Jingu no Mori Outdoor Sculpture Exhibition
นิทรรศการประติมากรรมกลางแจ้งที่ศาลเจ้าเมจิ
โอเอซิสใจกลางกรุงโตเกียว
ทันทีที่เห็นงานนิทรรศการนี้ก็ใจเต้นแรงทีเดียว เพราะจะได้ชมงานประติมากรรมกลางแจ้งในศาลเจ้าสำคัญของประเทศญี่ปุ่นอย่างศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 เพื่ออุทิศถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง
นอกจากนั้นยังขึ้นชื่อในเรื่องของความร่มรื่น จนถูกเปรียบว่าที่นี่เสมือนเป็นโอเอซิสใจกลางกรุงโตเกียวเลยทีเดียว เพราะเมื่อก้าวเท้าเข้าไปยังศาลเจ้า จะสัมผัสเข้ากับบรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางความสดชื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ และเพราะอยู่ติดกับสวนโยโยงิ (Yoyogi Park) ด้วย ทำให้พื้นที่บริเวณศาลเจ้าและใกล้เคียงกว่า 700,000 ตารางเมตร และรอบๆ รายล้อมด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์
การจัดนิทรรศการประติมากรรมกลางแจ้ง ที่ศาลเจ้าเมจินี้จึงมีความน่าสนใจมาก เพราะจะทำการจัดแสดงกลางป่าเขียวขจี ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2020 – 31 มีนาคม 2021 ยาวไปตลอดทั้งปีเลยทีเดียวแหละ
สำหรับชื่อ “Tenku Kaikatsu” หมายความว่า “ท้องฟ้าที่แจ่มใสแผ่กว้างไปไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้นั่นเอง ส่วนการแสดงงานประติมากรรมกลางแจ้งนี้ ทางผู้จัดงานก็มีความตั้งใจที่จะให้คนหนุ่มสาวจากทั่วประเทศญี่ปุ่น มาชื่นชมศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ และมีจุดประสงค์เพื่อที่จะพัฒนาคนและเมืองไปในตัว
ซึ่งศิลปินชื่อดังที่มาร่วมแสดงผลงานในครั้งนี้ มีทั้งหมด 4 คน (ข้อมูลวันที่ 3 มิ.ย.) ดังต่อไปนี้
1 คุณ Kohei Nawa (名和晃平)
2 คุณ Misa Funai (船井美佐)
3 คุณ Tomokazu Matsuyama (松山智一)
4 คุณ Atsuhiko Misawa (三沢厚彦)
ที่ได้แวะเวียนมาสักการะและเยี่ยมชมศาลเจ้าแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง และทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันมีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งก็คือแรงบันดาลใจของงานประติมากรรมแนวใหม่ที่ทำการจัดแสดงไว้ตามจุดต่างๆ ในป่าอันเงียบสงบในกลางกรุงโตเกียวแห่งนี้
โดยทุกผลงานปะติมากรรมที่ทางศิลปินทุกคนนำมาจัดแสดงนั้น ต่างมุ่งเน้นการแสดงผลงานที่สร้างขึ้นด้วยความเคารพ และความหลงใหลในธรรมชาติ รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์และธรรมชาตินั่นเอง
“White Deer” ผลงานของคุณโคเฮ นาวะ
กวางนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ หรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาชินโต และมีความเชื่ออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสำหรับประติมากรรมนี้ เสมือนการเรียกจากเหล่าทวยเทพที่สถิตอยู่ในป่าอันศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าเมจิ และถือโอกาสนี้เป็นการต้อนรับผู้มาเยือนเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของศาลเจ้าไปพร้อมกัน
สำหรับคุณโคเฮ นาวะ เขาเป็นทั้งศิลปิน เป็นผู้อำนวยการของ SANDWICH Inc. และเป็น อาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยศิลปะ และการออกแบบเกียวโต เกิดในปี 1975 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยศิลปะเมืองเกียวโตสาขา Fine Art Sculpture โครงการล่าสุดของคุณนาวะ คือการสำรวจงานสถาปัตยกรรมและสร้างพื้นที่ศิลปะไปทั่วโลก
“Paradise” ผลงานของคุณมิสะ ฟุนาอิ
งานประติมากรรมชิ้นนี้ใช้ม้าเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นม้าที่รักของจักรพรรดิเมจิ พร้อมการแนะนำวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามามีบทบาทในประเทศญี่ปุ่น ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา และการปรากฎตัวของม้าในจินตนาการนี้ จะทำให้นึกถึงอนาคตในอีก 100 ปีข้างหน้าอีกด้วย
คุณมิสะ ฟุนาอิ เกิดที่เมืองเกียวโตเมื่อปี 1974 งานประติมากรรมของเธอโดดเด่นด้วยรูปแบบของ 2D และ 3D โดยการสร้างภาพวาดผ่านการใช้กระจก ที่พาผู้ชมออกนอกกรอบศิลปะบนผืนผ้าใบ นอกจากนั้นยังมีผลงานด้านจิตรกรรมร่วมสมัยจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อุเอโนะ ศูนย์ศิลปะนานาชาติอาโอโมริ และที่อื่นๆ อีกมากมาย
“Wheels of Fortune” ผลงานของคุณโทโมคาสุ มัตซึยามะ
วงล้อแห่งโชคชะตา นี้เป็นรูปปั้นขนาด 15 ฟุตในรูปแบบของเขากวางที่มีการตกแต่งอย่างประณีตด้วยล้อรถตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ของป่าเมจิจินกู ศิลปินต้องการจะสื่อถึงจักรวาลและกวางซึ่งเป็นผู้ส่งสารไปยังเทพเจ้า พร้อมทั้งต้องการจะเชื่อมโยงเรื่องราวในยุคสมัยของเราและยุคสมัยโบราณที่ผ่านมาด้วย
คุณโทโมคาสุ มัตซึยามะ เกิดที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1976 ก่อนจะย้ายไปเติบโต เรียนหนังสือและทำงานในเมือง Brooklyn กรุงนิวยอร์ก เขาเรียนจบในด้านการออกแบบและการสื่อสารจากสถาบันศิลปะและออกแบบระดับโลก Pratt Institute ส่งผลให้งานของคุณมัตซึยามะ มีส่วนผสมที่ลงตัวของวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นและอเมริกา ประติมากรรมของเขาสัมผัสได้ถึงความงามทั้งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน นอกจากนั้นเขาต้องการสื่อถึงสภาพแวดล้อมทางสังคมที่อยากให้ผู้ชมได้รู้จักการเผชิญหน้าในเรื่องต่างๆ ด้วย
“Animal 2012-01B” ผลงานของคุณอัทซึฮิโกะ มิซาวะ
เมื่อเราพูดถึง “สัตว์” จริงๆ แล้วมีความคิดที่หลากหลายมากมาย ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของศิลปิน ซึ่งสำหรับศิลปินคนอื่นอาจหมายถึงสัตว์ป่าหรือตัวละครในนิยายและอื่นๆ แต่ประติมากรรมของคุณมิซาวะ อาจจะไม่ได้ต้องการสื่อสารในมุมนั้น แต่เป็นสัตว์ในจินตนาการของเขา
คุณอทซึฮิโกะ มิซาวะ เกิดที่จังหวัดเกียวโตในปี 1961 ศึกษาด้านประติมากรรมมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งโตเกียว เขาเริ่มสร้างประติมากรรมงานแกะสลักไม้ของสัตว์ต่างๆ ขนาดเท่าคนจริง และเริ่มทำการจัดนิทรรศการที่ Nishimura Gallery ในโตเกียว หลังจากนั้นเขาก็ได้รับรางวัลทางด้านศิลปะมากมาย ตั้งแต่นั้นมาก็มีการจัดนิทรรศการเดี่ยวหลายครั้งที่พิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ Musashino Art University Museum & Library
จุดในการวางประติมากรรมในศาจเจ้าเมจิ
สำหรับ “Jingu no Mori Art Festival” จะทำการจัดแสดงเป็นระยะเวลา 1 ปี และจะทำให้ผู้เข้าชมสามารถมองญี่ปุ่นย้อนกลับไปในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับมองดู “ธรรมชาติ” และ “ศิลปะ” ตลอด 100 ปีต่อไปจากนี้ด้วย
เป็นงานที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ แม้ช่วงเวลานี้ เรายังบินไปญี่ปุ่นไม่ได้ ก็เที่ยวผ่านช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
https://artsandculture.google.com/partner/meiji-jingu-forest-festival-of-art
ขอบคุณข้อมูล https://jingu-artfest.jp/tenkukaikatsu/
ความรู้รอบ “Brochure”
• ศาลเจ้าเมจินั้นขึ้นชื่อในเรื่องให้โชคในด้านความรัก
ว่ากันว่าที่นี่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความรัก จึงมีคนญี่ปุ่นมาสักการะและขอพรในเรื่องรักกันอยู่ตลอด หากโชคดีอาจจะได้เห็นพิธีแต่งงานของคนญี่ปุ่น ที่มีการประกอบพิธีกรรมตามลัทธิชินโต นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่จัดพิธีรับตำแหน่งโยโกสุนะ ซึ่งเป็นตำแหน่งแชมป์ของนักกีฬาซูโม่ด้วยนอกจากนั้นที่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่นิยมในการมาขอพรช่วงปีใหม่ และมีคนมาสักการะจำนวนมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
• เซียมซีที่นี่แตกต่างจากศาลเจ้าอื่น
ปกติเซียมซีของศาลเจ้าทั่วๆ ไปจะเขียนว่าผู้ที่ได้รับ จะโชคดีหรือโชคร้าย กำลังเผชิญอะไรอยู่ และควรทำอะไรต่อ แต่เซียมซีของที่นี่มีการนำบทกลอนที่แต่งโดยองค์พระจักรพรรดิเมจิมาไว้ในเซียมซีทุกใบ และส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับจะนิยมนำติดตัวกลับบ้านไปด้วย ไม่ผูกไว้กับต้นไม้เหมือนศาลเจ้าอื่นๆ
• ทำไมศาลเจ้าเมจิเรียกว่า “เมจิจินกู” ไม่เรียกว่า “เมจิจินจะ”
เราก็สงสัยในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่หลังจากค้นข้อมูลก็พบว่าในประเทศญี่ปุ่นเองมีการเรียกศาลเจ้าว่า “จินกู” อยู่ประมาณ 20 กว่าแห่งด้วยกัน โดย “เมจิจินกู” นี้ เป็นศาลเจ้าสำหรับการบูชาคนในราชวงศ์ญี่ปุ่น ทำให้มีชื่อเรียกเป็นพิเศษขึ้นมา แต่ก็ไม่ใช่ศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ญี่ปุ่นเท่านั้น คำว่า “จินกู” จะใช้กับศาลเจ้าที่มีความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา และเทพเจ้าต่างๆ ด้วย เช่น ศาลเจ้าอิเสะจินกู ศาลเจ้าโตเกียวไดจินกู ศาลเจ้ายามากูจิไดจินกู ศาลเจ้าคิริชิมะจินกู เป็นต้น
ทักทายพูดคุยกับทีมงานเจแปนโบรชัวร์ได้ที่ www.facebook.com/JapanBrochure/
เรื่องแนะนำ :
– My Famicase Exhibition นิทรรศการเกมกดของฉัน
– Bookstore AID โครงการช่วยเหลือร้านหนังสือมือหนึ่งและมือสองทั่วประเทศญี่ปุ่น
– ศิลปะการแสดงละครลิงของญี่ปุ่น Saru Mawashi
– Tokyo Good Manners การรับมือเชื้อไวรัส Covid-19 กับความร่วมมือของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น 6 ฉบับ
– Mamezara Utsuwa Exhibition นิทรรศการออนไลน์ ของชามใบเล็กที่แสนจะน่ารัก
#Jingu no Mori Outdoor Sculpture Exhibition นิทรรศการประติมากรรมกลางแจ้งที่ศาลเจ้าเมจิ โอเอซิสใจกลางกรุงโตเกียว