เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ท่องป่าไผ่ลับรสชาติเผ็ดร้อน!
สถานที่ลับ ร้านอาหารลับ หรือที่เคยฮิตติดกระแสในโลกโซเชียลมีเดียบ้านเราอย่าง บาร์ลับ ท้ายที่สุดท้ายแล้วก็…คงไม่เป็นความลับอีกต่อไป แถมยังกลายเป็นมุกตลก เป็นแก๊กไปช่วงหนึ่ง
คำถามคือเหตุการณ์เหล่านี้บอกอะไรกับพวกเรา มันก็บอกว่า ผู้คนก็ยังต้องการไปที่ใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร มีความพิเศษแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักอยู่น่ะสิ! แล้วก็เช่นเดียวกันกับสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตเอง แน่นอนว่ามันมีสถานที่ลับๆ หลบซ่อนอยู่อย่างเงียบๆ รอคอยให้นักท่องเที่ยวต่างแดนอย่างพวกเราได้ออกผจญภัยเพื่อค้นให้พบ!
เกริ่นมาขนาดนี้แน่นอนว่าสถานที่ที่พวกเราจะพาไปรอบนี้ก็ต้องเป็นที่ลับ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ถ้าได้รู้จักและสัมผัสเข้า พวกเรามั่นใจว่าต้องชอบใจกันแน่ๆ เพราะมันคือ “ป่าไผ่” แต่ไม่ใช่ป่าไผ่ยอดฮิตแลนมาร์คชื่อดังที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนหรอกนะ ทว่าเป็นป่าไผ่ที่เงียบสงบ ร่มรื่น มีความยาวถึง 1.8 กิโลเมตร ป่าไผ่ลับแลแห่งนี้มีชื่อที่ว่า ทาเคะ โนะ มิจิ (Take no Michi) แห่งเมืองมุโค ที่อยู่ไม่ไกลนักจากตัวเมืองเกียวโต
พอได้ก้าวลงจากรถเเล้วเห็นป้ายหน้าป่าไผ่เล็กๆ ตั้งอยู่อย่างเงียบเชียบเเล้ว ก็มีความคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีคนขนาดนี้มันต้องธรรมดาแน่ พวกเราเดินไปตามทิศทางที่ป้ายบอกด้วยความไม่คาดหวังอะไร เท่านั้นแหละเป็นต้องร้องออกมาว่า โอ้โห สวยมาก เพราะเมื่อมองไปนั้นมีเพียงความร่มรื่น สีเขียวของแมกไม้ไผ่เรียงตัวยาว ให้ความรู้สึกว่าธรรมชาติช่างสวยงามยิ่งใหญ่ทว่าก็ไม่ลืมมอบความสงบ ผ่อนคลาย สดชื่นให้กับคนเดินดินอย่างพวกเรา
พวกเราเดินลัดเลาะไปตามเส้นทาง สูดอากาศแสนสดชื่น ระหว่างทางก็แชะรูปภาพป่าไผ่ในหลายๆ มุมมองไป ไม่ว่าจะเป็นวิวจากทิวไผ่ที่เรียงตัวสวยงาม ยอดของต้นไผ่สีเขียวที่ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าวันที่แสนสดใส
กว่าสองชั่วโมงที่เราเดินทอดน่องอยู่ในป่าไผ่แห่งนี้ บอกได้เลยว่าเจอนักท่องเที่ยวเดินสวนกันไม่ถึงสิบคน แถมยังเป็นคนญี่ปุ่นอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวลับของจริง (แบบไม่ต้องบูสต์โพสต์แบบบาร์ลับอะ)
แต่ก็ต้องบอกเป็นข้อมูลเพิ่มสักนิดว่าป่าไผ่ทาเคะ โนะ มิจิแห่งนี้ ตัวไผ่นั้นไม่ได้เรียงรายแน่นหนาเท่าป่าไผ่แลนมาร์คอีกที่ที่โด่งดังนะ แต่นั่นเป็นเพราะของขึ้นชื่อของเมืองนี้คือหน่อไม้ ซึ่งหน่อไม้เหล่านั้นก็เอามาจากที่ทาเคะ โนะ มิจินี่แหละ เพราะฉะนั้นต้นไผ่ที่นี่ก็เลยไม่สามารถปลูกติดอัดแน่นกันได้ เพราะจะทำให้คุณภาพของหน่อไม้ลดลง แต่ระยะที่ห่างก็ถูกแทนที่ด้วยความยาว 1.8 ก.ม. แถมพอแลกมาซึ่งการที่นิยามได้ว่า ‘นี่คือป่าไผ่ของพวกเรา’ แบบที่ถ่ายรูปกี่ร้อยแอ๊คก็ไม่ติดคนอื่น ไม่ต้องพึ่งแอปตัดคนออกทีหลัง ป่าที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวมีแต่คนท้องถิ่นมาเดิน บอกได้คำเดียวว่า ประทับใจ อยากให้มันเป็นที่ลับแบบนี้ อยากให้มันเป็น ‘ป่าไผ่ของพวกเรา’ต่อไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบคนเยอะนะพลีส แต่หากคนจะเยอะ ก็ขอให้ช่วยกันรักษาความงามของธรรมชาติกันไว้นะ

หลังจากเก็บความงดงามจนเต็มอิ่มเเล้ว แต่ท้องมันไม่ได้อิ่มไปด้วย พวกเราตัดสินใจจะหาร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยของชาวเกียวโตสักร้าน เมื่อสอบถามจากเพื่อนชาวเกียวโต ได้ความว่าใกล้ๆ ป่าไผ่แห่งนี้มีถนนที่ชึ้นชื่อในเรื่องความอร่อยและเผ็ดแซ่บ ชื่อว่า เกะคิคาระ (Gekikara Street) แปลตรงๆ ได้ว่า ‘ถนนแสนเผ็ด’ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟ มุโก มาจิ (Mukou Machi) และ ฮิกาชิ มุโก (Higashi Mukou)
เมื่อถึงตัวถนนพวกเราก็เซอร์ไพรส์กับรูปปั้นพริกในชุดคล้ายซูเปอร์แมน เพื่อนเกียวโตบอกว่านี่คือมาสค็อตของถนนเกะคิคาระ ไม่น่าเชื่อว่าแม้เเต่ถนนก็ยังมีมาสค็อต! เพื่อนยังยื่นแผนที่ลายแทงบอกถึงร้านอาหารที่ขายอาหารรสเผ็ดจัดจ้านซึ่งตั้งเรียงรายบนถนนเกะคิคาระนี้ พร้อมบอกเมนูเผ็ดขึ้นชื่อของแต่ละร้าน บางเมนูก็ทำให้พวกเราฉงนสงสัยว่า เฮ้ย มันทำให้เผ็ดได้ด้วยเหรอ แบบคุกกี้เผ็ด ซาลาเปาเผ็ดนรกงี้
เพื่อนยังแนะนำร้านหนึ่งไว้ บอกถ้ามาที่นี่ไม่ทานร้านนี้ แสดงว่าพวกเธอจะยังไม่เข้าใจถึงความเผ็ดที่แท้จริง! เมื่อแนะนำขนาดนี้พวกเราก็เลยตัดสินใจว่าเอาร้านนี้ ร้านที่มีชื่อว่า มิน มิน (Min Min) นี่แหละ
เมื่อมาถึงก็เจอป้ายของร้านสีแดงเเรงฤทธิ์แสดงความเผ็ดแซ่บของอาหารได้อย่างดี เข้าไปก็พบครอบครัวพ่อแม่ลูกญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นนั่งทานอาหารกันอยู่หลายโต๊ะ พอจะเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆ กับบรรดากลุ่มเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่น นางเพื่อนสายมูก็เอะอะ ชี้ไปที่ผนังพลางบอกให้พวกเราดู ก็พบว่ามีนักร้อง นักแสดงคนดังชาวญี่ปุ่นได้แวะเวียนมาท้าความเผ็ดที่ร้านนี้กันอย่างคับคั่ง (สงสัยที่นี่คงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น ที่ลับหรือร้านอาหารลับได้แล้วละมั้ง!)
วิธีสั่งอาหารของร้านมินมินก็มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ความเผ็ดสุดร้อนแรง เพราะจะสั่งเมนูอะไรก็ต้องเลือกระดับความเผ็ดจากเลเวลน้อยไปถึงมากที่สุด แต่สำหรับใครที่ไม่ทานอาหารรสจัดก็ไม่ต้องกังวล ถ้ามากับเพื่อนที่อยากท้าความเผ็ดก็สั่งเมนูปกติรสไม่จัดก็มีขายพร้อมเสิร์ฟเน้อ
เมื่อมีพนักงานมารับรายการอาหาร พวกเราก็สั่งกันไป แต่แล้วพอคนสุดท้ายในพวกเราสั่ง พวกเราก็ร้องออกมาว่า เอาจริงดิ เพราะเขาได้สั่งเมนูข้าวผัดที่ระดับความเผ็ดสูงสุดที่เรียกว่า ‘ความเผ็ดระดับยมทูต’ เมนูนี้มีชื่อว่า “ข้าวผัดยมทูต”
พอผ่านไปสักพัก อาหารของแต่ละคนก็มาเสิร์ฟ เหลือแต่ข้าวผัดยมทูตนี่แหละที่ยังไม่มา พวกเราเลยสอบถามกับทางพนักงาน กลัวจะลืม แต่ก็ได้ความว่า หากจะทำเมนูนี้ จะต้องไม่มีเด็กอยู่ในร้าน เพราะกลิ่นของมันจะฉุนมากอาจทำให้เด็กระคายเคืองตาหรือจมูกได้ แต่พอถามเสร็จปุ๊บ ครอบครัวที่นั่งอยู่ก่อนก็เหมือนจะรู้ใจ พร้อมใจเดินออกจากร้านพอดิบพอดี เจ้าของร้านก็เลยได้โชว์ฝีมือผัดข้าวผัดยมทูตให้พวกเราดูจะจะ ผัดไปก็ต้องใส่หน้ากากปิดจมูกไปด้วย เพราะมันทั้งฉุน ทั้งร้อนแรงน่ะสิ!
พอเจ้าข้าวผัดยมทูตมาเสิร์ฟ สาวๆ ชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ก็ร้องวี้ดว้ายกัน หนึ่งในพวกเราคนที่สั่งก็เริ่มตักทาน ผลคือเผ็ดมากถึงมากที่สุด รสจัดมาก แต่ก็อร่อยมาก เรียกได้ว่า ถึงพริกถึงขิง ทานไปสักพักเขาถึงกับต้องปาดเหงื่อ! พอเริ่มทานมากเข้าก็ต้องหยุดยอมแพ้ที่ครึ่งจานเพราะหน้าแดงเสียก่อน เจ้าของร้านก็เดินมาทักทาย แล้วบอกเคล็ดลับความเผ็ดว่า เมนูนี้น่ะใช้พริกแคโรไลน่า ริปเปอร์ (Carolina Reaper) ซึ่งเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกมาปรุง หากใครจินตนาการความเผ็ดของมันไม่ออก ให้มโนว่ามันเผ็ดกว่าพริกขี้หนูบ้านเราถึง 50 เท่า!
พอหยุดทานไปสักพัก หนึ่งในพวกเราก็ยังไม่หายหน้าเเดง พนักงานเลยเข้ามาแนะนำว่าให้สั่งเครื่องดื่มผสมโยเกิร์ตที่มีชื่อว่าลัคกี้ จะช่วยคลายความเผ็ดความร้อนได้ ขนาดนี้เเล้ว…ก็ต้องสั่งแล้วล่ะ! พอเอามาวาง เขาผู้หน้าแดงก็ไม่รอช้ากระดกดื่มเอื๊อกๆ ผลปรากฏว่าดีขึ้น เหงื่อเริ่มหาย รู้สึกเย็นสบายขึ้นทันตา
นึกว่าเรื่องจะจบเเค่นี้ ยังไม่จบจ้า เพราะสาวชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ พวกเรา เขาดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เจ้าคนสั่งเมนูข้าวผัดยมทูตเลยถามสาวญี่ปุ่นไปว่าลองทานดูก็ได้นะ ปรากฏว่ามีนางหนึ่งอยากลอง เธอก็ทานอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยการตักข้าวผัดยมทูต 1 เม็ดเข้าปาก แล้วก็เกทับว่า เอ…เผ็ดตรงไหน ไม่เห็นเผ็ดเลย คนไทยขี้หลอก เจ้าของร้านเห็นเหตุการณ์เลยท้าว่าแน่จริง ลองทานเป็นคำดูสิ ด้วยความเป็นสาวญี่ปุ่นจิตใจทรนงท้ามาก็ต้องกล้ารับ เธอจึงตักจ้วงหนึ่งคำเข้าที่ปาก แล้วก็ร้องเสียงดัง คาระๆๆๆ (เผ็ดๆๆๆ) พวกเราเลยสั่งเครื่องดื่มลัคกี้ให้นางเป็นการปลอบขวัญ
เมื่อคุยกันพวกเราก็เเลกเปลี่ยนเรื่องราวทริปท่องเที่ยวของเราให้พวกเธอฟัง ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนสนุกสนานเฮฮากันไป ถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ เป็นมิตรภาพที่ไม่จำกัดเชื้อชาติ
สถานที่ที่พวกเราเลือกที่จะไปกันมันอาจเป็นที่ลับ เป็นที่ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร แต่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอีกนั่นแหละที่ต้องเปิดเผย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เฮ้ย ไม่ใช่ สถานที่สวยๆ ไม่ได้มีเเต่ที่แลนมาร์คโว้ย! เป็นภารกิจของเราที่จะเปิดรูทสถานที่ลับเหล่านี้ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รู้ เพราะมันสวย สงบ ควรค่าแก่การมา! แต่ก็แอบหวังไว้นะว่าจะไม่ขนาดตามรอยมาถล่มทลาย แหม ก็อย่างที่บอก พวกเรายังอยากเก็บสถานที่อย่าง ‘ป่าไผ่ของพวกเรา’ เอาไว้ตราบนานเท่านานนี่หว่า!!
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาตินั้นพังเพราะมนุษย์มาก็เยอะ เราก็อยากจะฝากให้ช่วยกันรักษาไว้ จะได้มีสถานที่สวยๆแบบนี้ไปนานๆ เพราะเราก็อยากกลับไปอีก เพราะที่สวยๆ แบบนี้เที่ยวครั้งเดียวไม่เคยพอจริงๆ
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยือนหมู่บ้านสุขสงบ หิมะ แสงไฟ และเรื่องเซอร์ไพรส์!?
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : ดื่มด่ำความเข้มข้นของเมืองแห่งชาเขียว!
– เที่ยวเกียวโต คุยโวได้ว่า Unseen : เยี่ยมเมืองแห่งการประมง ที่ทั้งอิ่มใจและอิ่มท้อง!
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 1
– บินตรงโอซาก้า ขับรถเที่ยวเกียวโต โอ้โห!! ที่แบบนี้ก็มีด้วย ตอนที่ 2
#เที่ยวเกียวโต