Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
  • Home
  • Kyoto
  • Tohoku
Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
Marumura Travel : วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง :
  • Home
  • Kyoto
  • Tohoku
  • ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น
  • เที่ยวนีงาตะ Niigata
  • เที่ยวฟุกุชิมะ Fukushima
  • เที่ยวมิยางิ Miyagi
  • เที่ยวยามางาตะ Yamagata
  • เที่ยวอาคิตะ Akita
  • เที่ยวอาโอโมริ Aomori
  • เที่ยวอิวาเตะ Iwate

เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน

  • 20/03/2021
  • 3 minute read
  • marumura

การท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุในช่วงฤดูร้อน นอกจากเราจะได้ไปถ่ายรูปสวยๆ ชมความสดชื่นของป่าเขา ลำธาร และเกาะแก่งแล้ว เรายังแอบใส่เทศกาลเจ๋งๆ ของภูมิภาคนี้ เอาไว้ในแผนการเดินทางได้ด้วย

บทความโดย : ทีมงาน www.marumura.com

ถ้าพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน ก็ต้องไม่พลาดงานเทศกาลฤดูร้อนที่มีทั้งแสง สี เสียง มีงานเทศกาลดอกไม้ไฟ มีการร้องเล่นเต้นรำ และกลองเข้าจังหวะสนุกสนาน …

ดังนั้น เส้นทางเดินทางท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮขุในช่วงฤดูร้อนก็เช่นกัน เราไม่ได้จะไปถ่ายรูปสวยๆ ชมความเขียวชะอุ่มสดชื่นของป่าเขา ลำธาร เกาะแก่งเพียงเท่านั้น แต่เราก็จะแอบใส่เทศกาลเจ๋งๆ ของภูมิภาคนี้ เอาไว้ในแผนการเดินทางด้วย

เรามาเริ่มต้นเส้นทางการเดินทางในช่วงฤดูร้อนที่ภูมิภาคโทโฮขุ ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจกันเลย

เราชอบเส้นทางท่องเที่ยวแบบค่อยๆ ล่องลงมา หากจะเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงโตเกียว เราจึงขอแนะนำว่าให้ออกเดินทางด้วยรถไฟชิงกันเซน มุ่งหน้าสู่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) แล้วค่อยเริ่มเที่ยวกันจ้าาาาา

จากกรุงโตเกียว.. นั่งรถไฟชิงกันเซน ก็จะใช้เวลาเดินทางเกือบๆ สามชั่วโมงครึ่ง ถือว่าเร็วมากๆ และถ้าใครอยากประหยัด ก็ลองเลือกใช้ Pass ของรถไฟที่เหมาะสมกับการเดินทางดูนะ

 

Aomori Nebuta Festival

เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน

Credit Photo: ©Yasufumi Nishi/©JNTO

ในช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคโทโฮขุ ทั้ง 6 จังหวัดจะจัดงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี เรามาเริ่มต้นที่อาโอโมริ ก็เพราะว่าที่นี่มีเทศกาลฤดูร้อนที่เรียกได้ว่าจัดใหญ่! นั่นก็คือ Aomori Nebuta Festival ซึ่งโดยทั่วไปจะจัดงานระหว่างวันที่ 2 – 7 สิงหาคมของทุกปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ความโดดเด่นของเทศกาลนี้ คือขบวนแห่ที่สร้างขึ้นจากโครงหุ่นไม้ไผ่ขนาดใหญ่ บุด้วยกระดาษ วาดลวดลายที่สวยงามแต่แอบดุดัน (ส่วนใหญ่เป็นลายตัวละครจากละครคาบุกิหรือไม่ก็เทพเจ้าตามตำนานของชาวญี่ปุ่น) และประดับด้วยแสงไฟ (แบบดั่งเดิมก็คือใช้แสงจากเทียน) ให้เหมือนเป็นโคมไฟกระดาษขนาดยักษ์แบบอาร์ตๆ ที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับรถแห่แต่ละคันได้เป็นอย่างดี อันเป็นที่มาของชื่อเล่นของเทศกาลนี้ “เทศกาลแห่งไฟ”

โครงหุ่นกระดาษยักษ์บนรถแห่เหล่านี้ เรียกว่า “เนบุตะ” ดัดแปลงมาจากการลอยโคมในช่วงเทศกาลทานาบาตะ (Tanabata) ก็ถือเป็นการโชว์ผลงานศิลปะดั้งเดิมของช่างฝีมือญี่ปุ่นในแถบนี้กันเลยทีเดียว เนบุตะแต่ละคัน เดิมทีจะถูกสร้างขึ้นจากแต่ละเมืองใน Aomori เพื่อนำมาเข้าร่วมขบวนแห่ เป็นงานฝีมือที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แล้วผลงานเนบุตะแต่ละชิ้น รวมทั้งนักแสดงประกอบในขบวน คือแต่ละทีมก็จะถูกให้คะแนน และมีรางวัลให้ด้วย

รถแห่แต่ละคันก็มีขนาดใหญ่มาก จึงต้องใช้คนเยอะในการขับเคลื่อน รวมทั้งยังมีคนเต้นระบำที่เรียกว่า Haneto อยู่ในขบวน มีนักดนตรีทั้งเป่าขลุ่ยและตีกลองอีก แต่ละขบวน.. เรียกว่า ‘งานใหญ่’ แบบเถิดเทิงของจริง!!

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลนี้ (ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ชม) ก็สามารถเช่าชุดเซ็ตพิเศษในราคา 4,000 เยน (Haneto Dress Rental) เพื่อแต่งตัวไปอยู่ในกลุ่มนักเต้นระบำ (Haneto) คอยตะโกน “Rassera, rassera” ตามจังหวะได้ด้วย

ในช่วงเทศกาล สองสามวันแรกก็จะจัดแบบกรุบกริบเรียกแขกไปก่อน แต่จะเริ่มบันเทิง วันที่เป็นงานจัดใหญ่ จัดเต็มจริงๆ ก็คือ 4 – 7 สิงหาคม ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในช่วงเทศกาลเนบุตะนี้ ถึงปีละราวๆ 3 ล้านคน!

แต่ถ้านักท่องเที่ยวมาเยือน Aomori ในช่วงที่ไม่ใช่งานเทศกาลฯ ก็ยังสามารถไปชมเรื่องราวและงานศิลปะในขบวนแห่เนบุตะได้ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ WA-RASSE นะ ที่นี่มีข้อมูลครบมากๆ เลยล่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : รอบๆ สถานีรถไฟ Aomori และใจกลางเมือง Aomori City
ช่วงเวลาเทศกาล : 2-7 ส.ค. ของทุกปี (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
ค่าบริการ : เข้าชมงานฟรี / ค่าจองที่นั่งชม 2,000 เยน / ค่าเช่าเซ็ตเข้าร่วมขบวน 4,000 เยน / ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เนบุตะ ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็กโต 460 เยน เด็กเล็ก 260 เยน)
การเดินทาง : จากสถานี JR Aomori สามารถเดินไปยังงานเทศกาลได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_10046.html

 

Omagari Firework Festival

เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน
Credit Photo: https://akita-fun.jp/

เทศกาลต่อไปอยู่ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) คืองาน Omagari Firework Festival จัดขึ้นตอนปลายเดือนสิงหาคม (วันเสาร์ที่ 4 ของเดือน) เป็นงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่เจ๋งมากๆๆๆๆๆๆ แล้วก็อยู่ในจังหวัดติดกับ Aomori และจังหวัด Iwate ที่เราจะไปเที่ยวกันต่อ เลยขอแปะแนะนำไว้ ณ ตรงนี้เลย (^^)

นอกจากเทศกาลร้องรำทำเพลงกันแล้ว ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น งานเทศกาลดอกไม้ไฟต้องมาจ้าาาาา เรียกได้ว่ามีกันแทบทุกเมือง แต่ที่ Omagari Firework Festival นี้ ถือเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยจ้า ช่างฝีมือที่ทำดอกไม้ไฟจะงัดความรู้ ความชำนาญ เทคนิคต่างๆ รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์มาโชว์กันอย่างเต็มที่

ช่างดอกไม้ไฟแต่ละคนที่มางานนี้เป็นตัวท็อปจากทั่วประเทศ ถือเป็นเซียน เป็นระดับชั้นครู ในด้านนี้กันทั้งนั้น ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน เพราะนี่..ไม่ใช่แค่งานแสดงดอกไม้ไฟธรรมดา แต่เป็นการประชันฝีมือกัน (ชิงถ้วยนายกฯ ประมาณ Japan’s National Firework Competition) ผลประโยชน์ที่ตกมาถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราเต็มๆ ก็คือ ได้ดูของดี แถมฟรีอีกต่างหาก แค่ต้องแย่งชิงโลเคชั่นเจ๋งๆ กันเอาเองเท่านั้น (^^)’

วันงาน (วันแข่งขันนั่นแหล่ะ) มีแค่วันเดียว… แต่เชื่อหรือไม่… มีผู้ที่เดินทางมาชมดอกไม้ไฟในงานนี้ แต่ละปีมีมากกว่า 750,000 คน!! อย่างเจ๋งอ่ะ!

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : Omagari, Daisen City, Akita (Omagari Hanabi Park ริมฝั่งแม่น้ำ Omono)
วันเทศกาล : วันเสาร์ที่ 4 ของเดือนสิงหาคมของทุกปี
ค่าบริการ : ชมฟรี
การเดินทาง : จากสถานี Omagari เดินประมาณ 25 – 30 นาที (ถ้าขับรถไป ก็ต้องซื้อตั๋วลานจอดรถล่วงหน้า อันนี้ต้องเตรียมตัวให้ดี)
เว็บไซต์ : https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_10050.html

 

Geibikei Gorge

Credit Photo : marumura

มาชมความงดงามตามธรรมชาติของจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) กันต่อเลย จุดนี้เหมาะกับการมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนมากๆ หุบเขาเกบิเค (Geibikei Gorge) จ้า

หุบเขา.. ช่องเขา.. หรือโตรกธาร.. ก็แล้วแต่จะเรียกละกันนะ จุดนี้มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นจุดที่แม่น้ำ Satetsu ที่กัดเซาะริมฝั่งมาเป็นระยะเวลายาวนานนนนน เซาะลึกลงๆๆๆ จนริมฝั่งกลายเป็นกำแพงหินปูนสูงตระหง่าน บางจุดสูงถึง 100 เมตร!!

ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การล่องเรือผ่านหุบเขาแห่งนี้นั่นเอง คนแจวเรือก็จะเล่าเรื่องราว ชี้ชวนให้ชมจุดนั้น จุดนี้ไปเรื่อยๆ แต่สิ่งดึงดูดที่แท้จริงคือการได้ฟังเพลง Keibi Oiwake ที่คนแจวเรือขับร้อง แล้วเสียงก็สะท้อนก้องไปมาในหุบเขาที่มีแบล็คกราวน์เป็นเสียงแห่งธรรมชาติ โรแมนติก?!? อาจจะไม่ใช่ซะทีเดียว เรียกว่าเป็นเสน่ห์สไตล์ญี่ปุ่นอย่างหนึ่งก็แล้วกัน

หุบเขาเกบิเคเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากว่า 100 ปี และเป็นจุดล่องเรือจุดเดียวในญี่ปุ่น ที่สามารถแจวไป-แจวกลับได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ช่วยเลย
แถมที่นี่ ยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม แตกต่างกันไปในทุกฤดูกาลอีกด้วย อย่างช่วงฤดูร้อน ถ้าไปตอนฝนตกปรอยๆ ก็อาจจะได้เห็นทะเลหมอกบางๆ ลอยอยู่เหนือน้ำ เท่ไปอี๊กกกกก

กิจกรรมล่องเรือนี้ใช้เวลาล่องไป-กลับ ประมาณ 90 นาที ชมหน้าผาหินสูง สายน้ำใส น้ำตก และธรรมชาติรอบตัวไปเรื่อยๆ โดยที่ต้นน้ำก็จะมีจุดให้ลงจากเรือ ไปเดินเล่นตามทางเดินในหุบเขาได้ประมาณ 15-20 นาที ก่อนกลับก็จะมีจุดที่เราสามารถเสี่ยงทายโดยการโยนหินเพื่อความโชคดีอยู่ด้วย สายมูก็ไม่ควรพลาดกันนาาาาา

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Nagasaka Azamachi, Higashiyama-cho, Ichinoseki, Iwate 029-0302
เปิดบริการ : ตลอดปี (เม.ย.-ส.ค. เปิด 08.30-16.30 น. / ก.ย.-10 พ.ย. เปิด 08.30-16.00 น. / 11-20 พ.ย. เปิด 08.30-15.30 น. / 21-30 พ.ย. เปิด 09.30-15.00 น. / ธ.ค.-มี.ค. เปิด 10.00-14.00 น.)
ค่าบริการ : ค่าล่องเรือ ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 900 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Ichinoseki (Ofunato Line) มาลงที่สถานี Geibikei แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://www.geibikei.co.jp/th/index.html

 

Sendai Tanabata Festival

Credit Photo : marumura

เอาจ้าาาาา จากอิวาเตะ (Iwate) ลงใต้มาเรื่อยๆ จนถึงจังหวัดมิยางิ (Miyagi) กันแล้ว มาเที่ยวงานเทศกาลกันอีกหนึ่งงานจ้า หน้าร้อนแบบนี้ต้องจัดให้เหงื่อโทรมกายกันไปเลย!

เทศกาลแห่งดวงดาว หรือเทศกาลขอพรจากดวงดาว เป็นเทศกาลเก่าแก่ตามตำนานของญี่ปุ่น แต่งาน Sendai Tanabata Festival นี้ ถือเป็นงานทานาบาตะที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว และเป็นเทศกาลที่อยู่คู่กับชาวเมืองเซนไดมากว่า 300 ปีเลยนะ

ในช่วงเทศกาล ทั่วทั้งเมืองจะถูกประดับประดาไปด้วยไม้ไผ่และกระดาษญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ตามประเพณี (ถือเป็นงานเทศกาลที่ใช้กระดาษญี่ปุ่น หรือ Washi ที่โด่งดังเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นเลยด้วย) ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟอีก ซึ่งทำให้เทศกาลนี้สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วทั้งญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ปีละกว่า 2 ล้านคน!

เมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะจัดงานทานาบาตะในวันที่ 7 กรกฎาคมของทุกปี และในบางจังหวัดจะจัดในเดือนสิงหาคม ก็เป็นไปตามความเชื่อของผู้จัดงาน ว่าจะเลือกจัดโดยยึดหลักจันทรคติ สุริยคติ หรือตามความสะดวก โดยที่เซนได จะจัดงานระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคมของทุกปี (ส่วนการแสดงดอกไม้ไฟจะจุดเบิกฤกษ์กันในคืนวันที่ 5 สิงหาคม)

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : กลางเมืองเซนได และแหล่งช้อปปิ้งใกล้เคียง / ดอกไม้ไฟจะจุดขึ้นใกล้ๆ บริเวณ Sendai Nishi Park ในวันที่ 5 ส.ค. ของทุกปี
วันเทศกาล : 6-8 ส.ค. ของทุกปี
ค่าบริการ : ชมฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี Sendai ไปถึงงานได้เลย
เว็บไซต์ : https://www.sendaitanabata.com/en

 

Tashirojima Island

Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1007097.html

มาเที่ยวในช่วงหน้าร้อน ก็ต้องได้เจอทะเลกันสักหน่อย… ออกจากตัวเมืองเซนไดไปสักนิดนะ เพราะจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ยังมีสถานที่ น่าเที่ยวในช่วงฤดูร้อนอีกหลายแห่งเลย

แต่มาถึงนี่แล้ว เราแนะนำให้อุทิศ 1 วันเต็มๆ แบบที่…ทาสแมวตัวจริงทั้งหลาย ไม่ ควร พลาด! 😉 เพราะที่ที่เราจะไปนั้น ก็คือเกาะแมวแห่งมิยางิ เกาะทาชิโรจิมะ (Tashirojima Island) หรือ Cat Island นั่นเอง

การเดินทางไปเที่ยวเกาะแมว Tashirojima Island นี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาในการเดินทางสักนิด เพราะเราจะต้องออกไปนอกเมือง นั่งเรือข้ามฟาก ใช้เวลาอยู่กับน้องแมว ทำใจลาจาก แล้วก็เดินทางกลับเข้าเมืองกันอีก ไปที่เดียวก็หมดวันอย่างไม่ต้องสงสัย ควรจัดตารางเที่ยวแบบให้วันนี้เป็น “วันแห่งเกาะแมว” ไปเลยน๊าาาาาา

ความโด่งดังจนได้มาเป็น Cat Island แห่งมิยางิ ของ Tashirojima Island นั้น ก็คล้ายๆ กับเกาะแมวของจังหวัดอื่นตรงที่.. มีคนเอาเรื่องราวไปลงสื่ออินเตอร์ พอไปถึงระดับนานาชาติ.. ที่นี้ทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็อยากจะมาเที่ยวชมกันสิคร๊า ดังกันไปเลยไง!

ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ กว้างประมาณ 3 กิโลเมตรเอง ประชากรมนุษย์ก็มีไม่มาก ส่วนประชากรแมวมีเกือบ 150 ตัว ซึ่งมีมากกว่าคนหลายเท่า!!

การเดินเที่ยวเล่นชมเกาะ ชมธรรมชาติ วิถีชาวบ้าน กราบศาลเจ้าแมว (ที่นี่มีเทพเจ้าแมวด้วย เอาเซ่!) แต่ระหว่างนั้น… ก็มีน้องแมวโผล่มาทักทายอยู่เรื่อยๆ ทางนู้นตัว ทางนี้ตัว ต่อให้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทาสแมวอย่างเป็นทางการ ก็ต้องมีแอบชอบ แอบหลงรัก กันบ้างแล้วล่ะ (เอาจริงๆ น้องแมวก็มาออดอ้อน รอต้อนรับกันตั้งแต่ที่ท่าเรือ Nitoda แล้วล่ะนะ จะไม่รักไหวเหรอ..)

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะมาเที่ยวที่เกาะ Tashirojima แห่งนี้ ควรตรวจสอบตารางเดินเรือกันให้ดี เพราะมีเรือไปเกาะเพียงวันละ 3 เที่ยวเท่านั้น โดยเฉพาะเรือเที่ยวกลับเช็คไว้ให้ชัวร์ก่อนเลย ไม่งั้นได้นอนเป็นเพื่อนน้องแมวแน่ๆ

ถึงบนเกาะจะมี guest houses ให้บริการก็ตาม… เพียงแต่แทบจะไม่มีร้านค้าหรือร้านอาหารเลย ใครจะเที่ยวนานๆ หลายชั่วโมง ควรเตรียมเสบียงมาด้วยนะ เอ.. หรือว่าจะค้าง เพราะว่ากันว่า ตอนกลางคืนบนเกาะนี้ดาวสวยมาก (เพราะอยู่ไกลตัวเมืองนั่นเอง) เช้าๆ เราอาจจะได้เสพบรรยากาศวิถีชาวเกาะของที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่ทำประมง จับปลา เก็บสาหร่าย กันด้วยก็ได้นะ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจดี

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Tashirohama, Ishinomaki City, Miyagi
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี
ค่าบริการ : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Sendai สู่สถานี Ishinomaki ประมาณ 1 ชม. แล้วนั่งแท็กซี่ไปที่ท่าเรือ Ishinomaki ประมาณ 10 นาที แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ (Ajishima Line Ferry) ไปที่เกาะ ประมาณ 60 นาที (1,250 เยน)
เว็บไซต์ : https://sendai-travel.jp/activities/tashiro-island/

 

Mt. Gassan Ski Resort

Credit Photo: ©Gassan.Nishikawa/©JNTO

ใครว่ามาเที่ยวโทโฮขุในช่วงฤดูร้อน… จะไปสกีรีสอร์ทไม่ได้!!!

จากเมือง Sendai จังหวัด Miyagi เราสามารถนั่งรถไฟแล้วต่อรถบัส มายังเมือง Nishikawa จังหวัด Yamagata ที่แวดล้อมไปด้วยป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์กันได้ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ Mt. Gassan Ski Resort ภูเขาที่ชื่ออาจจะดูดึงดูดให้มาเยือนในฤดูหนาว แต่อันที่จริงแล้ว ช่วงฤดูร้อนของที่นี่ก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร

เมือง Nishikawa มีภูเขากัสซัน (Mt. Gassan) ที่สูงถึง 1,984 เมตร เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งให้มาเยือน ซึ่งในฤดูร้อน ที่นี่มีไฮไลท์เป็น Summer Ski!

เดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ลานสกีอื่นๆ ปิด! กันหลายที่ แต่ Mt. Gassan Ski Slopes จะเปิดให้บริการ ซึ่งเราสามารถมาเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด ท่ามกลางอากาศอบอุ่น ฟ้าใสๆ แต่ก็ยังมีหิมะขาวๆ แล้วยังได้เห็นความเขียวขจีของต้นไม้ที่กำลังผลิใบใหม่ด้วย เป็นความแตกต่างของฤดูกาล ที่ผสมผสานอยู่ในสถานที่เดียวกัน น่าสนใจมากๆ

ถ้ามาเยือนที่นี่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ก็จะเป็นช่วงที่นักเดินป่า ท่องภูเขา นิยมกันมากๆ เพราะมีกิจกรรม Mt. Gassan Flower Trekking ที่จะได้มาเดินชมธรรมชาติที่มีดอกไม้ป่าจำนวนมากกำลังผลิบานทั่วภูเขา

นอกจาก Mt. Gassan ที่มีลานสกีเปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อนแล้ว ลานสกีที่ Okutadami Maruyama Ski Resort ในจังหวัด Niigata ก็เปิดบริการในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์ว่าแถบโทโฮขุนี้ เราสามารถเล่นสกีในฤดูอื่นๆ นอกจากฤดูหนาวกันได้ด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Nishikawa-machi, Nishi-Murayama, Yamagata
เปิดบริการ : ตลอดทั้งปี (Summer Ski เปิดเดือนเม.ย. – ก.ค.)
ค่าบริการ : มีบัตร Lift จำหน่ายแบบ One day pass ผู้ใหญ่ 4,700 เยน เด็ก 3,500 เยน (ไม่มีบริการเช่าอุปกรณ์สกี ที่ Mt. Gassan สถานที่เช่าอุปกรณ์สกีที่แนะนำคือ Yamagata Swallow Rental Service)
การเดินทาง : จากสถานี Sendai นั่งรถ Yamako-Shonai-Miyako Bus จากสถานี Sendai ตรงมาลงที่เมือง Nishikawa เลย ใช้เวลาประมาณ 75 นาที
เว็บไซต์ : https://www.gassan-info.com/en/gassan

 

Yamagata Hanagasa Festival

Credit Photo: ©Yamagata Prefecture/©JNTO

มาเที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อนของจังหวัด Yamagata กันบ้างนะ

จากเมือง Nishikawa เรานั่งรถบัสมาลงที่สถานี Yamagata ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากสถานีเดิน 10 นาที ก็จะถึงบริเวณที่จัดงาน Yamagata Hanagasa Festival แล้ว

Yamagata Hanagasa Festival งานเทศกาลฤดูร้อนที่จัดขึ้นทุกปี ในวันที่ 5 – 7 สิงหาคม (3 วัน) เป็นขบวนพาเหรดเต้นระบำพื้นเมืองประกอบจังหวะดนตรี ที่เรียกว่า Hanagawa (ระบำหมวกดอกไม้) ซึ่งมีนางรำเข้าร่วมขบวนมากกว่า 10,000 คน แต่ละปีจะมีผู้มาเที่ยวชมงานมากถึงราว 1 ล้านคน

อุปกรณ์สำคัญในเทศกาลนี้คือ Hanagawa หรือหมวกสานประดับด้วยดอกไม้ ซึ่งผู้เต้นระบำจะถือ และใช้แสดงท่าทางประกอบจังหวะดนตรีโดยตลอด มีหลายท่าทาง… อาจจะแค่โบกหมวกไปมา พลิกหมวก หมุนหมวก หรือแม้กระทั่งควงหมวก เชื่อว่าถ้าใครมางานนี้ ต้องมีอยากลองเต้นตามกันแน่ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
สถานที่จัดงาน : Yamagata Main Street (Tokamachi – Honmachi – Nanokamachi – Bunshokan)
วันเทศกาล : 5-7 ส.ค. ของทุกปี เวลา 18.00 – 21.45 น.
ค่าบริการ : ชมฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Yamagata ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ :
https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_10028.html
http://www.hanagasa.jp/_lang/en/

 

Mt. Azuma-kofuji

Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/sozaishu/detail_1008499.html

จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) อยู่ถัดลงมาทางใต้ของจังหวัด Yamagata ที่นี่ก็มีธรรมชาติที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาคโทโฮขุ และในฤดูร้อน Mt. Azuma-Kofuji ก็เปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมความอลังการถึงปากปล่องภูเขาไฟเลยทีเดียว

จากสถานี Yamagata เราสามารถเดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานี Fukushima แล้วต่อรถเมล์จากสถานีมายัง Mt. Azuma-Kofuji ได้ (เช็คตารางเดินรถกันล่วงหน้าด้วยนะ)

ภูเขาไฟแห่งนี้มีลักษณะคล้ายชาม ที่หากมองจากขอบของปากปล่องลงไป ก็น่าจะนึกถึงครกยักษ์ ที่มีความสูงถึง 1,707 เมตร มองจากที่ไกลๆ บางมุมก็จะดูคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิด้วย จึงได้ชื่อว่า Kofuji หรือ Little Fuji มานั่นเอง

ภูเขาไฟ Mt. Azuma-Kofuji อยู่บนเส้นทาง Bandai-Azuma Skyline ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Azuma ด้านล่างของภูเขาไฟ เป็นที่ราบสูง Jododaira ที่มีลักษณะภูมิประเทศเฉพาะตัว มีทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าสน และหินภูเขาไฟรายล้อม เป็นต้น จึงมีเส้นทางเดิน Trekking ที่ได้รับความนิยมอยู่ด้วย

บริเวณนี้ยังเป็นจุดจอดรถและเป็นที่ตั้งของ Jododaira Visitor Center ซึ่งถ้าใครเดินเที่ยวจนเหนื่อย หมดแรงแล้ว ก็แวะมาพักที่นี่ก่อนได้ มีของกิน ของฝาก ที่นั่งพัก ไว้บริการ และอ่อ! ที่นี่มีหอดูดาวด้วยนะ (Jododaira Astronomical Observatory) อยู่บนที่ราบสูงอย่างนี้ ท้องฟ้าตอนกลางคืนน่าจะดี คงเห็นดาวชัดเป็นแน่

สำหรับเส้นทางเดินไปยังปากปล่องภูเขาไฟ Mt. Azuma-Kofuji นั้นสะดวกอยู่ แต่ก็ต้องระวังลื่น ระวังสะดุดกันเองด้วยนะ ใช้เวลาเดินผ่านที่ราบสูง Jododaira ไปแค่ 10 – 15 นาที เราก็จะได้เห็นวิวแบบพาโนราม่าของปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้อย่างเต็มๆ ตาแล้ว ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่ต้องการจะเดินชมรอบๆ ปากปล่องด้วย ก็สามารถทำได้ ใช้เวลาเดินราวๆ 1 ชม. เท่านั้นเอง

และพอได้ขึ้นไปเยือนแล้ว คุณจะรู้สึกว่า… ธรรมชาตินั้นช่างยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย ส่วนตัวช้านนนนนั้น ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กกระจ้อยร่อย เพ้อไปอี๊กกก (^^)”

แล้วถ้าใครเมื่อยล้า… บนเส้นทาง Bandai-Azuma Skyline นี้ มี Takayu Onsen และ Tsuchiyu Onsen เป็นทางเลือกอยู่ไม่ไกลจาก Mt. Azuma-Kofuji สามารถแวะไปใช้บริการ จะแค่ Foot spa (แช่เท้า), Day spa (แช่ตัว..แต่ไม่ค้างคืน), หรือจะพักแรมที่นี่เลย ก็ยังได้

แต่เอาเป็นว่าปากปล่อง Mt. Azuma-Kofuji มันอลังฯ!! สายธรรมชาติต้องอิน! ควรค่ากับการเสียเหงื่อเดินขึ้นไปอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Tsuchiyu Onsen-machi, Fukushima-shi, Fukushima
เปิดบริการ : กลางเม.ย. – กลางพ.ย.
ค่าบริการ : ฟรี
การเดินทาง : ขับรถมาจากสถานี Fukushima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. (ค่าจอดรถ 500 เยน) / มีรถเมล์บริการจากสถานี Fukushima แต่ปกติจะมีเพียงวันละสองรอบเท่านั้น แถมในเดือนก.ย. ยังบริการเฉพาะวันหยุดด้วยจ้า
เว็บไซต์ : https://fukushima.travel/destination/mt-azuma-kofuji/22

 

Goshikinuma

Credit Photo: https://www.tohokukanko.jp/attractions/detail_1287.html

มาปิดท้ายเส้นทางท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนในภูมิภาคโทโฮขุของเรา กันอีกสักแห่งในจังหวัดฟุกุชิมะ

บึงน้ำห้าสี หรือ Goshikinuma เป็นกลุ่มของบึงน้ำและทะเลสาบ ที่อยู่รวมในบริเวณใกล้เคียงกัน ประกอบด้วย Bishamonnuma, Akanuma, Midoronuma, Tatsunuma, Bentennuma, Rurinuma, Aonuma, และ Yanaginuma

แต่ละแห่ง มีแร่ธาตุที่ทำให้เวลาผิวน้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ จะมองเห็นเป็นเฉดสีที่แตกต่างกันไป ฤดูกาลเปลี่ยน มุมมองเปลี่ยน สีของน้ำที่มองเห็น ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย เป็นปริศนาของธรรมชาติที่สวยงาม

Goshikinuma อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Bandai-Asahi เคยถูกจัดอันดับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 1 ดาว โดย Michelin Green Guide เมื่อปี 2016 และต้องใช้เวลาเดินสำรวจแต่ละบึงตลอดเส้นทางความยาวกว่า 3.6 กิโลเมตร ราวๆ 70 – 90 นาที (One-way) เพื่อความชิล จึงแนะนำว่าควรอุทิศหนึ่งวันให้กับการเที่ยวจุดนี้ไปเลย เพราะใช้เวลาทั้งวันแน่ วันนี้เป็น… วันเที่ยว “Goshikinuma”

โดยที่นี่ มีทางเข้า 2 ทาง (Goshikinuma entrance / Urabandai Kogen-eki entrance) แล้วบริเวณทางเข้ายังเป็นป้ายรถเมล์และจุดจอดรถด้วย ถ้าขับรถมาก็สามารถเลือกจอดจุดใดจุดหนึ่ง ไปเดินชมบึงน้ำตลอดเส้นทาง Goshikinuma แบบ One-way ส่วนขากลับก็นั่งรถเมล์กลับมาที่ลานจอดรถของเราได้ แต่ก็ต้องเช็คตารางเดินรถก่อนด้วยนะ เพราะเที่ยวรถมีไม่เยอะ

บึงที่น่าสนใจ ก็มี อาทิ Bishamonnuma เป็นบึงที่ใหญ่ที่สุด สามารถเช่าเรือมาพายเล่นกันได้ (กิจกรรมที่คู่รักนิยมกันมาก) แถมยังมีปลาคาร์ปอาศัยอยู่ด้วย และว่ากันว่าถ้าใครหามุมที่มองเห็นบึงนี้เป็นรูปหัวใจได้ ก็จะโชคดี! Akanuma มีพืชน้ำสีแดงอาศัยอยู่ เวลาแสงสะท้อนผิวน้ำก็จะให้สีสันที่แปลกตาทีเดียว ส่วนบึง Midoronuma ก็กล่าวกันว่า สามารถมองเห็นสีน้ำเป็น 3 เฉดสีได้ในคราวเดียว นี่แค่ตัวอย่างจิ๊บๆ แต่ที่ Goshikinuma ยังมีมุมที่น่าสนใจอีกเยอะ ก็ต้องลองไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองกันดูนะจ้ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Hibara, Kitashiobara, Yama, Fukushima
เปิดบริการ : ตลอดปี
ค่าบริการ : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Inawashiro แล้วต่อรถเมล์ (Bandai Toto Bus) ประมาณ 30 นาที ไปลงป้าย Urabandai Goshikunuma Iriguchi หรือป้าย Urabandai Kougen-eki ก็ได้ สองป้ายนี้อยู่ห่างกันแค่ 5 นาที
เว็บไซต์ : https://fukushima.travel/destination/goshiki-numa-ponds/13

ก่อนจะกลับเข้ากรุงโตเกียว เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในช่วงฤดูร้อนอีกสองแห่งในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ที่ติดกับจังหวัด Fukushima มาแนะนำ เพื่อเอาไว้เป็นไอเดียออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนด้วยตัวเองเพิ่มเติมกัน

 

Kiyotsu Gorge Tunnel

Credit Photo : marumura

นาทีนี้ ถ้านึกถึงจังหวัด Niigata แล้วไม่พูดถึง Kiyotsu Gorge Tunnel ถือว่าเอ้าท์มากๆ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ ที่มาแรงสุดๆ ความเจ๋งของที่นี่ก็คือการสะท้อนถึงแนวคิดเชิงศิลปะ (สายอาร์ตน่าจะชอบ) ตามสไตล์สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของจังหวัดนี้

หุบเขาคิโยทสึ (Kiyotsu) หรือโตรกธารคิโยทสึ เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ จนเป็นหน้าผาหิน และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามของเมือง Tokamachi ที่นี่เคยเกิดหินถล่มจนไม่สามารถเปิดให้เที่ยวชมได้ จนกระทั่งอุโมงค์ Kiyotsu Gorge Tunnel เปิดให้บริการในปี 1996 นักท่องเที่ยวจึงสามารถกลับเข้าไปเที่ยวชมหุบเขา ซึ่งมีทิวทัศน์อันงดงามแห่งนี้ได้อีกครั้ง

อุโมงค์แห่งนี้ได้ผ่านการปรับปรุงเมื่อปี 2018 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลศิลปะระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ที่จังหวัด Niigata นั่นก็คืองาน Echigo-Tsumari Art Triennial การปรับปรุงให้เป็นงานอาร์ตนี้เป็นผลงานของ Ma Yanson / MAD Artchitects และมีชื่อผลงานว่า “Tunnel of Light”

ภายในอุโมงค์ความยาว 750 เมตรนี้ มีจุดให้ชมวิวที่โดดเด่นอยู่ 3 จุด ไฮไลท์ก็คือ Panorama Station ที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งเราจะได้เห็นความงดงามตามธรรมชาติของหุบเขา Kiyotsu กับภาพสะท้อนของอุโมงค์กระจกที่เปลี่ยนไปในแต่ละฤดูกาล ความเขียวชอุ่มและสดชื่นของสายน้ำในช่วงฤดูร้อนที่จุดนี้ ก็เป็นอีกทัศนียภาพหนึ่งที่น่าจดจำ ลองมาเที่ยวชมกันดู เก๋มากๆ

หลังจากงาน Echigo-Tsumari Art Triennial ปี 2018 ที่นี่ก็กลายเป็นทั้งงานศาสตร์และงานศิลป์ที่นักท่องเที่ยวต่างชื่นชม วิวธรรมชาติก็งาม เสริมด้วยลูกเล่นทางศิลปะ ทุกอย่างดูลงตัว เวลาถ่ายรูปที่ระลึก จุดนี้จึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ และนี่คือเหตุผลที่ Kiyotsu Gorge Tunnel ฉายา “Tunnel of Light” ฮ็อตมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Niigata

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Koide, Tokamachi, Niigata
เปิดบริการ : 08.00 – 16.00 น.
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
การเดินทาง : จากสถานี JR Echigo Yuzawa (นั่งรถไฟจากโตเกียวมาแค่ชั่วโมงกว่าๆ) ต่อรถ Express Bus ที่มุ่งหน้าไป Morimiyanohara ประมาณ 25 นาที แล้วลงที่ป้าย Kiyotsukyo Iriguchi เดินประมาณ 30 นาที จะถึงจุดท่องเที่ยวเด็ดแห่งนี้
เว็บไซต์ : https://nakasato-kiyotsu.com/en/

 

Taraibune Tub-Boat Riding Experience (Yajima Taiken Koryukan)

Credit Photo : marumura

การพายเรืออ่างไม้ หรือ Taraibune เป็นกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และขึ้นชื่อมากในช่วงฤดูร้อนของเกาะซาโดะ (Sado) จังหวัด Niigata

เกาะซาโดะนั้น เคยมีอุตสาหกรรมเหมืองทองที่เฟื่องฟูมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ แล้วยังเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นปูซูไวสดๆ น้ำแร่คุณภาพสูง และเหล้าญี่ปุ่นรสชาติล้ำเลิศที่ส่งออกไปทั่วโลก เป็นต้น

ประมงเป็นอาชีพหลักของชาวเกาะซาโดะ เรืออ่างไม้นี้ก็เป็นอุปกรณ์เลี้ยงชีพแบบภูมิปัญญาชาวบ้านของคนที่นี่ เพื่อเอาไว้เก็บสาหร่าย และงมหอยเป๋าฮื้อ ที่มีอยู่มากมายในอ่าวเล็กๆ อันเป็นเขตน้ำตื้น มีแนวปะการังและโขดหินสลับซับซ้อน เรือทั่วไปจึงเข้าถึงได้ยาก

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถมาลองสัมผัสประสบการณ์นั่งในอ่างไม้ที่ถูกใช้แทนเรือนี้กันได้ โดยมีสาวๆ ใส่ชุดชาวประมงดั้งเดิมเป็นคนพายเรือให้แบบชิลๆ แต่ถ้าได้ลองพายเองแล้ว จะรู้เลยว่า… ไม่ง่าย \(><)/ แต่ก็สนุกดี วิวสวย แล้วน้ำทะเลก็ใสแจ๋วสุดๆ

จุดพายเรืออ่างที่ Yajima Taiken Koryukan นี้ อยู่ห่างจากท่าเรือ Ogi ทางตอนใต้ของเกาะซาโดะเพียงแค่ไม่กี่นาที ที่นี่ยังมีสะพานโค้งสีแดง ที่ตัดกับสีของท้องฟ้าและน้ำทะเล เป็นฉากที่เหมาะกับการถ่ายรูปอีกด้วยนะ ดีงามมากๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Ogi, Sado, Niigata
เปิดบริการ : เม.ย. – ต.ค. เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันที่ 21 ต.ค.)
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน (รอบละประมาณ 10 นาที)
การเดินทาง : นั่งเฟอรี่มายังท่าเรือ Ogi Port บนเกาะซาโดะ นั่งรถเมล์มาลงที่ป้าย Yajima Iriguchi (Shukunegi Line) ประมาณ 5 นาที แล้วเดินต่อ ประมาณ 7 นาที
เว็บไซต์ : https://enjoyniigata.com/en/spot/13686

การขับรถท่องเที่ยวในภูมิภาคโทโฮขุด้วยตัวเองในช่วงฤดูร้อน ก็เป็นวิธีการเดินทางที่เพิ่มความสะดวกสบายได้มาก แนะนำเลยจ้า ส่วนรายละเอียด ไปชมทางเว็บไซต์นี้เลย >> ขับรถเที่ยวโทโฮขุ

ทั้งหมดนี้คือสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงงานเทศกาลที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดที่จะไปเยือนในช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคโทโฮขุ หวังว่าจะนำไปใส่ไปในแผนการเดินทางครั้งหน้ากันนะจ้ะ

ครั้งหน้าจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และเสน่ห์ของญี่ปุ่นในจุดไหนกันต่อ รอติดตามกันด้วยน๊า…

บทความโดย : ทีมงาน www.marumura.com

เรื่องที่เกี่ยวข้อง >>
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน สัมผัสมนต์เสน่ห์ฤดูหนาว
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ใบไม้ผลิทั้งที มีดีที่ไหนบ้าง
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 3
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 2
– เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุตอนเหนือ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ตอนที่ 1

ขอบคุณข้อมูล :
https://www.tohokukanko.jp/zh_th/index.html
https://tohoku-japan.jp/th/

#เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน ธรรมชาติแสนงามกับเทศกาลฤดูร้อน #ฤดูร้อน

Tags :
  • Aomori Nebuta Festival
  • Geibikei Gorge
  • Goshikinuma
  • Japan Summer
  • Kiyotsu Gorge Tunnel
  • Mt. Azuma-kofuji
  • Mt. Gassan Ski Resort
  • Omagari Firework Festival
  • Sendai Tanabata Festival
  • Summer in Tohoku
  • Taraibune
  • Tashirojima Island
  • Yajima Taiken Koryukan
  • Yamagata Hanagasa Festival
  • ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น
  • วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น
  • เกาะแมวญี่ปุ่น
  • เทศกาลฤดูร้อน
  • เทศกาลหน้าร้อน
  • เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
  • เที่ยวนีงาตะ Niigata
  • เที่ยวฟุกุชิมะ Fukushima
  • เที่ยวมิยางิ Miyagi
  • เที่ยวยามางาตะ Yamagata
  • เที่ยวอาคิตะ Akita
  • เที่ยวอาโอโมริ Aomori
  • เที่ยวอิวาเตะ Iwate
  • เที่ยวโทโฮขุ Tohoku
marumura

Previous Article
  • ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น
  • เที่ยวกิฟุ Gifu
  • เที่ยวคานาซาว่า Kanazawa
  • เที่ยวฟุคุอิ Fukui
  • เที่ยวโอซาก้า Osaka

Takayama – Hokuriku Area Tourist Pass ท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุได้สะดวกยิ่งขึ้น มอบความคุ้มค่าด้วยบริการรถไฟด่วนพิเศษ และบริการขนส่งทั้งรูท

  • 20/03/2021
  • marumura
View Post
Next Article
  • ข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น
  • เที่ยวกิฟุ Gifu
  • เที่ยวคานาซาว่า Kanazawa
  • เที่ยวฟุคุอิ Fukui
  • เที่ยวโอซาก้า Osaka

Takayama – Hokuriku Area Tourist Pass ท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุได้สะดวกยิ่งขึ้น มอบความคุ้มค่าด้วยบริการรถไฟด่วนพิเศษ และบริการขนส่งทั้งรูท Part 2

  • 21/03/2021
  • marumura
View Post
Trending Post
  • Bandai Namco เตรียมเปิดศูนย์รวมความบันเทิงยามราตรีในย่านคาบุกิโจ
  • Harry Potter Studio Tour Tokyo เผยรายละเอียดก่อนเปิดให้เข้าชมมิถุนายนนี้
  • ญี่ปุ่นจัดงานประดับไฟชมซากุระยามค่ำคืนที่สวน Shinjuku Gyoen โตเกียว
  • ที่พักใหม่สุดชิค…ธีมซูโม่!!
  • โตเกียวอนุญาตให้จัดงานชมดอกซากุระอีกครั้งในรอบ 3 ปี
Recent Posts
  • 10 เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนงาน ประจำปี 2022
    10 เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนงาน ประจำปี 2022
    • 27.03.23
  • ซะกะโมะโตะ เรียวมะ ผู้อยู่เบื้องหลังการฟื้นฟูเมจิ
    ซะกะโมะโตะ เรียวมะ ผู้อยู่เบื้องหลังการฟื้นฟูเมจิ
    • 27.03.23
  • ญี่ปุ่นทำการบินสาธิต “รถบินได้” เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต
    ญี่ปุ่นทำการบินสาธิต “รถบินได้” เพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต
    • 27.03.23
  • ญี่ปุ่นจัดอันดับ “จังหวัดที่ผู้คนนิยมไปคาราโอเกะมากที่สุด”
    ญี่ปุ่นจัดอันดับ “จังหวัดที่ผู้คนนิยมไปคาราโอเกะมากที่สุด”
    • 26.03.23
  • ญี่ปุ่นวางขายเครื่องดื่มสุดแปลก “รสซุปบะหมี่เย็น”
    ญี่ปุ่นวางขายเครื่องดื่มสุดแปลก “รสซุปบะหมี่เย็น”
    • 25.03.23
Pick up
  • Universal Studios Japan เปิดห้องพักใหม่ธีม Despicable Me
  • คาเฟ่ Tom and Jerry เปิดให้บริการแล้วในโตเกียวและโอซาก้า
  • เที่ยวภูมิภาคโทโฮขุ ตอน สัมผัสมนต์เสน่ห์ฤดูหนาว
  • พาไปส่องร้านขนมญี่ปุ่นเก่าแก่ในเกียวโต กับเมนูสุดพิเศษสำหรับฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
  • ไอเดียซื้อของใช้ของฝากจากญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่ขนม?

⭕ คูปองส่วนลดร้านดองกิ

⭕ ดูดวงรายปี 2566

⭕ วันหยุดราชการญี่ปุ่น ประจำปี 2023

Social Links
Facebook
Twitter
Instagram
YouTube

Copyright © 2020 Marumura Co.,Ltd. All Rights Reserved

Input your search keywords and press Enter.