วันนี้เราจะพาทุกท่านมานั่งชิลๆ ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองโทโนะ จังหวัดอิวาเตะ ชื่อ on-cafe ซึ่งเกิดจากไอเดียของคุณคิคุจิ เรโกะ ที่ย้ายมาอยู่อาศัยที่เมืองนี้ตามการงานของสามี
วันนี้เราจะพาทุกท่านมานั่งชิลๆ ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองโทโนะ จังหวัดอิวาเตะ ชื่อ on-cafe ซึ่งเกิดจากไอเดียของคุณคิคุจิ เรโกะ ที่ย้ายมาอยู่อาศัยที่เมืองนี้ตามการงานของสามี
เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วจะสัมผัสกับบรรยากาศบ้านสมัยเมจิ นั่งแล้วรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เป็นเรื่องราวของการสร้างคาเฟ่ที่รีโนเวทบ้านสมัยก่อนด้วยตัวคนเดียว จนทุกวันนี้ถือเป็นคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงของเมือง ผู้คนจากต่างเมืองขับรถมาเยือนกันไม่ขาดสาย
ผันตัวมาเป็นคนชนบท
เดิมทีคุณเรโกะอาศัยอยู่ในตัวเมืองของจังหวัดอิวาเตะมาก่อน จนกระทั่ง 16 ปีก่อนที่สามีต้องย้ายสาขาที่ทำงานมาอยู่ที่เมืองโทโนะ ซึ่งเป็นเมืองที่ชนบทมากๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ธรรมชาติ ห้างร้านและคาเฟ่เก๋ๆมีน้อยมาก ทำให้คุณเรโกะที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มาโดยตลอดรู้สึกสับสนและไม่ค่อยสบายใจกับการมาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้สักเท่าไหร่
หนึ่งในเหตุผลที่รู้สึกไม่ชอบคือหิมะตกเยอะกว่าในตัวเมือง อากาศค่อนข้างหนาวและขับรถไปไหนมาไหนลำบาก ทำให้ปีแรกที่ย้ายมาอยู่นั้นแทบจะไม่ได้ออกจากบ้านเลย
เซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์
นอกจากนี้เมืองโทโนะยังเป็นเมืองบ้านเกิดของสามี เมื่อกำหนดการของบริษัทให้ย้ายออกอย่างเป็นทางการ ทำให้ตัดสินใจว่าจะมาอยู่บ้านเดียวกับครอบครัวสามี ซึ่งตอนแรกคุณเรโกะก็ตื่นเต้นที่จะได้แช่อ่างอาบน้ำโบราณที่ต้มน้ำด้วยฟืนไม้
แต่แล้วฝันสลายเมื่อมาพบว่าคุณแม่สามีหวังดีอยากให้ลูกๆได้ใช้ห้องน้ำที่ใหม่และสะอาด จึงได้เรียกช่างมาเปลี่ยนเป็นอ่างอาบน้ำแบบปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่คุณเรโกะรู้สึกตื่นเต้นในครั้งแรกนั้นเป็นเพราะว่าเดิมทีเธอทำงานเกี่ยวกับการจัดบ้าน และคนรุ่นใหม่ๆ ก็มักจะรื้ออ่างอาบน้ำโบราณทิ้งกันตอนรีโนเวทบ้าน บอกว่าเก่าบ้าง สกปรกบ้าง ทั้งๆ ที่คุณเรโกะมองว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะของโบราณก็มีความสวยงามและเสน่ห์ที่ของใหม่ๆ ไม่มีเหมือนกัน
ต้นเหตุที่คิดอยากเปิดคาเฟ่
เมื่อคุณเรโกะเห็นคุณค่าของของโบราณ จึงค่อยๆ สะสมข้าวของเครื่องใช้ ของแต่งบ้านรวมถึงนิตยสารโบราณมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งถูกถามขึ้นมาว่าสะสมมากมายขนาดนี้จะเอาไปทำอะไร จึงทำให้คุณเรโกะกลับขอคำปรึกษาว่าถ้าเปิดเป็นคาเฟ่แล้วนำของที่สะสมไว้มาวางตกแต่งให้ผู้คนได้เห็นจะดีไหม
แน่นอนว่าช่วงแรกๆ ไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเธอ เพราะการมาเปิดคาเฟ่ที่เมืองชนบทแบบนี้ ไม่มีลูกค้ามานั่งหรอก แต่เธอก็ยังคงมีใจที่อยากจะทำและพยายามเสนอไอเดียต่างๆ จนคนรอบข้างเธอก็คิดว่าห้ามไปก็เท่านั้น จึงเปลี่ยนเป็นให้กำลังใจ พร้อมที่จะสนับสนุน ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จก็ถือว่าได้ลองทำแล้ว ก็แค่เปลี่ยนไปทำงานอื่นแทนก็แค่นั้น
จากนั้นเธอก็เริ่มหาสถานที่ รีโนเวท และตกแต่ง จนในที่สุดเมื่อปี 2010 ร้าน on-cafe ก็ได้เปิดตัว
ทำงานในสิ่งที่ชอบก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อย
การที่เธอทำร้านอยู่คนเดียว บางครั้งตื่นมาไม่สบายก็อยากจะหยุดร้าน แต่หากหยุดก็จะมีผลกระทบว่าร้านนี้หยุดกระทันนอกจากวันหยุดที่แจ้งไว้ด้วยหรือ ซึ่งจะมีผลทำให้ร้านเสียภาพพจน์ แต่หากฝืนร่างกายตัวเองมากไปตัวเราก็จะไม่ไหวเสียก่อน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเดินสายกลางไม่หักโหมจนเกินไป แต่ก็ต้องมีใจสู้ไม่อย่างนั้นก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่น่ารอดเช่นกัน
พื้นที่แห่งความอบอุ่น
สิ่งหนึ่งที่เธอได้จากการสร้างคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นมาคือความสัมพันธ์และมิตรภาพใหม่ๆ จากผู้คนที่มาเยือน
พอเธอมีไอเดียที่จะทำโปรเจ็คอะไรใหม่ๆ ก็มีคนให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ นอกจากคนในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่อบอุ่นหัวใจมากๆ เมื่อเทียบกับช่วงแรกที่เธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่อยากออกไปไหน
การที่มีผู้คนเหล่านี้ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงทำให้เธอได้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกโดดเดี่ยว และพูดได้เต็มปากว่ามีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เมืองโทโนะแห่งนี้
ของสะสมตกแต่งในคาเฟ่
หากพูดถึงคาเฟ่ของเธอ บอกได้เลยว่าเป็นคาเฟ่ที่อยู่แล้วรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ของสะสมแต่ละชิ้นที่แตกต่างกัน บางสิ่งบางอย่างดูไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ แต่พอคุณเรโกะนำมาตกแต่งในคาเฟ่แล้วรู้สึกว่าทุกอย่างกลมกลืนไปในทางเดียวกัน และหากมองของแต่ละชิ้นก็เพลิดเพลินต่างกัน
เธอจึงบอกว่ามันก็เหมือนกับมนุษย์เราบนโลกใบนี้ ทุกคนย่อมมีนิสัย บุคลิก ความชอบต่างกัน แต่กาลเวลา และจังหวะจะทำให้เราได้มาพบเจอกัน ได้มาเรียนรู้ข้อดีที่แต่ละคนมี
วัตถุดิบที่เลือกใช้
ช่วงแรกที่เริ่มคิดเมนู เธออยากจากเน้นเมนูที่ใช้ผักเป็นหลัก เพราะเมืองโทโนะเป็นเมืองแห่งการเกษตรมีผักที่อร่อย โดยเน้นใช้เฉพาะผักออแกนิคเท่านั้น
และมีรับซื้อผักที่รูปทรงแปลกๆ ที่เกษตรกรไม่สามารถไปวางจำหน่ายตามซุปเปอร์ได้ด้วย เพราะเธอมองว่าผักเหล่านั้นก็รสชาติอร่อยเหมือนกัน เพียงแต่รูปทรงอาจจะผิดแปลกไปหน่อย เมื่อเธอมาปรุงอาหารก็ทานได้เหมือนกัน และอยากให้ลูกค้าที่มาทานได้ลิ้มรสความอร่อยของวัตถุดิบเหล่านั้น ไม่ใช้มองแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
บทความสัมภาษณ์ https://motokurashi.com/iwate-tono-oncafe/20150921
ร้าน on-cafe
บล็อกของร้าน : https://ameblo.jp/on-cafe/
เปิด : 11.00 – 17.00 น. (L.O. 16.30 น.)
หยุด : วันอาทิตย์และวันหยุดราชการ
โทร : 0198-62-7700
การเดินทาง : เดินจากสถานีJR Tono 4 นาที
Google map : https://maps.google.com/?cid=9053190680712450989
เรื่องแนะนำ :
– สถานีริมทางอนุสรณ์สึนามิกับต้นสนปาฏิหาริย์ Michi no Eki Takata Matsubara
– รีสอร์ทก้อนเมฆ Hoshino Resorts TOMAMU
– Hotel Shojuen โรงแรมตำนานกุมารทองญี่ปุ่น
– สาเกที่อยากให้ผู้ดื่มมีความสุขที่สุด
– เกษตรกรแนวใหม่คิดนอกกรอบ
#on-cafe จุดเปลี่ยนมุมมอง จังหวัดอิวาเตะ