สำหรับผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้ว มักจะนิยมใช้รถไฟ เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่เพียงเพราะแค่ความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่าในการเดินทางเท่านั้น แต่การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น ยังถือเป็น “ประสบการณ์” รถไฟจึงเป็นเสมือนหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ไม่ควรพลาดของจังหวัดหรือภูมิภาคนั้นๆ อีกด้วย
สำหรับผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้ว มักจะนิยมใช้รถไฟ เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่เพียงเพราะแค่ความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่าในการเดินทางเท่านั้น แต่การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น ยังถือเป็น “ประสบการณ์” รถไฟจึงเป็นเสมือนหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ไม่ควรพลาดของจังหวัดหรือภูมิภาคนั้นๆ อีกด้วย
โดยบริษัทรถไฟเจอาร์ที่ดูแลพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ ต่างก็มีรถไฟท่องเที่ยว (Sightseeing Train) ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปเก๋ๆ การตกแต่งที่คิดมาอย่างดี อาหารรสเลิศประจำถิ่น ฯลฯ ไว้ดึงดูดผู้ที่ต้องการจะสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ อีกทั้งยังจัดเตรียมการต้อนรับอย่างเป็นกันเองจากผู้คนในท้องถิ่น อันเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนการเดินทางด้วยรถไฟที่ไหนๆ ในโลก…
ครั้งนี้… เราขอแนะนำ รถไฟท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่นาน และเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยน้อยคนนักที่เคยได้ไปสัมผัส มารู้จักกับรถไฟท่องเที่ยว 2 ขบวน ของ 2 จังหวัด ใน 2 ภูมิภาคนี้กันจ้า
รถไฟ Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari
รถไฟขบวนแรกที่อยากแนะนำ นั่นก็คือ Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari ซึ่งเป็นรถไฟท่องเที่ยวของ JR Shikoku ที่ให้บริการในพื้นที่จังหวัดโคจิ (Kochi) ทางตอนใต้ของเกาะชิโกกุ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2020 โดยมีเส้นทางระหว่างสถานี Kochi และสถานี Kubokawa ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดโคจิโดยรถไฟขบวนนี้ นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังได้สัมผัสประสบการณ์และวิวทิวทัศน์ที่ดีงามที่วิ่งผ่านทั้งภูเขาเขียวชอุ่มและเลาะเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคอีกด้วย
Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari แปลตรงๆ ตัว คือ “เรื่องเล่าของรุ่งอรุณแห่งยุค” เป็นรถไฟที่มาในคอนเซ็ปเพื่อระลึกถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครองช่วงปลายสมัยเอโดะ และความใฝ่ฝันถึงอนาคตที่สดใสของญี่ปุ่น
รถไฟขบวนนี้มีเพียง 2 ตู้เท่านั้น คือ Kuro Fune ที่มาในธีมของเรือดำ ซึ่งถูกกล่าวถึงมากในเชิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นช่วงปลายสมัยเอโดะ (โดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงจังหวัดโคจิ หรือแคว้นโทสะในอดีต) และอีกตู้คือ Sora Fune ซึ่งมีธีมเป็นความฝันสู่อนาคตของท่านเรียวมะ (Sakamoto Ryoma) บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของญี่ปุ่น ผู้ซึ่งถือกำเนิดในจังหวัดโคจิ หรือแคว้นโทสะในอดีตนั่นเอง…
Kuro Fune
Sora Fune
เรียกได้ว่า… นั่งรถไฟขบวนนี้ เราจะได้รับประทานอาหารรสเลิศที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบท้องถิ่น พร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่งดงาม ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนให้ระลึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่ก็มีการแอบวาดฝันไปสู่เรื่องราวในอนาคตด้วย ถือเป็นคอนเซ็ปที่ดีเลยจริงๆ
สำหรับอาหารกล่องบนรถไฟสาย Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari ที่เราอยากแนะนำก็คือเมนู Kaika no sho สไตล์โทสะ ซึ่งจะมีบริการในเส้นทางจากสถานี Kubokawa ไปยังสถานี Kochi ซึ่งจะเป็นการจัดอาหารมาเป็นเบนโตะกล่องสี่เหลี่ยมสองชั้น แยกเป็นเมนูเล็กเมนูน้อย แล้วก็มีเมนูเด็ดประจำจังหวัดโคจิอย่างปลาคัตสึโอะย่างฟาง (Katsuo no Tataki) ด้วยนะ แต่ถ้าเป็นเส้นทางจากสถานี Kochi มุ่งหน้าสู่สถานี Kubokawa จะเป็นเมนูเบนโตะกล่องหกเหลี่ยม ที่อาหารก็จัดเต็มไม่น้อยหน้ากัน เมนูเบนโตะนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากซาวาจิเรียวริ (皿鉢料理―さわちりょうり) ที่เป็นอาหารชุดดั้งเดิมของจังหวัดโคจิ โดยเราสามารถเข้าไปดูอาหารกันก่อนได้ที่ >> https://www.jr-shikoku.co.jp/yoakenomonogatari/enjoy/
เมนูจากปลาคัตสึโอะ ของขึ้นชื่อของที่นี่
รถไฟขบวนท่องเที่ยว Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari นี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้คนในท้องถิ่นเป็นอย่างมากในการต้อนรับนักท่องเที่ยว มีผู้คนออกมาต้อนรับ มีป้ายกล่าวคำทักทาย และมีการโบกไม้โบกมือให้กันอย่างอบอุ่นเมื่อรถไฟขบวนนี้ไปถึงสถานีต่างๆ หรือแล่นผ่านไปยังเมืองของพวกเขา
ในบางสถานีที่รถไฟขบวนนี้จอดแวะ นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่และชาวเมืองมาคอยต้อนรับแล้ว ก็ยังมีการนำเสนอสินค้าพื้นถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกันอีกด้วย น่ารักสุดๆ อาทิ ที่สถานี Sagawa ก็จะแนะนำเป็นพวกกาแฟ สถานี Susaki มีสินค้าแนะนำเป็นราเม็ง (Nabeyaki ramen) เป็นต้น
และถ้าอยากรู้ว่า รถไฟขบวนนี้มีกิจกรรมต้อนรับสไตล์ท้องถิ่น หรือ おもてなし(Omotenashi) อย่างไรกันบ้าง ก็สามารถเข้าไปชมทางเว็บไซต์นี้ได้เลย >> https://www.jr-shikoku.co.jp/yoakenomonogatari/hospitality/
การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวเมือง ที่สถานีอาวะ (Awa Station)
สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดโดยรถไฟ Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari
Shimanto River – แม่น้ำชิมันโตนั้น เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดโคจิและภูมิภาคชิโกกุ มีความยาวถึง 196 กม. ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในภูมิภาคชิโกกุ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นแม่น้ำที่มีความสะอาด บริสุทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย อาหารท้องถิ่นที่ทำจากปลาไหลน้ำจืดและปลาอายุ ที่มักจะอาศัยอยู่ในน้ำคุณภาพดี จึงเป็นเมนูเด็ดของแถบนี้
สะพานชินกะ
ที่นี่… เราจะสามารถไปชมสะพานจมน้ำ (สะพานชินกะ) เอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของที่นี่ เพราะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ ในฤดูน้ำหลากจะปล่อยให้น้ำท่วมมิด เพื่อให้เศษซากต่างๆ ดินโคลน ต้นไม้ที่หักโค่น รวมถึงเรือ ไหลผ่านไปตามกระแสน้ำ โดยไม่ทำให้ตัวสะพานเสียหาย โดยที่แม่น้ำชิมันโตนั้น มีสะพานแบบสะพานชินกะนี้อยู่หลายแห่งทีเดียว
ยาคาตาบูเนะ
นอกจากนี้ที่แม่น้ำชิมันโต ยังมีกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการเล่น SUP Board ซึ่งเป็นกิจกรรมรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ด้วย หรือถ้าอย่างชิลว่านั้น… ก็มีกิจกรรมล่องเรือบ้านแบบดั้งเดิม (ยาคาตาบูเนะ) ดื่มด่ำกับอาหารท้องถิ่น พร้อมชมวิวสองฝั่งแม่น้ำที่ใสสะอาดกันได้ด้วย
Katsurahama Beach – ชายหาดรูปทรงโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ที่บริเวณ Katsurahama Park เป็นจุดถ่ายรูปยามเย็น รวมถึงจุดชมพระจันทร์ยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมมากในจังหวัดโคจิ แล้วยังเป็นที่ตั้งของ Katsurahama Aquarium อีกด้วย ไม่ไกลกันยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Sakamoto Ryoma บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ของที่นี่ และมีพิพิธภัณฑ์ The Sakamoto Ryoma Memorial Museum อยู่ด้วย ส่วนที่เป็นร้านของฝากของที่ระลึกในบริเวณ Katsurahama Park ก็ค่อนข้างใหญ่ สามารถเลือกซื้อสินค้าที่หลากหลายได้จากที่นี่
Katsurahama Park
Niyodo River – แม่น้ำนิโยโด เป็นอีกหนึ่งแม่น้ำไฮไลท์สำคัญของจังหวัดโคจิ อันก่อเกิดจากขุนเขา ลำธาร น้ำตก หลายสายในพื้นที่นี้ จึงมีจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่มีความงามตามธรรมชาติมากมายหลายจุด แม่น้ำแห่งนี้… ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่มีความใสมากๆ ใสจนเราสามารถมองเห็นปลามากมายแหวกว่ายกันอย่างอิสระ ใสจนสามารถมองเห็นเงาของเรือที่เรานั่งสะท้อนอยู่ที่ก้นแม่น้ำเลยทีเดียว
แม่น้ำนิโยโด
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีกิจกรรมยอดนิยมอย่างหนึ่งเกิดขึ้นที่แม่น้ำนิโยโดแห่งนี้… นั่นก็คือ การพายเรือคายัคพื้นใส ที่จะทำเรามีโอกาสชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของที่นี่อย่างใกล้ชิด
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งในจังหวัดโคจิ ที่เราสามารถเดินทางได้ท่องเที่ยวกันได้ด้วยรถไฟ Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari ซึ่งที่จริงแล้ว… ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายเลยบนเส้นทางรถไฟสายนี้ ที่คุณ ไม่.. ควร.. พลาด.. วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า ก็หวังว่าทุกคนจะไปลองสัมผัสประสบการณ์กันดูน๊า
และนอกจาก JR Shikoku จะมีรถไฟท่องเที่ยวอย่าง Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari แล้ว ก็ยังมี Iyonada Monogatari และ Shikoku Mannaka Sennen Monogatari ที่ในบริการในเส้นทางอื่นๆ อยู่ด้วย ไปลองกันได้เช่นกัน
Shikoku Tosa Toki no Yoake no Monogatari (ให้บริการในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เว็บไซต์: https://www.jr-shikoku.co.jp/yoakenomonogatari/en/index.html
รถไฟ 36+3
ล่องใต้กันอีกนิด ลงไปที่จังหวัดซากะ (Saga) ทางตะวันตกของเกาะคิวชู ไปต่อกันด้วยรถไฟขบวน 36+3 (Sanju-Roku Plus San) เป็นรถไฟท่องเที่ยวสุดหรูของ JR Kyushu ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2020 และมีให้บริการถึง 5 เส้นทางไฮไลท์เพื่อการท่องเที่ยวรอบเกาะคิวชู โดยจะเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งไปในแต่ละวันของสัปดาห์ (Hakata – Kagoshima Chuo, Kagoshima Chuo – Miyazaki, Miyazaki – Beppu, Oita – Hakata, และ Hakata – Sasebo)
รถไฟ 36+3 มีชื่อมาจากการอ้างอิงถึงเกาะคิวชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 36 ของโลก แต่ก็แอบเพิ่ม +3 เข้าไป ซึ่งมีความหมายมาจาก “ผู้โดยสาร” “ภูมิภาค” และ “JR Kyushu” รวมกันแล้วจึงเท่ากับ 39 โดย ‘39’ ออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “san kyu” อันมีความพ้องกับคำว่า “thank you” ได้เป็นความหมายแฝงว่าขอบคุณ เป็นนัยยะเพื่อจะขอบคุณผู้โดยสารทุกคนที่ใช้บริการกันมาโดยตลอดอีกด้วย เป็นชื่อที่ดี มีความหมายได้ใจแบบสุดๆ
โดยรถไฟ 36+3 นี้ใช้รถไฟรุ่น 787 ที่วิ่งนุ่ม วิ่งเงียบ และทำความเร็วได้ดี และตกแต่งมาอย่างเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร ภายนอกมาในธีมสีดำเท่ๆ ดูเคร่งขรึม ภายในทั้ง 6 ตู้ จะคลุมโทนด้วยการตกแต่งบริเวณหน้าต่างที่คล้ายกับประตูบานเลื่อนกระดาษเพื่อชมสวนในบ้านของคนญี่ปุ่น แต่ก็มีการตกแต่งที่ลงรายละเอียดแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละตู้ คือ…
ตู้ที่ 1 เป็นโซนห้องส่วนตัว มีทั้งหมด 4 ห้อง ห้องละ 3 – 4 คน ใช้เสื่อทาทามิและไม้ในการตกแต่งเป็นหลัก
ตู้ที่ 2 ก็ยังเป็นโซนห้องส่วนตัว มีทั้งหมด 3 ห้อง ห้องละ 3-6 คน มีการตกแต่งหรูหราสไตล์ตะวันตก ที่นั่งเป็นเบาะบุนุ่มๆ
ซึ่งตู้นี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ด้วย (มีห้องที่สามารถรองรับวีลแชร์ได้ 1 ห้อง)
ตู้ที่ 3 เป็นโซนห้องส่วนตัวเช่นกัน แต่ก็มีส่วนของอาหาร ขนม และเครื่องดื่มท้องถิ่นให้บริการที่ตู้นี้ด้วย
ตู้ที่ 4 เป็นโซนเลาจน์ ที่มีเคาน์เตอร์ยื่นออกมาเล็กน้อย พร้อมเก้าอี้ให้เราเลื่อนลุกนั่งได้อย่างสะดวกสบาย
ตู้นี้โล่งกว้าง เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมย่อยๆ ได้เลย
ตู้ที่ 5 เป็นตู้โดยสาร แบบที่นั่ง ตกแต่งด้วยพื้นไม้ มีที่นั่งคู่และที่นั่งเดี่ยว
(ที่นั่งจะสลับเดี่ยวกับคู่ ไปทางด้านซ้ายหรือขวา โดยเปลี่ยนไปตามทิศทางที่รถวิ่ง มีทิวทัศน์ให้ชมทั้งวิวทะเลและภูเขา)
ตู้ที่ 6 เป็นตู้โดยสาร แบบที่นั่ง คล้ายกับตู้ที่ 5 ตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิ มีที่นั่งคู่และที่นั่งเดี่ยว
(ที่นั่งจะสลับเดี่ยวกับคู่ ไปทางด้านซ้ายหรือขวา โดยเปลี่ยนไปตามทิศทางที่รถวิ่ง มีทิวทัศน์ให้ชมทั้งวิวทะเลและภูเขา)
นอกจากการออกแบบตกแต่งแล้ว… เส้นทางการเดินรถไฟของขบวน 36+3 ก็ไม่เหมือนใคร คือเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถให้ไปชมวิว ชมบรรยากาศในเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากฮากาตะ – ซากะ – ซาเซโบะ (เส้นทางเดินรถวันจันทร์) ด้วย โดยมีสถานีที่เป็นจุดต้อนรับของท้องถิ่น ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะลงไปพบปะ ถ่ายรูป ชิมขนม ซื้อของฝาก ฯลฯ แตกต่างกันไป เช่น เส้นทางของวันจันทร์ ก็จะจุดแวะกันที่อยู่ที่สถานี Kami-arita ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังสถานีปลายทาง…
ส่วนอาหารกล่องบนรถไฟ (Obento) ของรถไฟขบวน 36+3 ก็มีให้เลือกหลากหลาย เพราะรถไฟขบวนนี้ มีถึง 5 เส้นทาง ในแต่ละเส้นทางก็จะมีเมนูและราคาให้เลือกหลากหลาย ดังนั้นไม่ว่าจะมาขึ้นรถไฟขบวน 36+3 สักกี่ครั้ง ก็จะได้ประสบการณ์ด้านอาหารที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาหารกล่องบนรถไฟ 36+3 นี้ ก็จำเป็นจะต้องทำการจองล่วงหน้าด้วยนะ
และเมนูที่อยากจะแนะนำในเส้นทางวันจันทร์ (จังหวัดซากะ) ก็คือ 博多から西九州へ ご馳走御膳 หรือ “เมนูเฉลิมฉลองจากฮากาตะถึงคิวชูตะวันตก” ซึ่งสามารถเข้าไปส่องเมนูกันล่วงหน้าได้ที่นี่เลย >> https://www.jrkyushu-36plus3.jp/guidance/lunch/monday-sasebo/#routeTop_room
สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดโดยรถไฟ 36+3 (เส้นทางวันจันทร์ จังหวัดซากะ)
Oouo Shrine – ศาลเจ้าโออุโอะ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล Ariake เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าในญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการชมเสาโทริอิกลางน้ำ (ทั้งช่วงน้ำขึ้น และน้ำลง) แล้วในช่วงเดือนสิงหาคม ยังมีการจัดเป็นเทศกาลโคมไฟ โดยนำโคมกว่า 500 ดวง มาวางเรียงรายบนหาด ให้บรรยากาศที่โรแมนติกมากๆ
Hamanoura Terraced Rice Fields – บรรยากาศนาขั้นบันไดที่เมืองฮามาโนะอุระซึ่งอยู่ติดกับทะเล Genkai นั้น เป็นสุดยอด photo spot ที่นักถ่ายภาพไม่ควรพลาด มาตอนกลางวันก็จะได้ฉากของต้นข้าวเขียวขจีตัดกับท้องทะเลสีฟ้าคราม แต่ถ้ามาตอนเย็น ก็จะได้ฉากของแสงอาทิตย์ตกสะท้อนกับน้ำทะเลเป็นสีทองอร่าม โดยเฉพาะในช่วงกลางปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีน้ำขังอยู่บริเวณนาขั้นบันได ก็จะได้ฉากเป็นแสงอาทิตย์ตกสะท้อนกับน้ำ เป็นวิวที่แปลกตาเหมือนพื้นดินจรดกับพื้นน้ำ แสงละมุนสวยจนลืมไม่ลงเลยล่ะ
Hamanoura Terraced Rice Fields
Saga International Balloon Fiesta – ถ้าพูดถึงจังหวัดซากะ จะพลาดอีเว้นท์สำคัญอย่างการชมบอลลูนนานาชาติของที่นี่ไม่ได้ เพราะเป็นเทศกาลใหญ่ประจำปีที่รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก และฉากของบอลลูนหลากหลายรูปทรง หลากหลายขนาด สีสันละลาน ที่ล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้า ควรค่าที่จะมาชมบรรยากาศและเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกมากทีเดียว เทศกาลนี้จะจัดขึ้นราวปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่บริเวณใกล้แม่น้ำคาเสะ (Kase River) และในช่วงเทศกาลก็จะเปิดสถานีรถไฟ JR Balloon Saga Station ขึ้นโดยเฉพาะ การเดินทางมาโดยรถไฟจึงสะดวกมากๆ
Saga International Balloon Fiesta
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจังหวัดซากะ ที่สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 36+3 ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่สามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยรถไฟขบวนนี้ อย่าพลาดไปลองใช้บริการ และสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำใครโดยรถไฟขบวนนี้กันได้น๊า
และสำหรับรถไฟท่องเที่ยวของ JR Kyushu นั่น ขอบอกเลยว่า… ยังมีอีกเยอะ! ซึ่งมีเส้นทางกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะคิวชู อาทิ Yufuin no Mori, ASO BOY!, A-Train, Umisachi Yamasachi, และ Two Stars 4047 เป็นต้น วางแผนเที่ยวคิวชูครั้งหน้าก็อย่าพลาดกันนะ
36+3 Train (ให้บริการในวันพฤหัส – วันจันทร์)
เว็บไซต์: https://www.jrkyushu.co.jp/english/pdf/what_is_36plus3.pdf
และนี่คือรถไฟท่องเที่ยวจาก JR Shikoku และ JR Kyushu ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เพราะเชื่อว่านักท่องเที่ยวไทย น้อยคนนักที่จะเคยไปสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยรถไฟที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้งสองขบวนนี้ หวังว่าจะเป็นทางเลือกในการวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวทั้งสองภูมิภาคนี้ในอนาคตของทุกๆ คนนะ
สามารถชมบรรยากาศการท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลย
แล้วไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟกันจ้า….
เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวโคจิด้วยรถไฟกัน
– ลุ้นบินฟรีไปคิวชูกับการท่องเที่ยวคิวชู
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 3 “Kochi”
– โคจิ (Kochi) แดนเกิดแห่งซามูไรหัวก้าวหน้าแห่งแคว้นโทสะ
– แช่ออนเซ็นในอ่างกระเบื้องเคลือบแบบชิวๆ ที่ซากะ
#เที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟท่องเที่ยวขบวนใหม่ที่ Kochi และ Saga #JR Kyushu #JR Shikoku