji-monogatari/
ค่าเข้า (Entrance fee): ผู้ใหญ่ 600 เยน/เด็ก 300 เยน
เวลาทำการ (Business Hour): เปิด 09.00 – 17.00 น. (เข้าก่อน 16.30 น.)
วันหยุด (Regular Holiday): หยุดวันจันทร์
วิธีการเดินทาง (Access): เดิน 15 นาที จากสถานีเจอาร์อุจิ (JR UJI) หรือ เดิน 7 นาทีจากเคฮังอุจิ( Keihan Uji)
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/SwGNpBuh7ePVPSvH6
7. คาเฟ่ Unjo saryo (雲上茶寮)
คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์เก็นจิ มีวิวเป็นสวนเซน หากนั่งติดหน้าต่างจะได้วิวชมสวนเซ็นไปด้วย แวะทานเลยแล้วกัน ในร้านแบ่งเป็น 2 โซน พื้นที่นั่งทาน และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ
จุดเด่นของที่นี่คือ มีชาให้เลือกเยอะมาก เซนฉะ มัทฉะ ชาดำ โฮจิฉะ ฯลฯ มีชามากมายที่เราไม่ได้ทานในเวลาปกติ ของหวานของที่นี่มีของหวานเมนูหลัก และเมนูไอศกรีมที่ใส่ผลไม้เฉพาะฤดูกาลนั้นๆ เราสั่งเมนู Garden Parfait, Matcha latte และ Matcha Nioumiya (Nioumiya คือ ชื่อตัวละครในเก็นจิโมโนกาตาริ เป็นหลานของเก็นจิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญใน 10 บทสุดท้ายที่มีฉากเป็นเมืองอูจิ) อร่อยทุกเมนู
คาเฟ่ส่วนใหญ่ในกรุงเทพค่อนข้างเสียงดัง แต่มาที่นี่แล้วถึงจะมีลูกค้าแต่บรรยากาศก็เงียบ ได้ยินแต่เสียงเพลงคลอๆ บรรยากาศดี เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกดื่มด่ำกับกับความอร่อยของขนมและชาตรงหน้ากับบรรยากาศ ณ โมเม้นท์นั้นจริงๆ จบทริปวันนี้ด้วยความรู้สึกอิ่มเอม ราวกับบรรลุสัจธรรมอะไรสักอย่าง
เวลาทำการ (Business Hour): เปิด 09.00 – 17.00 น. (L.O. 16.30 น.)
วันหยุด (Regular Holiday): หยุดทุกวันทร์ (ถ้าวันจันทร์เป็นวันหยุด จะหยุดชดเชยวันอังคารแทน)
วิธีการเดินทาง (Access): เดิน 15 นาที จากสถานีเจอาร์อุจิ (JR UJI) หรือ เดิน 7 นาทีจากเคฮังอุจิ( Keihan Uji)
พิกัด (Location): https://maps.app.goo.gl/vg9sVveRidDksurX7
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
– 1 Day Trip in Nagaokakyo+Oyamazaki : แจกแพลนเที่ยวเมืองนางาโอกะเคียว และ เมืองโอยามาซากิ เกียวโต ใน 1 วัน แนะนำโดยเพื่อนคนเกียวโตท้องถิ่นพาเที่ยว ตอนที่ 3
– 1 Day Trip in Muko : แจกแพลนเที่ยวเมืองมุโค เกียวโต ใน 1 วัน แนะนำโดยเพื่อนคนเกียวโตท้องถิ่นพาเที่ยวมุโค ตอนที่ 2
– 1 Day Trip in Yawata : แจกแพลนเที่ยวเมืองยาวาตะ เกียวโต ใน 1 วัน แนะนำโดยเพื่อนคนเกียวโตท้องถิ่นพาเที่ยวยาวาตะ ตอนที่ 1
#1 Day Trip in UJI : แจกแพลนเที่ยวเมืองอุจิ เกียวโต ใน 1 วัน แนะนำโดยเพื่อนคนเกียวโตท้องถิ่นพาเที่ยวอุจิ ตอนที่ 4